ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันการศึกษาและองค์กรวิชาชีพ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ใหม่ และการส่งเสริมคุณภาพบุคลากรที่มีศักยภาพต่อการพัฒนาสังคม เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 สถาบันพระปกเกล้าและมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้มีการหารือความร่วมมือทางวิชาการ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ซึ่งยังมีสำนักงานศาลยุติธรรมเข้าร่วมเป็นภาคีความร่วมมือด้วย การหารือดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มการพัฒนาวิชาการในมิติพุทธศาสตร์ การเมืองการปกครอง และการสร้างสันติภาพในสังคมไทย
เนื้อหาการหารือ
การประชุมหารือครั้งนี้จัดขึ้นที่สถาบันพระปกเกล้า โดยมี รศ.ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และ นายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล เป็นผู้แทนฝ่ายสถาบันพระปกเกล้า ส่วนฝ่ายมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นำโดย พระเมธีวัชรบัณฑิต, ศ.ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาสตินวัตกรรมและสันติศึกษา
ภายใต้กรอบบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันในการ
-
จัดการเรียนการสอนร่วมกัน โดยเฉพาะการบูรณาการองค์ความรู้ด้านรัฐศาสตร์ การปกครอง และสันติศึกษา
-
พัฒนาความร่วมมือทางวิชาการ ในด้านการวิจัย การผลิตงานวิชาการ การจัดสัมมนา และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
-
สร้างกลไกเครือข่ายทางวิชาการ ที่เชื่อมโยงนักวิชาการ พระสงฆ์ นักศึกษา และบุคลากรภาครัฐ เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้
การวิเคราะห์แนวทางความร่วมมือ
จากการหารือและข้อตกลงดังกล่าว สามารถวิเคราะห์แนวทางความร่วมมือทางวิชาการได้ดังนี้
-
มิติด้านการศึกษา
การจัดการเรียนการสอนร่วมกันเป็นโอกาสสำคัญในการบูรณาการองค์ความรู้ทางพุทธศาสตร์กับศาสตร์ด้านรัฐประศาสนศาสตร์และการเมืองการปกครอง ซึ่งจะช่วยสร้างบุคลากรที่มีทั้งความรู้ด้านวิชาการสมัยใหม่และรากฐานทางคุณธรรม -
มิติด้านการวิจัยและนวัตกรรม
การพัฒนางานวิจัยร่วมกัน โดยเฉพาะในประเด็นสันติศึกษา ธรรมาภิบาล และการสร้างนวัตกรรมเชิงสังคม จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการผลิตองค์ความรู้ใหม่ที่สามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาสังคมได้จริง -
มิติด้านเครือข่ายวิชาการ
ความร่วมมือครั้งนี้เปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างพระสงฆ์ นักวิชาการ และเจ้าหน้าที่รัฐ อันเป็นการสร้างเครือข่ายทางวิชาการที่กว้างขวางและมีความหลากหลาย ซึ่งสามารถนำไปสู่การขับเคลื่อนเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติในระดับประเทศ -
มิติด้านการพัฒนาสังคม
ความร่วมมือดังกล่าวสอดคล้องกับความต้องการของสังคมไทยในปัจจุบันที่เผชิญความท้าทายด้านความขัดแย้ง ความเหลื่อมล้ำ และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การบูรณาการองค์ความรู้เพื่อสร้างสันติภาพและธรรมาภิบาลจึงเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
บทสรุป
การหารือความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันพระปกเกล้ากับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความเชื่อมโยงทางวิชาการระหว่างสองสถาบัน หากยังเป็นจุดเริ่มต้นในการบูรณาการองค์ความรู้ด้านรัฐศาสตร์และพุทธศาสตร์ เพื่อผลิตบุคลากรที่มีทั้งความรู้และคุณธรรม ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างเครือข่ายทางวิชาการที่เอื้อต่อการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสันติภาพ ความเป็นธรรม และธรรมาภิบาลในสังคมไทยอย่างยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น