วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568

วิเคราะห์พุทธปรัชญาเวชกรรมไทย: สมุนไพรสาธารณสุขมูลฐาน


บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวคิดเชิงพุทธปรัชญาที่สัมพันธ์กับเวชกรรมไทย โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้สมุนไพรในฐานะเครื่องมือด้านสาธารณสุขมูลฐาน อ้างอิงจากการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรประกาศนียบัตรพุทธปรัชญาเวชกรรมไทย ภาควิชาศาสนาและปรัชญา คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่มุ่งเน้นการบูรณาการศาสตร์แห่งพุทธธรรมเข้ากับความรู้สมุนไพรพื้นบ้านไทย ผ่านการบรรยายและการปฏิบัติจริง โดยมี รศ.ดร.ฐนโรจน์ โรจนกุลเสฏฐ์ เป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ


1. บทนำ

เวชกรรมไทยมีรากฐานจากภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ผสานองค์ความรู้ทางศาสนา ศิลปะการแพทย์ และการใช้สมุนไพรเพื่อการดูแลสุขภาพ โดยในมิติพุทธปรัชญา การเยียวยาโรคไม่เพียงมุ่งหมายต่อกายภาพ แต่ยังสัมพันธ์กับมิติแห่งจิตใจและจริยธรรม การเรียนการสอน “สมุนไพรสาธารณสุขมูลฐาน” จึงสะท้อนความพยายามเชื่อมโยงความรู้พื้นบ้านกับหลักพุทธธรรม เพื่อสร้างฐานความเข้าใจต่อสุขภาพแบบองค์รวม


2. สมุนไพรในฐานะสาธารณสุขมูลฐาน

สมุนไพรไทยถูกใช้เป็นเครื่องมือดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน ทั้งเพื่อการป้องกันและบำบัดโรค โดยมีจุดเด่นดังนี้:

  • การเข้าถึงง่าย : สมุนไพรจำนวนมากสามารถหาได้ในท้องถิ่น ไม่จำกัดเฉพาะผู้มีรายได้สูง

  • ต้นทุนต่ำ : ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล

  • มิติแห่งวัฒนธรรม : สมุนไพรไทยสัมพันธ์กับวิถีชีวิต ศรัทธา และพิธีกรรมในพุทธศาสนา

ในแง่นี้ “สมุนไพรสาธารณสุขมูลฐาน” จึงไม่เพียงเป็นยา แต่ยังเป็นสื่อกลางของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และสะท้อนการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงตามหลักพุทธปรัชญา


3. การบูรณาการการเรียนการสอน

การจัดหลักสูตรดังกล่าว ประกอบด้วย

  • ภาคทฤษฎี (ช่วงเช้า) : ศึกษาสรรพคุณสมุนไพรและหลักการพื้นฐานของเวชกรรมไทย

  • ภาคปฏิบัติ (ภาคบ่าย) : ผู้เรียนได้ทดลองทำสมุนไพรด้วยตนเอง ตั้งแต่การเลือก การผสม ไปจนถึงการสาธิตการใช้จริง

รูปแบบการเรียนการสอนที่จัด ณ วัดอินทาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ควบคู่กับระบบ Zoom online สะท้อนความพยายามประยุกต์ภูมิปัญญาไทยในมิติทางศาสนา เข้ากับเทคโนโลยีการศึกษาในยุคปัจจุบัน ทำให้การสืบสานองค์ความรู้สามารถเข้าถึงได้ทั้งในเชิงพื้นที่และเชิงดิจิทัล


4. วิเคราะห์เชิงพุทธปรัชญา

แนวคิดพุทธปรัชญาที่สัมพันธ์กับสมุนไพรสาธารณสุขมูลฐาน มีประเด็นสำคัญดังนี้

  1. หลักอิทัปปัจจยตา (ความสัมพันธ์เชิงเหตุปัจจัย) : สุขภาพเกิดจากปัจจัยหลายประการ การใช้สมุนไพรคือการปรับสมดุลระหว่างร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อม

  2. หลักมัชฌิมาปฏิปทา : การใช้สมุนไพรอย่างพอดี ไม่มากเกินหรือน้อยเกิน คือการดำเนินชีวิตสายกลาง

  3. กรุณาและอหิงสา : การเยียวยาผู้เจ็บป่วยด้วยสมุนไพรสะท้อนเจตนากรุณา และการเคารพต่อธรรมชาติที่เป็นแหล่งรักษา

  4. สติและปัญญา : การเรียนรู้สมุนไพรไม่เพียงแต่ใช้รักษาโรค แต่ยังเป็นการฝึกสติให้รู้เท่าทันกายและใจ


5. ความสำคัญและข้อเสนอแนะ

การบูรณาการพุทธปรัชญากับเวชกรรมไทยมิได้เป็นเพียงการรักษาทางเลือก แต่เป็นการเสริมสร้างความเข้าใจในสุขภาพแบบองค์รวม (holistic health) ที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาไทยและหลักธรรมพุทธ การเรียนการสอนลักษณะนี้ควรได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเครือข่ายความรู้ทั้งในระดับวิชาการ ชุมชน และนานาชาติ


6. บทสรุป

“สมุนไพรสาธารณสุขมูลฐาน” ในบริบทพุทธปรัชญาเวชกรรมไทย ไม่ได้เป็นเพียงองค์ความรู้ด้านการแพทย์พื้นบ้าน แต่ยังสะท้อนหลักคิดเชิงพุทธที่มุ่งเน้นการพึ่งพาตนเอง การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และการเยียวยาอย่างมีเมตตา การพัฒนาองค์ความรู้นี้ในสถาบันการศึกษา จึงเป็นการธำรงรักษามรดกภูมิปัญญาไทยและเผยแพร่คุณค่าพุทธธรรมเพื่อสุขภาวะที่ยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พลวัตการทำหน้าที่สส.ของดร.นิยม เวชกามา มิติศาสนจักรและการเมือง

รายงานฉบับนี้มุ่งศึกษาวิเคราะห์บทบาท หน้าที่ และพฤติกรรมทางการเมืองของ ดร.นิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร และอดีตแกนนำพรรคเพื...