วันที่ 21 กันยายน ของทุกปี องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดให้เป็น “วันสันติภาพสากล” (International Day of Peace) เพื่อกระตุ้นให้ประชาคมโลกตระหนักถึงความสำคัญของการยุติความรุนแรง ลดการใช้กำลัง และสร้างวัฒนธรรมสันติภาพในทุกระดับ ตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน ไปจนถึงสังคมโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันที่ 21 กันยายน 2568 ภาพความเป็นจริงกลับสะท้อนให้เห็นว่าสันติภาพยังคงเป็นเพียง “อุดมคติ” ที่ยากจะบรรลุ เพราะโลกยังคงเผชิญกับภัยสงคราม ความขัดแย้ง และวิกฤติจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์โลก: วันที่สันติภาพยังไม่มาถึง
แม้วันสันติภาพโลกถูกสถาปนาขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 และต่อมาในปี พ.ศ. 2544 ได้มีการกำหนดให้ตรงกับวันที่ 21 กันยายนของทุกปี แต่จนถึงปัจจุบันโลกยังไม่อาจบรรลุเป้าหมายแห่งสันติภาพได้ สถานการณ์ในปี 2568 ชี้ชัดว่า
-
สงครามระหว่างประเทศยังดำเนินอยู่ – เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง สงครามรัสเซีย–ยูเครน และความตึงเครียดจากสงครามการค้าในระดับโลก
-
ความขัดแย้งระดับภูมิภาค – ประเทศไทยเองยังคงเผชิญปัญหาความขัดแย้งชายแดนกับกัมพูชา ซึ่งสะท้อนว่าความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเปราะบาง
-
ภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม – วิกฤติสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงเป็น “สงครามเงียบ” ที่กระทบต่อมนุษย์ทั่วโลก
กล่าวได้ว่าวันสันติภาพโลกยังคงเป็นเพียง “ยาหอมประโลมโลก” ที่ให้ความหวังเชิงสัญลักษณ์ แต่ไม่สามารถหยุดยั้งความรุนแรงจริงในสังคมได้
มิติทางวิชาการ: บทบาทของการศึกษาสันติภาพ
พระเมธีวัชรบัณฑิต (เจ้าคุณหรรษา) และนักวิชาการด้านสันติศึกษา ได้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างสันติภาพไม่อาจเกิดขึ้นได้เพียงด้วยการประกาศเชิงสัญลักษณ์ แต่จำเป็นต้องอาศัย การศึกษา เพื่อสร้างวัฒนธรรมสันติภาพอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้พัฒนาหลักสูตร “สันติศึกษา” ทั้งในระดับปริญญาโทและเอก เพื่อหล่อหลอมเยาวชนและนักวิชาการให้มีทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี
งาน “วันสันติภาพโลก” ประจำปี 2568 ของ มจร จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “สังคมตื่นรู้สู่การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว” โดยมีการปาฐกถาพิเศษจากพระพรหมบัณฑิต และการเสวนาจากนักวิชาการ นักธุรกิจสีเขียว และผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจพอเพียง สะท้อนให้เห็นว่าสันติภาพไม่ใช่เพียงการหยุดยิง แต่หมายถึงการสร้างระบบสังคม–เศรษฐกิจที่ยั่งยืนและปราศจากความเหลื่อมล้ำ
ความหมายและสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
องค์การสหประชาชาติได้วางจุดมุ่งหมายของวันสันติภาพโลกไว้ 6 ประการ อาทิ การเคารพศักดิ์ศรีมนุษย์ การลดความรุนแรง และการส่งเสริมความสมานฉันท์ทางวัฒนธรรม ขณะที่สัญลักษณ์สากลของสันติภาพคือนกพิราบคาบกิ่งมะกอก ส่วนในสายพุทธศาสนา สถาบันการศึกษาของไทยได้ประยุกต์เป็น “นกพิราบคาบดอกบัว” แทน เพื่อสื่อถึงความสงบ ความบริสุทธิ์ และการพัฒนาทางจิตวิญญาณ
บทสรุป
วันที่ 21 กันยายน 2568 จึงสะท้อนให้เห็นความย้อนแย้งระหว่าง อุดมการณ์สันติภาพ ที่องค์การสหประชาชาติประกาศไว้กับ ความเป็นจริงของโลก ที่ยังเต็มไปด้วยสงคราม ความขัดแย้ง และวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การจัดงานรณรงค์และการส่งเสริมการศึกษาสันติภาพในประเทศไทยและนานาชาติ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่สำคัญ เพราะสันติภาพที่แท้จริงไม่สามารถบรรลุได้เพียงในวันเดียว แต่ต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ การตื่นรู้ และการร่วมมือกันของมวลมนุษยชาติ
ดังนั้น “วันสันติภาพโลก” ไม่ควรถูกมองเพียงเป็นพิธีกรรมเชิงสัญลักษณ์ แต่ต้องเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้วันหนึ่ง โลกจะก้าวข้ามจากความขัดแย้งสู่ความกลมเกลียว ได้อย่างแท้จริง


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น