วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

เพลง: สองฟากแห่งสันติภาพ

(Verse 1) https://suno.com/s/HGRnlBo2WRMFmw2V

สองแผ่นดินติดกันแต่ใจยังไกล
พรมแดนคือเส้นบางๆ ที่กั้นไว้
ต่างเอ่ยคำ “สันติภาพ” ด้วยศรัทธา
แต่ความหมายกลับสวนทางในสายตา

(Chorus)

ไทยยืนยันปกป้องแผ่นดิน
กัมพูชาร้องเพื่อสิทธิ์พลเมือง
ต่างเชื่อว่าตนคือผู้เที่ยงตรง
แต่สันติภาพยังหล่นหายกลางลม

(Verse 2)
เสียงในยูเอ็นดังก้องโลกา
ต่างฝ่ายอ้างความจริงของตนออกมา
ไทยว่าถูกโจมตีรุกล้ำไม่หยุด
เขมรกลับบอกอดกลั้นสุดใจ

(Chorus)

ไทยยืนยันปกป้องแผ่นดิน
กัมพูชาร้องเพื่อสิทธิ์พลเมือง
ต่างเชื่อว่าตนคือผู้เที่ยงตรง
แต่สันติภาพยังหล่นหายกลางลม

(bridge)

สันติภาพคือสะพาน ไม่ใช่กำแพง
คือการฟังกัน ไม่ใช่เพียงกล่าวอ้าง
หากเรามองตาและจับมือกันบ้าง
เส้นแดนแคบๆ จะกว้างเป็นมิตรภาพ

(Outro)

สองฟากฟ้า ต่างร้องหาสันติ
แม้ถ้อยคำยังไม่ตรงสักที
แต่หากหัวใจยอมเปิดทาง
วันหนึ่งสันติภาพ...คงอยู่กลางเรา


วิเคราะห์ความเข้าใจคำว่าสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชากรณีความขัดแย้งชายแดน: ความเหมือนและความแตกต่าง

บทนำ

สันติภาพ (Peace) เป็นแนวคิดสากลที่มีความหมายหลากหลายและถูกตีความแตกต่างไปตามบริบททางการเมือง สังคม และวัฒนธรรม ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะในเวทีสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UNGA) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 แสดงให้เห็นชัดเจนว่า แม้ทั้งสองประเทศต่างประกาศยึดมั่นในสันติภาพ แต่กลับให้ความหมายและตีความในลักษณะที่แตกต่างกันจนกลายเป็นประเด็นเผชิญหน้าแทนที่จะเป็นสะพานเชื่อม

มุมมองของไทยต่อ “สันติภาพ”

ถ้อยแถลงของนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ชี้ชัดว่าสันติภาพสำหรับไทยคือ การยุติการยั่วยุและการเคารพอธิปไตย ไทยมองว่ากัมพูชามีการบิดเบือนข้อเท็จจริงและสวมบทบาท “เหยื่อ” ในสายตาสากล ขณะที่ในทางปฏิบัติกลับส่งโดรนสอดแนมและโจมตีทหารไทย การปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจึงถูกยกให้เป็นแกนกลางของสันติภาพในมุมมองไทย ดังนั้น การเจรจาและความร่วมมือที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ การเคารพข้อตกลงและการไม่ละเมิดอธิปไตย คือภาพของสันติภาพที่ไทยพยายามสื่อสาร

มุมมองของกัมพูชาต่อ “สันติภาพ”

ในอีกด้านหนึ่ง นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ได้สะท้อนว่าสันติภาพหมายถึง การยุติการคุกคามและการเคารพสิทธิมนุษยชนของพลเรือน กัมพูชากล่าวหาไทยว่าเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง บังคับขับไล่ชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่พิพาท และไม่ใช้กลไกสันติภาพที่ได้ตกลงกันไว้ การอ้างถึงความเป็น “ประเทศเล็ก” ของกัมพูชาจึงกลายเป็นกลยุทธ์ในการชูภาพลักษณ์ผู้ถูกคุกคามและเรียกร้องให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะอาเซียนและสหประชาชาติ เข้ามามีบทบาทในการรักษาสันติภาพ

ความเหมือนกัน

แม้จะมีความแตกต่างเชิงมุมมอง แต่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างมี เป้าหมายร่วมกันคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ เพียงแต่ใช้เกณฑ์วัดและวิธีการตีความที่ต่างกัน ข้อถกเถียงในเวที UNGA สะท้อนว่าไม่มีฝ่ายใดปฏิเสธสันติภาพ แต่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นว่าตนเองคือผู้ปกป้องและอีกฝ่ายคือผู้ละเมิด

ความแตกต่าง

  1. แกนกลางของสันติภาพ

    • ไทย: เน้นการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

    • กัมพูชา: เน้นการปกป้องพลเรือนและสิทธิมนุษยชน

  2. บทบาทประชาคมโลก

    • ไทย: มุ่งเน้นการเจรจาทวิภาคีและอาเซียน

    • กัมพูชา: เรียกร้องการสนับสนุนจากประชาคมโลกและองค์การระหว่างประเทศมากกว่า

  3. การสร้างภาพลักษณ์

    • ไทย: วางตัวเป็นผู้เสียหายจากการยั่วยุของกัมพูชา

    • กัมพูชา: วางตัวเป็นประเทศเล็กที่ตกเป็นเหยื่อของเพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่า

บทสรุป

กรณีความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา แสดงให้เห็นถึง การตีความสันติภาพที่ไม่ตรงกัน แม้ทั้งสองฝ่ายประกาศยึดมั่นในหลักการสันติภาพ แต่การนำเสนอในเวทีโลกกลับตอกย้ำความแตกต่างและสร้างการปะทะทางวาทกรรม ความเข้าใจคำว่าสันติภาพที่หลากหลายเช่นนี้จึงกลายเป็นดาบสองคม ที่อาจสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ยิ่งทำให้การบรรลุสันติภาพจริงในระดับปฏิบัติการเป็นไปได้ยากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พลวัตการทำหน้าที่สส.ของดร.นิยม เวชกามา มิติศาสนจักรและการเมือง

รายงานฉบับนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์บทบาท หน้าที่ และพฤติกรรมทางการเมืองของ ดร.นิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และอดีตแกนนำพรรคเพื...