วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ผู้ช่วยรมว.คลังลั่นเดินหน้าบัตรคนจน อ้อนหนุนสานต่อเพื่อไทยทุกคน




วันที่ 15 ธ.ค.วันที่ 15 ธ.ค.2561 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีหลายพรรคการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมุ่งหาเสียงด้วยการทุ่มงบประมาณให้กับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ยืนยันว่าไม่ใช่การหาเสียงของรัฐบาล ต้องยอมรับว่าเรื่องสวัสดิการจริง ๆ ทำกันมานานทุกรัฐบาล แต่กระจัดกระจายอยู่หลายกระทรวง เช่น เบี้ยผู้สูงอายุอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เบี้ยผู้พิการอยู่ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่วนบัตรทองก็อยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำให้ได้อย่างยั่งยืน และแนวทางที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงรัฐต้องระบุให้ได้ว่า ประชาชนแต่ละคนต้องการสวัสดิการอะไรบ้าง

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า การใส่เงินเข้าไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นการช่วยเหลือในภาพรวมให้กับผู้ที่ถือบัตรทั้ง 14.5 ล้านคน เพื่อการดำรงชีวิตในเบื้องต้นและไม่เป็นภาระต่อสังคม ไม่ต้องไปหยิบยืมเงินนอกระบบมาใช้สอยในชีวิตประจำวัน ในขณะเดียวกันกระทรวงการคลังได้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และธนาคารออมสิน ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี หรือกลุ่มที่อยู่ใต้เส้นความยากจนว่ามีความต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านใด เช่น การฝึกอาชีพ การเพิ่มทักษะ การขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน รวมทั้งวิเคราะห์ไปในรายพื้นที่ด้วย

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า การวิเคราะห์เจาะลึกลงไปในรายพื้นที่หรือเฉพาะบุคคลเป็นแนวทางแก้ปัญหาความยากจนที่ประเทศจีนนำมาใช้จนทำให้คนยากจนหมดไป อย่างของเราขณะนี้มีผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 1.7 ล้านคนได้เข้ารับการฝึกอาชีพ เพิ่มพูนทักษะกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน ออกมาเป็นช่างเครื่องยนต์ ช่างไฟฟ้าในชุมชน เป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยได้ลืมตาอ้าปากได้  

“ประชานิยมเป็นการแจกอย่างเดียวเพื่อให้ได้คะแนนเสียงแล้วจบ โดยไม่คิดจะทำอะไรต่อ แต่โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเราคิดแบบ 4 มิติ คิดอย่างไรให้มีงานทำ ทำยังไงให้มีอาชีพ มีการศึกษา ทำอย่างไรให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ ไม่ต้องไปแบกภาระดอกเบี้ยแพง ๆ อย่างพวกเจ้าหนี้ที่มาตามทวงหนี้แบบใส่หมวกกันน็อค แล้วทำอย่างไรให้คนเหล่านี้มีสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่จำเป็น ต้องหยิบยื่นเบ็ดให้กับคนที่มีรายได้น้อย คนพิการ ผู้สูงอายุ รวมไปถึงโครงการเรียนฟรีต้องฟรีอย่างแท้จริงให้ได้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง ระบุ

ต่อข้อถามว่า หากรัฐบาลหน้าไม่สานต่อจะทำอย่างไร ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน และต้องถามประชาชนว่าเคยมีรัฐบาลไหนดูแลท่านอย่างนี้บ้าง ซึ่งรัฐบาลนี้ยืนยันจะเดินหน้าและสานต่อนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถ้วนหน้า และจะทำให้ครอบคลุมคนไทยทุกสาขาอาชีพในประเทศไทยที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น ผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งมีเงินเดือน 8-9 พันบาทต่อเดือน ถือว่าไม่เข้าเกณฑ์ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ในความเป็นจริงถือว่าเป็นคนจนในเมือง เนื่องจากค่าครองชีพไม่พอรายจ่าย เป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป

ศ.ดร.นฤมล กล่าวด้วยว่า ภายใน 1-2 เดือนนี้ จะคิกออฟโครงการช่วยเหลือพี่น้องผู้ขับรถแท็กซี่โดยลดภาระค่าเช่ารายวัน วันละ 700-800 บาท มาเป็นค่าผ่อนรถไม่กี่ร้อยบาท มีเงินเหลือต่อวันมากขึ้น และสามารถเป็นเจ้าของรถได้ในเวลาไม่นาน แต่แท็กซี่ที่เข้าโครงการนี้ต้องห้ามปฏิเสธผู้โดยสารด้วยเช่นกัน ส่วนการช่วยเหลือค่าน้ำมันรถแก่อาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้างนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาลดราคา 3 บาทต่อลิตร และไม่เกินวันละ 5 ลิตรต่อคัน เหล่านี้รัฐบาลคิดและทำเพื่อคนทุกอาชีพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น