บทความนี้วิเคราะห์แผนปฏิบัติการด้านบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 5 (พ.ศ. 2571–2575) ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ โดยมีการบูรณาการเครื่องมือ SROI (Social Return on Investment), Result Chain และแนวคิด Ecosystem เพื่อสร้างผลลัพธ์การพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับชุมชนและประเทศ โดยเน้นการสร้างฐาน “อยู่รอด พอเพียง ยั่งยืน” อันเป็นการยกระดับจากการพึ่งตนเองไปสู่การเชื่อมโยงเชิงระบบกับภาครัฐ เอกชน และสังคม
1. บทนำ
การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (พอเพียง–มีเหตุผล–มีภูมิคุ้มกัน พร้อมคุณธรรมและความรู้) ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมากว่า 16 ปี โดยมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ ผ่านแผนปฏิบัติการระยะที่ 1–4 ตั้งแต่การสร้างพื้นที่ต้นแบบ ขยายผลการพัฒนา สู่การสร้างเครือข่ายยั่งยืน ปัจจุบันแผนระยะที่ 4 จะสิ้นสุดในปี 2570 จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการจัดทำแผนระยะที่ 5 (พ.ศ. 2571–2575)
2. กรอบแนวคิดเชิงวิเคราะห์
แผนปฏิบัติการระยะที่ 5 ใช้ 3 เครื่องมือหลัก เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการวัดผลและการขับเคลื่อน ได้แก่
-
SROI (Social Return on Investment)
-
เน้นการประเมินคุณค่าผลลัพธ์ทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการลงทุนเชิงพัฒนา
-
วัดความคุ้มค่าของการลงทุนในเชิงสังคมมากกว่าตัวเงิน
-
-
Result Chain
-
เชื่อมโยงระหว่าง Input → Output → Outcome → Impact
-
ทำให้เห็นความสัมพันธ์เชิงเหตุและผลที่นำไปสู่เป้าหมายระยะยาว
-
-
Ecosystem Approach
-
มองการพัฒนาเชื่อมโยงเป็นระบบนิเวศ ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และชุมชน
-
เน้นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ มากกว่าการทำงานรายโครงการ
-
3. วิเคราะห์สาระสำคัญของแผนระยะที่ 5
-
เน้นการจัดการความรู้และถอดบทเรียน
-
นำความสำเร็จและข้อจำกัดของระยะที่ผ่านมา มาใช้พัฒนาต้นแบบใหม่
-
ส่งต่อองค์ความรู้ให้หน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนสามารถขับเคลื่อนเองได้
-
-
เสริมประสิทธิภาพในพื้นที่ต้นแบบ
-
พัฒนาเรื่องการจัดการน้ำ เกษตร และเครือข่ายเกษตรกร
-
ใช้ SROI วัดผลลัพธ์เชิงคุณค่าในแต่ละพื้นที่
-
-
มุ่งเน้นการพัฒนารายพื้นที่แทนรายโครงการ
-
ลดปัญหาการประเมินที่ไม่สะท้อนความจริง
-
วัดผลสำเร็จจากการเปลี่ยนแปลงในชุมชนแบบองค์รวม
-
-
เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติและ SDGs
-
ตอบสนองเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561–2580)
-
สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะด้านความยากจน การจัดการทรัพยากร และความเท่าเทียม
-
4. กรอบพัฒนาสามขั้น: อยู่รอด – พอเพียง – ยั่งยืน
แผนระยะที่ 5 สะท้อนการต่อยอดพัฒนาชุมชนใน 3 ขั้นตอนเชิงพลวัต ได้แก่
-
อยู่รอด: เน้นแก้ปัญหาปัจจัยพื้นฐาน เช่น น้ำเพื่อการเกษตร อาหาร และรายได้ขั้นต่ำ
-
พอเพียง: สร้างสมดุลรายได้–รายจ่าย พัฒนาความรู้ สร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและสังคม
-
ยั่งยืน: ขยายเครือข่ายการพัฒนา สร้างระบบเศรษฐกิจชุมชนที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจระดับประเทศ และรักษาสิ่งแวดล้อม
5. ความท้าทายและข้อเสนอเชิงนโยบาย
-
ความต่อเนื่องเชิงนโยบาย – ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (คาดภายในปีงบประมาณ 2569) เพื่อให้การดำเนินงานไม่สะดุด
-
การประเมินผลที่แท้จริง – ควรเสริมศักยภาพท้องถิ่นในการใช้เครื่องมือ SROI และ Result Chain
-
การสร้างความร่วมมือแบบ Ecosystem – ต้องมีการบูรณาการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเอกชนและสถาบันการศึกษา
-
การสื่อสารสาธารณะ – ควรสร้างความเข้าใจในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดการตีความคลาดเคลื่อน
6. บทสรุป
แผนปฏิบัติการด้านบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 5 (พ.ศ. 2571–2575) เป็นกลไกสำคัญที่ต่อยอดจากความสำเร็จในระยะที่ผ่านมา โดยใช้เครื่องมือ SROI, Result Chain และ Ecosystem เป็นกรอบประเมินและขับเคลื่อน สู่การพัฒนาที่สร้างสมดุลทั้งมิติชุมชน สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญา “อยู่รอด – พอเพียง – ยั่งยืน” ซึ่งไม่เพียงตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ แต่ยังเป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศในระยะยาว
การนำ นโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกุล ที่จะเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 29 กันยายน 2568 มาวิเคราะห์ว่าสอดรับกับ แผนปฏิบัติการด้านบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 5 (พ.ศ. 2571–2575) หรือไม่ สามารถทำได้โดยพิจารณาจากจุดร่วม จุดแตกต่าง และข้อท้าทาย ดังนี้:
1. ข้อมูลพื้นฐานจากนโยบายรัฐบาล
จากแหล่งข่าวพบว่านโยบายรัฐบาลภายใต้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล เตรียมแถลงต่อรัฐสภานั้น มีโครงสร้าง (โดยสรุป) ประกอบด้วย 5 ด้าน และ 15 แนวทาง เพื่อรับมือกับปัญหาที่กำลังเผชิญในประเทศ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม และการปฏิรูปภาครัฐ โดยมีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนี้:
-
ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส ยุติธรรม และยั่งยืน ThaiPublica
-
การส่งเสริมเกษตรกรและชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เช่น การจัดการราคาสินค้าเกษตร การสนับสนุนพลังงานสะอาดในภาคการเกษตร ฯลฯ ThaiPublica+1
-
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การฟื้นฟู และลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แนวหน้า+1
-
การบริหารราชการภาครัฐให้ทันสมัย โปร่งใส และเชื่อมโยงกัน รวมถึงปฏิรูปกฎหมายและระเบียบราชการที่เป็นอุปสรรค ThaiPublica+1
จึงสรุปได้ว่านโยบายดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายที่ใกล้เคียงกับแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืน และมีเป้าหมายให้การพัฒนาของประเทศไม่เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางนโยบายที่ยั่งยืน
2. จุดร่วมระหว่างนโยบายรัฐบาล กับแผนระยะที่ 5
เมื่อเปรียบเทียบกับกรอบแนวคิดของแผนปฏิบัติการระยะที่ 5 (พ.ศ. 2571–2575) ที่มุ่งเน้น SROI – Result Chain – Ecosystem และกรอบ อยู่รอด – พอเพียง – ยั่งยืน พบว่า:
| ด้าน | จุดร่วมที่เห็นได้ชัด | หมายเหตุ / โอกาสเสริม |
|---|---|---|
| ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง | รัฐบาลประกาศยึดเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม (“สร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส ยั่งยืน”) ThaiPublica+1 | การกล่าวนโยบายเป็นจุดเริ่มต้น แต่ต้องแปลงเป็นแผนปฏิบัติการที่จับต้องได้ |
| การส่งเสริมเกษตรกร / เทคโนโลยีเกษตร | รัฐบาลมุ่งสนับสนุนเกษตรกรผ่านมาตรการราคาสินค้าเกษตร และพลังงานสะอาดในภาคเกษตร ThaiPublica | สอดรับกับเป้าหมายของแผน ที่จะพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ต้นแบบ |
| สิ่งแวดล้อม / การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ | มีนโยบายฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม แนวหน้า+1 | ตรงกับแนวคิด ecosystem และมิติสิ่งแวดล้อมในแผนระยะที่ 5 |
| การปฏิรูปภาครัฐ / การบริหารราชการ | เน้นให้ภาครัฐโปร่งใส ร่วมมือกับภาคเอกชนและประชาชน ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบให้ทันสมัย ThaiPublica+2แนวหน้า+2 | ตรงกับแนวคิด ecosystem และการบูรณาการหลายภาคส่วน |
จากตารางข้างต้น จะเห็นได้ว่า นโยบายรัฐบาลของนายอนุทินมีองค์ประกอบหลายอย่างที่สอดคล้องกับแนวทางของแผนปฏิบัติการระยะที่ 5 โดยเฉพาะในเชิงมิติระบบ (ระบบเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม) และการปฏิรูปภาครัฐ
3. ข้อจำกัดและช่องว่างที่อาจไม่สอดรับเต็มที่
ถึงแม้นโยบายรัฐบาลจะมีแนวทางที่สอดคล้องหลายประการ แต่ยังมีจุดอ่อนหรือช่องว่างที่ต้องพิจารณา:
-
ความชัดเจนด้านเครื่องมือวัดผล (SROI / Result Chain)
-
นโยบายในปัจจุบันยังอยู่ในระดับกว้าง ไม่ได้ชัดเจนในตัวชี้วัด (Indicators) หรือวิธีประเมินคุณค่าเชิงสังคม (SROI)
-
หากไม่มีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนและเครื่องมือประเมินผลที่แข็งแรง จะทำให้ไม่สามารถวัด “ผลลัพธ์” ที่เป็นรูปธรรมได้
-
-
การบูรณาการแบบ Ecosystem ที่แท้จริง
-
นโยบายกล่าวถึงการเชื่อมโยงภาคต่าง ๆ แต่ยังไม่ปรากฏกลไกชัดเจนของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ชุมชน การศึกษา ในระดับปฏิบัติ
-
ไม่มีการกล่าวชัดถึงบทบาทของพื้นที่ต้นแบบ หรือกลไกระดับชุมชนในพื้นที่เฉพาะ
-
-
ลำดับเวลา / ความยั่งยืน
-
นโยบายรัฐบาลอาจเป็นแผนระยะสั้น (4 ปี) ขณะที่แผนเศรษฐกิจพอเพียงระยะที่ 5 ยาว 5 ปี (2571–2575)
-
ต้องมีการรักษาต่อเนื่องข้ามรัฐบาล เพื่อให้แผนระยะที่ 5 สามารถเดินหน้าได้โดยไม่สะดุด
-
-
งบประมาณและแหล่งทุนสนับสนุน
-
นโยบายรัฐบาลอาจเผชิญกับข้อจำกัดงบประมาณ และอาจต้องอาศัยแหล่งทุนภายนอก เช่น เอกชน หรือแหล่งงบประมาณเสริม
-
แผนระยะที่ 5 ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า (Value for Money) รวมถึง SROI เพื่อให้การใช้งบประมาณสร้างผลลัพธ์สูงสุด
-
4. ระดับความสอดรับโดยรวม
เมื่อพิจารณาจากจุดร่วมและข้อจำกัด ผมประเมินว่า นโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน มีความสอดรับกับแผนปฏิบัติการระยะที่ 5 ได้ในระดับปานกลางถึงสูง กล่าวคือ:
-
มีทิศทางและแนวคิดที่สอดคล้องในหลายมิติ เช่น เศรษฐกิจพอเพียง การจัดการทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และการปฏิรูปภาครัฐ
-
แต่หากต้องการให้สอดรับ เต็มที่ กับกรอบ SROI–Result Chain–Ecosystem และหลัก “อยู่รอด – พอเพียง – ยั่งยืน” จะต้องเสริมในเชิงปฏิบัติ ได้แก่ ตัวชี้วัดระบบ ประเมินผลที่แข็งแรง กลไกบูรณาการจริง และความยั่งยืนข้ามรัฐบาล
5. ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์
เพื่อให้การนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติโดยสอดรับกับแผนระยะที่ 5 ได้ดีขึ้น ผมขอเสนอแนวทางเสริมดังนี้:
-
กำหนดตัวชี้วัด SROI และ Result Chain สำหรับนโยบายหลัก
-
สำหรับแต่ละแนวทางนโยบาย ควรออกแบบ logical framework ที่เชื่อมโยง input → output → outcome → impact
-
กำหนดตัวชี้วัดเชิงตัวเงินและเชิงคุณภาพที่สามารถวัดได้ในช่วงระยะ 1–5 ปี
-
-
ตั้งกลไกบูรณาการแบบ Ecosystem
-
จัดตั้งคณะกรรมการบูรณาการระดับชาติ/ภูมิภาค ที่มีตัวแทนจากภาครัฐ เอกชน ชุมชน และสถาบันการศึกษา
-
สนับสนุน “พื้นที่ต้นแบบ” ที่มีบทบาทเป็นศูนย์กลางในการทดลองและขยายผล
-
-
ผนวกรัฐบาลกับแผนระยะยาว
-
ให้แผนระยะที่ 5 เป็นกรอบยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลชุดใด ๆ ต้องยึดถือ
-
เชื่อมโยงงบประมาณประจำกับงบลงทุนให้สอดคล้องกับแผนระยะที่ 5
-
-
กลยุทธ์ด้านการสื่อสารและสร้างการมีส่วนร่วม
-
ให้ประชาชน ชุมชนเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในเชิงปฏิบัติ
-
ให้มีช่องทางรายงานผลแบบเปิด (Open Data) เพื่อความโปร่งใส
-
-
ประสานกับมาตรฐานสากล/เป้าหมาย SDGs
-
เชื่อมโยงนโยบายและแผนกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
-
ใช้การประเมินเชิงภายนอกหรือหน่วยงานอิสระตรวจสอบความคุ้มค่า
-
สรุป
นโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกุล มีแนวทางหลายประการที่สอดรับกับแผนปฏิบัติการด้านบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 5 โดยเฉพาะในมิติแนวคิด การส่งเสริมเกษตรกร การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการปฏิรูปภาครัฐ แต่ในเชิง รายละเอียดการปฏิบัติ ยังมีช่องว่างสำคัญที่จำเป็นต้องเติมเต็ม เช่น การกำหนดตัวชี้วัดที่แข็งแรง การสร้างกลไกบูรณาการจริง และการรักษาความต่อเนื่องข้ามรัฐบาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น