วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568

เพลง “สันติภาพคือทุนแห่งความหวัง”

(Verse 1)  https://suno.com/s/YfuxYVzgEbqjkdGK

เมื่อไฟสงครามยังส่องเงา
หัวใจคนไทยยังสั่นไหว
คำตอบที่แท้หาใช่รบพุ่งไป
มีแต่ความสูญเสียในแผ่นดิน

(Chorus)

สันติภาพคือทุนที่เรามี
ต่อยอดพรุ่งนี้ให้ก้าวไกล
หากไทยกล้าเป็นพี่ใหญ่แห่งภูมิภาค
จะเป็นแสงสว่างของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(Verse 2) 
กรุงเทพฯ ไม่ใช่เพียงทางผ่าน
แต่เป็นบ้าน ศูนย์กลางความฝัน
วัฒนธรรม เศรษฐกิจ มิตรภาพสัมพันธ์
รวมใจเพื่อนบ้านสู่วันใหม่

(Chorus)

สันติภาพคือทุนที่เรามี
ต่อยอดพรุ่งนี้ให้ก้าวไกล
หากไทยกล้าเป็นพี่ใหญ่แห่งภูมิภาค
จะเป็นแสงสว่างของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(Outro)

ไม่ใช่ศึก ไม่ใช่การแบ่งแยก
แต่คือการร่วมมือที่ยั่งยืน
รักชาติแท้คือสร้างสันติภาพ
เพื่อประชาชนได้อยู่ดีไปพร้อมกัน

สันติภาพคือทุน มุมมองเศรษฐา ทวีสิน

บทนำ

สันติภาพมิได้เป็นเพียงภาวะไร้สงครามหรือความขัดแย้ง แต่ยังเป็น “ทุนเชิงโครงสร้าง” (structural capital) ที่สามารถต่อยอดไปสู่ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองได้อย่างยั่งยืน มุมมองของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่าง “สันติภาพ” และ “เศรษฐกิจ” โดยมุ่งเสนอให้ประเทศไทยสวมบทบาท “พี่ใหญ่” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไม่ใช่การครอบงำ แต่เป็นการใช้พลังทางการทูต เศรษฐกิจ และความเป็นมิตรภาพเพื่อสร้างเสถียรภาพร่วมกัน

1. สันติภาพในฐานะทุน (Peace as Capital)

เศรษฐามองว่า ความสงบคือจุดเริ่มต้นของความมั่งคั่ง หากไร้สันติภาพ การลงทุน การผลิต และการค้าขายย่อมสะดุด การสร้างสันติภาพจึงเปรียบเสมือน “ต้นทุนเริ่มต้น” ที่ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าได้ โดยมีประเด็นสำคัญคือ

  • การเป็นคนกลาง (Mediator Role): ไทยควรใช้จุดแข็งด้านภูมิศาสตร์และศักยภาพในกรุงเทพฯ เป็นเวทีเจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง เช่น กรณีพม่า

  • การสร้างความร่วมมือพลังงานและทรัพยากร: การจัดการพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชาในเชิง “โครงการร่วมพัฒนา” จะนำไปสู่ผลลัพธ์แบบ Win-Win แทนที่จะเป็น Zero-Sum

  • การสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น: ประเทศที่สามารถรักษาสันติภาพได้ย่อมดึงดูดการลงทุนและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจได้

2. แนวคิด “พี่ใหญ่” กับภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจ

เศรษฐานำเสนอแนวคิด “พี่ใหญ่” ที่แตกต่างจากการใช้อำนาจกดขี่ แต่คือการใช้ศักยภาพเพื่อสร้างประโยชน์ร่วม ดังนี้

  • เชื่อมโยงภูมิภาค (Regional Hub): มุ่งหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางของ CLMV ผ่านความร่วมมือโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน

  • การสร้างกรุงเทพฯ เป็น Global City: ไม่ใช่เพียงจุดแวะผ่านของสายการบิน แต่เป็นฐานของบริษัทข้ามชาติ โรงเรียน โรงพยาบาล ศิลปะ และ Soft Power

  • การเสริมบทบาทการทูตเชิงรุก (Proactive Diplomacy): ไทยต้องไม่เพียงแค่รอคอย แต่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการเจรจา ประชุม และความร่วมมือระดับภูมิภาค

3. ข้อท้าทายและอุปสรรค

แม้มุมมองดังกล่าวมีศักยภาพ แต่ก็เผชิญข้อท้าทายหลายประการ ได้แก่

  • วาทกรรม “ขายชาติ”: ความหวาดระแวงทางการเมืองภายในประเทศทำให้ข้อเสนอเชิงสันติภาพและการแบ่งปันทรัพยากรถูกโจมตี

  • ผลประโยชน์ทับซ้อน: ความมั่นคง พลังงาน และพื้นที่ทับซ้อนอาจนำไปสู่ข้อครหาเรื่องเอื้อประโยชน์

  • การแข่งขันระดับภูมิภาค: หากไทยไม่ก้าวทัน ประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์หรือเวียดนาม อาจแย่งบทบาทศูนย์กลางไป

4. การตีความในเชิงวิชาการ

แนวคิดของเศรษฐาสามารถวิเคราะห์ผ่านกรอบ ทฤษฎีสันติภาพเสรีนิยม (Liberal Peace Theory) ที่เน้นว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจจะสร้างความพึ่งพาซึ่งกันและกันและลดโอกาสเกิดสงคราม อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวคิด Soft Power Diplomacy ที่ใช้วัฒนธรรมและบทบาททางสังคมในการสร้างอิทธิพลแทนกำลังทหาร

สรุป

มุมมองของเศรษฐา ทวีสิน สะท้อนการมองสันติภาพในฐานะ “ทุน” ที่สามารถต่อยอดไปสู่เศรษฐกิจและบทบาทระหว่างประเทศได้อย่างยั่งยืน หากไทยสามารถสวมบทบาท “พี่ใหญ่เชิงบวก” ในภูมิภาค อาจช่วยยกระดับกรุงเทพฯ เป็น ศูนย์กลางแห่งความหวัง ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สันติภาพจึงไม่ใช่เพียงคุณค่าเชิงศีลธรรม หากแต่เป็นยุทธศาสตร์การลงทุนระยะยาวของชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พลวัตการทำหน้าที่สส.ของดร.นิยม เวชกามา มิติศาสนจักรและการเมือง

รายงานฉบับนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์บทบาท หน้าที่ และพฤติกรรมทางการเมืองของ ดร.นิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และอดีตแกนนำพรรคเพื...