[Verse 1] https://suno.com/s/gQCuzfnqgQQSHs9u
เมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ในผืนดิน
คือเสียงของชุมชนที่ยังไม่สิ้น
ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงบนหอคอย
แต่คือมือของคนตัวน้อยที่ยื่นออกไป
(ท่อนฮุก) https://suno.com/s/nw5hPhFgfbwzbhSM
เสียงจากฐานราก ก้องไปทั่วฟ้า
ร่วมกันศรัทธาในพลังประชา
ไม่ใช่คำสั่งที่สั่งจากเบื้องบน
แต่คือการร่วมมือของทุกคน
[Verse 2]
ภาคีเครือข่ายที่จับมือไว้
สื่อ เยาวชน วิชาการ รวมใจ
สร้างประชาธิปไตยจากพื้นที่
เพื่อสังคมไทยยั่งยืนต่อไป
[Chorus]
เสียงจากฐานราก ก้องไปทั่วฟ้า
ร่วมกันศรัทธาในพลังประชา
ไม่ใช่คำสั่งที่สั่งจากเบื้องบน
แต่คือการร่วมมือของทุกคน
[Outro]
ฐานรากแข็งแรง ต้นไม้จึงยืนยง
ประชาธิปไตยมั่นคงด้วยพลังของคน
จากรากสู่ลำต้น จากฝันสู่ความจริง
ให้ประเทศไทยก้าวไปบนหนทางแห่งศักดิ์ศรี
แนวทางการพัฒนาประชาธิปไตยฐานรากอย่างยั่งยืน
บทนำ
ประชาธิปไตยฐานราก (Grassroots Democracy) เป็นกระบวนการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในระดับพื้นที่ ผ่านการตัดสินใจด้านนโยบายสาธารณะและการกำหนดทิศทางการพัฒนาโดยชุมชนเอง มากกว่าการพึ่งพาโครงสร้างจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียว แนวคิดนี้มีความสำคัญยิ่งต่อสังคมไทย เนื่องจากการพัฒนาประชาธิปไตยเชิงโครงสร้างเพียงด้านบนไม่เพียงพอ หากปราศจากการเสริมสร้างฐานสังคมที่เข้มแข็งและการมีส่วนร่วมของประชาชน
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ได้มีการจัดสัมมนา Kick Off เครือข่ายสื่อเพื่อการเปลี่ยนแปลง ณ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเชื่อมโยงภาคประชาสังคม นักวิชาการ และเครือข่ายสื่อมวลชน โดยมีเป้าหมายในการผลักดันประชาธิปไตยฐานรากอย่างยั่งยืน และสร้างการสื่อสารที่เข้มแข็งจากฐานประชาชน
แนวคิดและพัฒนาการของประชาธิปไตยฐานราก
ศ.ดร. บรรเจิด สิงคะเนติ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้นำเสนอว่า ประชาธิปไตยฐานรากเป็น กระบวนการตัดสินใจเชิงนโยบายที่มาจากด้านล่าง (Bottom-up Policy-making) ซึ่งมีความจำเป็นในการดำเนินคู่ขนานไปกับประชาธิปไตยฐานบน (Top-down Democracy) เนื่องจากนโยบายที่กำหนดจากส่วนกลางเพียงด้านเดียวไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาที่ซับซ้อนในพื้นที่ได้
แนวคิดนี้ปรากฏร่องรอยในร่างรัฐธรรมนูญปี 2558 ที่เสนอการจัดตั้ง “สภาพลเมือง” แต่เมื่อร่างดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบ จึงทำให้เกิดความจำเป็นในการขยายแนวคิด “การกระจายอำนาจ” ไปสู่รูปแบบใหม่ที่เน้นความร่วมมือระหว่างรัฐกับประชาชน
กลไกและภาคีขับเคลื่อน
การสัมมนาดังกล่าวได้เสนอให้ใช้แนวทาง “ภาคีหุ้นส่วนการพัฒนา” (Development Partnership) ซึ่งหมายถึงการบริหารจัดการภาครัฐร่วมกับภาคประชาสังคมอย่างมีส่วนร่วม โดยใช้พื้นที่เป็นฐานการพัฒนา
กลไกการขับเคลื่อนประชาธิปไตยฐานรากแบ่งออกเป็นเครือข่ายหลัก 7 กลุ่ม ได้แก่
-
เครือข่าย 7 ส. (สช., สปสช., สวรส., สสส., พอช., บพท., นิด้า)
-
โครงการวิจัยศักยภาพสูง
-
สถาบันสานพลังประชาชน
-
แผนงานพัฒนาระบบและกลไกจังหวัดจัดการตนเอง
-
เครือข่ายวิชาการ
-
เครือข่ายเยาวชน
-
เครือข่ายสื่อมวลชน
เครือข่ายเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็น “กลไกกลาง” ในการสร้างพลังเชื่อมโยงระหว่างชุมชนกับรัฐ รวมถึงการสร้างการสื่อสารเพื่อสะท้อนเสียงประชาชนเข้าสู่เชิงนโยบาย
ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อความยั่งยืน
-
การปรับปรุงกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
-
ปรับหมวด “การปกครองส่วนท้องถิ่น” ให้เป็น “การบริหารท้องถิ่น” เพื่อเพิ่มอำนาจในการจัดการพื้นที่
-
ออกกฎหมายส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม โดยเฉพาะมาตรการทางการเงินเพื่อเสริมความเข้มแข็ง
-
-
การเสริมสร้างกลไกการมีส่วนร่วม
-
จัดตั้ง “คณะกรรมการประสานภาคประชาสังคมระดับจังหวัด” เพื่อเป็นเวทีกลางในการเชื่อมโยงระหว่างชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานราชการ
-
ส่งเสริมให้ท้องถิ่นสามารถกำหนดแผนพัฒนาและนโยบายที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่
-
-
การเสริมพลังสื่อมวลชนและเครือข่ายเยาวชน
-
ใช้สื่อเป็นตัวกลางในการสื่อสารประเด็นเชิงโครงสร้างให้เข้าถึงประชาชน
-
สร้างกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมสำหรับเยาวชนเพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมประชาธิปไตยตั้งแต่ระดับฐานราก
-
-
การสร้างความยั่งยืนของภาคประชาสังคม
-
พัฒนาความเข้มแข็งขององค์กรชุมชนและเครือข่ายท้องถิ่น
-
สนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่
-
สรุป
การพัฒนาประชาธิปไตยฐานรากอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องดำเนินการแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม นักวิชาการ สื่อมวลชน และเยาวชน โดยมุ่งสร้างกลไกที่เชื่อมโยงการมีส่วนร่วมจากฐานสู่ยอด การกระจายอำนาจจึงไม่ใช่เพียงการมอบอำนาจจากส่วนกลาง แต่เป็นการสร้าง “หุ้นส่วนการพัฒนา” ที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยให้สังคมไทยก้าวสู่ประชาธิปไตยที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น