เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา จัดการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “ทัศนคติและบทบาทของหน่วยงานภาครัฐเชิงบูรณาการ” เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มอบหมายให้นายพศุตม์ ขอดเมชัย ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้าร่วมเป็นผู้แทน และร่วมเสวนาในหัวข้อ “แนวทางปฏิบัติและการจัดการปัญหาละเมิดศาสนาในสื่อสมัยใหม่ เพื่อธำรงศรัทธาในสังคมไทยอย่างยั่งยืน”
ในการเสวนา นายพศุตม์ได้กล่าวถึงบทบาทและกลไกของหน่วยงานภาครัฐในการป้องปรามและแก้ไขปัญหาการหมิ่นศาสนาในสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมเสนอแนวทางการจัดการที่เหมาะสม ทั้งในด้านกฎหมาย มาตรการทางสังคม และการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
การจัดเสวนามีวัตถุประสงค์เพื่อหาทางออกต่อความท้าทายจากสื่อดิจิทัลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ส่งผลต่อความศรัทธาทางศาสนา ตลอดจนสร้างความร่วมมือเชิงบูรณาการระหว่างภาครัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบริบทสังคมไทยในปัจจุบัน (ที่มา-เพจสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ)
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ทัศนคติและบทบาทหน่วยงานรัฐเชิงบูรณาการ เน้นป้องกันปัญหาละเมิดศาสนาในสื่อสมัยใหม่พบว่า ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีและสื่อสังคมออนไลน์มีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อ และพฤติกรรมของประชาชน ปัญหาการละเมิดศาสนาได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ท้าทายต่อความสงบสุขและความศรัทธาของสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อสมัยใหม่ที่สามารถแพร่กระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง การจัดการปัญหานี้จึงต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐซึ่งมีบทบาทในการกำหนดนโยบาย วางมาตรการ และสร้างกลไกคุ้มครองทางศาสนา
บริบทการเสวนาและแนวคิดหลัก
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ได้จัดการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “ทัศนคติและบทบาทของหน่วยงานภาครัฐเชิงบูรณาการ” ณ รัฐสภา เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้แทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมอภิปรายในหัวข้อ “แนวทางปฏิบัติและการจัดการปัญหาละเมิดศาสนาในสื่อสมัยใหม่ เพื่อธำรงศรัทธาในสังคมไทยอย่างยั่งยืน”
สาระสำคัญจากการเสวนาชี้ให้เห็นว่า ปัญหาการหมิ่นหรือละเมิดศาสนาในสื่อดิจิทัลมิใช่เรื่องที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งสามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง แต่ต้องอาศัย การบูรณาการเชิงระบบ ระหว่างกฎหมาย มาตรการทางสังคม และความร่วมมือจากองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม
การวิเคราะห์ทัศนคติและบทบาทของหน่วยงานรัฐ
ทัศนคติของรัฐต่อปัญหาการละเมิดศาสนา
รัฐไทยมีท่าทีที่ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองศาสนาในฐานะรากฐานทางวัฒนธรรมและความสงบสุขของสังคม
ปัญหาการหมิ่นศาสนาถูกมองว่าเป็นทั้งประเด็นด้านกฎหมายและด้านคุณธรรม ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขด้วยมาตรการผสมผสานระหว่างกฎระเบียบกับการเสริมสร้างจิตสำนึก
บทบาทเชิงบูรณาการของหน่วยงานรัฐ
ด้านกฎหมาย: พัฒนากฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการใช้สื่อออนไลน์เพื่อป้องปรามการละเมิดศาสนา
ด้านมาตรการสังคม: ส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลและการรู้เท่าทันสื่อแก่ประชาชน
ด้านความร่วมมือ: สร้างกลไกเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนองค์กรศาสนา เพื่อทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ
แนวทางการจัดการปัญหา
การกำหนดนโยบายแบบองค์รวม ที่ครอบคลุมทั้งการเฝ้าระวัง การบังคับใช้กฎหมาย และการสร้างความตระหนักรู้ในสังคม
การพัฒนากลไกทางเทคโนโลยี เช่น ระบบตรวจสอบและรายงานเนื้อหาที่หมิ่นศาสนาในสื่อออนไลน์อย่างรวดเร็ว
การส่งเสริมการศึกษาและการสื่อสารเชิงบวก เพื่อสร้างค่านิยมเคารพความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรม
การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ในการเป็นเครือข่ายสอดส่องและให้ข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานรัฐ
ดังนั้น การป้องกันและแก้ไขปัญหาการละเมิดศาสนาในสื่อสมัยใหม่ไม่อาจทำได้โดยอาศัยมาตรการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยทัศนคติที่เปิดกว้างและบทบาทเชิงบูรณาการของหน่วยงานรัฐที่ทำงานร่วมกับภาคสังคมและชุมชน แนวทางเช่นนี้จะนำไปสู่การธำรงศรัทธาในสังคมไทยอย่างยั่งยืน และสร้างภูมิคุ้มกันทางวัฒนธรรมให้แก่ประเทศท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น