วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568

วิเคราะห์ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยจุ้ยเจียงและคณะสงฆ์จีนในการพัฒนาด้านเอไอ


ในยุคปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนามนุษยชาติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุข และวัฒนธรรม ประเทศจีนถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยี AI ของโลก โดยเฉพาะการบูรณาการ AI เข้ากับบริบททางสังคมและศาสนา ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้างสมดุลระหว่างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์กับรากฐานทางจิตวิญญาณ

มหาวิทยาลัยจุ้ยเจียง (Jiujiang University) และคณะสงฆ์จีน ได้ริเริ่มความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา AI เพื่อยกระดับทั้งการศึกษาพุทธศาสนา การสื่อสารธรรมะ และการประยุกต์ใช้ AI ในการดูแลสังคม ความร่วมมือนี้สะท้อนการผสานองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เข้ากับหลักธรรมพุทธศาสนา ซึ่งถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจในการพัฒนา “เทคโนโลยีเชิงคุณธรรม” (Ethical Technology)

ความเป็นมาและบริบท

  1. แนวโน้มของ AI ในประเทศจีน – จีนมีนโยบายชัดเจนในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำ AI ภายในปี 2030 รัฐบาลสนับสนุนโครงการ AI ด้านการศึกษา วัฒนธรรม และศาสนา

  2. บทบาทของมหาวิทยาลัยจุ้ยเจียง – เป็นสถาบันที่มีจุดแข็งด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมศาสตร์ มีเครือข่ายความร่วมมือกับศูนย์วิจัยและหน่วยงานภาครัฐ

  3. คณะสงฆ์จีนในศตวรรษที่ 21 – ไม่ได้จำกัดบทบาทเพียงการปฏิบัติศาสนกิจ แต่ยังมีบทบาทเชิงสังคมและการสื่อสารพระธรรมผ่านสื่อดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

การวิเคราะห์ความร่วมมือ

  1. มิติด้านการศึกษา

    • AI ถูกใช้เพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนพระพุทธศาสนา เช่น แอปพลิเคชันสนทนาธรรมแบบ Chatbot ที่ใช้ภาษาธรรมะ, ระบบแปลพระไตรปิฎกด้วย AI เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

    • มหาวิทยาลัยจุ้ยเจียงมีส่วนพัฒนาหลักสูตรบูรณาการ AI กับการศึกษาพระพุทธศาสนา เพื่อสร้างพระนักวิชาการที่ทันสมัย

  2. มิติด้านการสื่อสารและเผยแผ่พระธรรม

    • AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานออนไลน์ เพื่อปรับเนื้อหาธรรมะให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

    • การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (VR/AR) เพื่อสร้างประสบการณ์การปฏิบัติสมาธิที่สมจริง เป็นนวัตกรรมการเผยแผ่พุทธศาสนารูปแบบใหม่

  3. มิติด้านจริยธรรมและอภิจริยธรรม (Meta-Ethics)

    • ความร่วมมือนี้เป็นพื้นที่ทดสอบการใช้ AI อย่างมีคุณธรรม โดยคณะสงฆ์มีบทบาทกำหนดแนวทางจริยธรรม เพื่อไม่ให้ AI ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

    • การผสานพุทธธรรมกับ AI ช่วยสร้างกรอบคิดใหม่เกี่ยวกับ AI ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

  4. มิติด้านสังคมและชุมชน

    • AI ถูกนำมาใช้ในโครงการดูแลสุขภาพจิต เช่น โปรแกรมให้คำปรึกษาเบื้องต้นผ่านแนวทางธรรมะออนไลน์

    • การพัฒนาระบบข้อมูลวัดและชุมชนด้วย AI เพื่อช่วยในการจัดการงานศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อสังเกตเชิงวิชาการ

  • ความร่วมมือนี้สะท้อนถึง “พหุวิทยาการ” ที่ผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และพระพุทธศาสนา

  • เป็นตัวอย่างของ “Soft Power ทางศาสนาและวัฒนธรรม” ของจีน ที่ใช้เทคโนโลยีเสริมสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก

  • อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทาย เช่น ความเสี่ยงในการทำให้ศาสนาถูกมองเป็นสินค้าเชิงดิจิทัล และปัญหาจริยธรรมของ AI ที่ต้องควบคุมอย่างใกล้ชิด

บทสรุปและข้อเสนอแนะ

ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยจุ้ยเจียงและคณะสงฆ์จีนในการพัฒนา AI เป็นตัวอย่างของการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านวิทยาศาสตร์ แต่ยังเชื่อมโยงกับคุณค่าทางจิตวิญญาณและสังคม หากสามารถพัฒนาอย่างสมดุลและยึดหลักจริยธรรม จะนำไปสู่การสร้าง “AI เพื่อมนุษยธรรม” (AI for Humanity) ที่เป็นต้นแบบให้กับสังคมโลกได้

ข้อเสนอแนะคือ ควรจัดตั้ง คณะกรรมการร่วมด้านจริยธรรม AI ระหว่างนักวิทยาศาสตร์และคณะสงฆ์ เพื่อกำกับดูแลทิศทางการพัฒนา และควรเผยแพร่ผลการวิจัยในระดับนานาชาติ เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่สะท้อนพลังของการบูรณาการพุทธธรรมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พลวัตการทำหน้าที่สส.ของดร.นิยม เวชกามา มิติศาสนจักรและการเมือง

รายงานฉบับนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์บทบาท หน้าที่ และพฤติกรรมทางการเมืองของ ดร.นิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และอดีตแกนนำพรรคเพื...