การแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในเดือนกันยายน 2568 ไม่เพียงแต่เป็นการกำหนดทิศทางการบริหารประเทศระยะสั้น หากยังสะท้อนพลวัตการแข่งขันทางการเมืองระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยเฉพาะระหว่าง พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ พรรคเพื่อไทย ซึ่งวางตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระ ทั้งสองพรรคต่างเลือกใช้ “แคมเปญเชิงสัญลักษณ์” ที่มีคำว่า “4” เป็นแกนกลาง เพื่อตอบโจทย์การสื่อสารการเมืองและสร้างภาพจำต่อสาธารณชน
เนื้อหา
แคมเปญ “4 เดือน 4 ภารกิจหลัก” ของพรรคภูมิใจไทย
พรรคภูมิใจไทยเปิดตัวแนวทางบริหารประเทศในระยะเวลา 4 เดือน ผ่านการสื่อสารในเพจเฟซบุ๊กทางการ โดยกำหนด “4 ภารกิจหลักเพื่อคืนความมั่นใจให้ประเทศ” ได้แก่
-
ภัยเศรษฐกิจ – ลดค่าครองชีพผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” สนับสนุนพลังงานทดแทน และแก้ปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ
-
ภัยความมั่นคง – ใช้กำลังทหารควบคู่การทูต รักษาอธิปไตย เช่น กรณีพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา
-
ภัยธรรมชาติ – ปรับปรุงระบบเตือนภัยและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ตรวจสอบได้
-
ภัยสังคม – ปราบปรามยาเสพติด การพนันออนไลน์ และสแกมเมอร์ โดยย้ำว่า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จะไม่มีกาสิโน
แคมเปญดังกล่าวมุ่งสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลแม้มีเวลาจำกัด แต่สามารถ “จัดการภัย 4 ด้าน” ที่กระทบชีวิตประชาชนได้จริง
แคมเปญ “4 เดือนยุบคดี 4 หายนะ” ของพรรคเพื่อไทย
ในอีกด้าน พรรคเพื่อไทยเปิดตัวแคมเปญ “4 เดือนยุบคดี 4 หายนะ” เพื่อตอบโต้และวิพากษ์รัฐบาล โดยชี้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มี “ภารกิจแอบแฝง” และอาจนำประเทศไปสู่หายนะ 4 ประการ คือ
-
ขาดโอกาส – โครงการลดค่าครองชีพที่วางรากฐานโดยรัฐบาลก่อนถูกปัดตก
-
ขาดคนมีฝีมือ – เก้าอี้รัฐมนตรีถูกจัดวางตามสายสัมพันธ์มากกว่าความสามารถ
-
ขาดความโปร่งใส – ตำแหน่งสำคัญเชื่อมโยงกับคดีใหญ่และผลประโยชน์ของ “ค่ายบ้านใหญ่สีน้ำเงิน”
-
ขาดอนาคตประชาธิปไตย – การฟื้นบทบาทของกลุ่มการเมืองเดิมที่มีสัญลักษณ์ร่วมกันคือ “สีน้ำเงิน” โดยได้รับแรงหนุนจาก “ตั๋วช้างสีส้ม”
เพื่อไทยจึงชี้ว่าแทนที่จะเป็น 4 เดือนแห่งการแก้ปัญหา ประเทศอาจต้องเผชิญ 4 หายนะที่กระทบทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และประชาธิปไตย
การวิเคราะห์
เมื่อเปรียบเทียบ “4 ภารกิจหลัก” ของภูมิใจไทย กับ “4 หายนะ” ของเพื่อไทย จะเห็นว่า ทั้งสองพรรคใช้ กลยุทธ์การสื่อสารการเมืองเชิงกรอบ (framing) ที่มีลักษณะดังนี้
-
การใช้ตัวเลข “4” เป็นสัญลักษณ์ – ทั้งสองฝ่ายต่างเลือกใช้ “เลข 4” ซึ่งเป็นจำนวนจำกัดแต่ครบถ้วน เพื่อสร้างความเข้าใจง่ายและจดจำได้ในเชิงสื่อสารการเมือง แต่มีการใช้ในเชิงบวก (4 ภารกิจแก้ปัญหา) กับเชิงลบ (4 หายนะจากรัฐบาล) อย่างชัดเจน
-
การเน้นเวลา “4 เดือน” – ฝ่ายรัฐบาลมุ่งสื่อว่าภายในเวลาอันสั้นสามารถ “แก้ภัย” ได้ ขณะที่ฝ่ายค้านตีความว่าเป็น “ช่วงเวลาสั้นเพื่อจัดการคดีและประโยชน์แอบแฝง” ทำให้ตัวเลขเวลาเดียวกันกลายเป็นสมรภูมิทางความหมาย
-
การสร้างวาระสาธารณะ (agenda setting) – ภูมิใจไทยเน้นภัยที่จับต้องได้ เช่น เศรษฐกิจ ยาเสพติด ภัยธรรมชาติ ส่วนเพื่อไทยเน้นประเด็นเชิงโครงสร้างและการเมือง เช่น ความโปร่งใส อำนาจกลุ่มทุนการเมือง และอนาคตประชาธิปไตย
-
การต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ (symbolic politics) – สี “ส้ม–น้ำเงิน” และการอ้างอิงเครือข่ายการเมือง เป็นการสร้างภาพจำในเชิงวิพากษ์ ขณะที่รัฐบาลเลือกใช้คำว่า “คืนความมั่นใจ” เพื่อสร้างความเชื่อถือทางบวก
กล่าวได้ว่า การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการนำเสนอนโยบาย แต่เป็นการ ช่วงชิงความหมาย ว่า 4 เดือนนี้จะเป็น “ช่วงเวลาแห่งการแก้ภัย” หรือ “ช่วงเวลาแห่งหายนะทางการเมือง”
บทสรุป
ศึกแคมเปญ “4” ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ในการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทิน สะท้อนให้เห็นถึงการสื่อสารการเมืองเชิงรุกของทั้งสองฝ่ายที่พยายามกำหนดภาพจำแก่สาธารณชน ฝ่ายรัฐบาลใช้ “4 ภารกิจหลัก” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของความสามารถในการแก้ปัญหาเร่งด่วน ขณะที่ฝ่ายค้านใช้ “4 หายนะ” เพื่อท้าทายความชอบธรรมและชี้ถึงผลเสียเชิงโครงสร้าง
ผลลัพธ์ของการต่อสู้เชิงวาทกรรมนี้ ไม่เพียงขึ้นอยู่กับการอภิปรายในรัฐสภา แต่ยังขึ้นอยู่กับการรับรู้ของสาธารณชนว่า “4 เดือน” จะเป็นช่วงเวลาแห่งการคืนความมั่นใจ หรือช่วงเวลาแห่งการเปิดโปงหายนะ” ซึ่งอาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญต่อเสถียรภาพและทิศทางการเมืองไทยในระยะถัดไป

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น