การเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 7 จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย โดยผู้สมัคร นายสง่า พรมเมือง ได้คะแนนเสียงกว่า 45,000 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชนอย่างขาดลอย ผลลัพธ์ครั้งนี้สะท้อนหลายประเด็นทางการเมือง ทั้งด้านอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนต่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ฐานมวลชนดั้งเดิมในภาคเหนือ ตลอดจนสัญญาณทางการเมืองระดับชาติที่อาจส่งผลต่อรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บทความนี้จะวิเคราะห์ฉากทัศน์การเมืองไทยภายหลังผลการเลือกตั้งดังกล่าว โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ฉากทัศน์ระดับมวลชน ฉากทัศน์ระดับพรรคการเมือง และ ฉากทัศน์ระดับโครงสร้างการเมืองไทย
1. ฉากทัศน์ระดับมวลชน: “การเมืองอารมณ์” กับปรากฏการณ์กระแสสงสาร
ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยถูกมองว่า ได้รับแรงส่งจากกระแสความสงสารต่ออดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเพิ่งกลับมาเผชิญโทษจำคุกในประเทศไทย ประเด็นนี้สะท้อนว่า การเมืองไทยยังคงถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ (politics of sentiment) มากกว่าการเมืองเชิงนโยบายอย่างแท้จริง
ผลลัพธ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ฐานเสียงในภาคเหนือยังมีความภักดี (loyalty) ต่อเครือข่ายตระกูลชินวัตรอย่างเข้มแข็ง และสามารถระดมคะแนนเสียงได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้มีคู่แข่งทางการเมืองใหม่อย่างพรรคประชาชนเข้ามาแบ่งฐานเสียงก็ตาม
2. ฉากทัศน์ระดับพรรคการเมือง: ความชอบธรรมและการท้าทาย
-
พรรคเพื่อไทย
-
ผลการเลือกตั้งซ่อมทำหน้าที่ “ลบคำปรามาส” ว่าความนิยมของเพื่อไทยลดลง
-
เสริมสร้างความมั่นใจให้กับแกนนำและหัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในการยืนระยะต่อสู้ทางการเมืองระดับชาติ
-
ยืนยันว่าฐานเสียงเดิมยังเหนียวแน่น และสามารถใช้เป็นพลังต่อรองในสภาและการเมืองนอกสภา
-
-
พรรคประชาชน
-
แม้จะได้เสียงระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเจาะฐานภาคเหนือได้ชัดเจน
-
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นทั้ง “บทเรียน” และ “แรงกดดัน” ให้ต้องหากลยุทธ์ใหม่ในการแข่งขันกับเพื่อไทย
-
-
พรรคภูมิใจไทย (รัฐบาล)
-
แม้ไม่ได้ส่งผู้สมัคร แต่ผลคะแนนที่เพื่อไทยชนะถล่มทลายสะท้อนความไม่พอใจต่อรัฐบาลโดยอ้อม
-
ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้คือ การเผชิญแรงเสียดทานทางการเมืองเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเด็น “การเมืองแบบอนุรักษ์นิยม” ที่อาจขัดกับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ที่ใฝ่หาประชาธิปไตยเสรีนิยม
-
3. ฉากทัศน์ระดับโครงสร้างการเมืองไทย
-
เสถียรภาพรัฐบาล
-
ผลเลือกตั้งซ่อมแม้ไม่ได้กระทบจำนวน ส.ส. โดยตรงต่อรัฐบาล แต่สะท้อนแนวโน้มความนิยมที่อาจลดลง และอาจกระทบเสถียรภาพทางการเมืองในอนาคต หากเกิดการเลือกตั้งใหญ่
-
-
การเมืองระหว่างฝ่ายเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยม
-
พรรคเพื่อไทยยังคงสืบทอดอุดมการณ์ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ขณะที่รัฐบาลนำโดยพรรคภูมิใจไทยเน้นแนวอนุรักษ์นิยม ผลการเลือกตั้งซ่อมจึงอาจถูกตีความเป็น “ชัยชนะเชิงอุดมการณ์” ของฝ่ายเสรีนิยม
-
-
ทิศทางความขัดแย้งทางการเมือง
-
หากรัฐบาลไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความโปร่งใส ความนิยมของฝ่ายเสรีนิยมอาจขยายตัว และนำไปสู่แรงกดดันต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า
-
บทสรุป
การชนะเลือกตั้งซ่อมของพรรคเพื่อไทยในเชียงราย เขต 7 ไม่ใช่เพียงชัยชนะระดับท้องถิ่น แต่เป็น “สัญญาณทางการเมือง” ที่สะท้อนความแข็งแกร่งของฐานเสียงและการกลับมามีบทบาทของเครือข่ายทักษิณ ขณะเดียวกันยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่รัฐบาลภูมิใจไทยต้องเผชิญในการรักษาความนิยม
ฉากทัศน์ทางการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งซ่อมจึงมีความเป็นไปได้ 3 ประการ คือ
-
เพื่อไทยฟื้นตัวและขยายฐานเสียง นำไปสู่การกลับมาเป็นแกนนำรัฐบาลในการเลือกตั้งใหญ่
-
รัฐบาลภูมิใจไทยเผชิญแรงกดดัน หากไม่สามารถบริหารประเทศให้ตอบโจทย์ปัญหาปากท้อง
-
การเผชิญหน้าระหว่างเสรีนิยม-อนุรักษ์นิยมเข้มข้นขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางประชาธิปไตยไทยในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น