วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561
ย้อนรอยชีวิตเณรภาคฤดูร้อน!หนึ่งเดียวอยู่ต่อเรียนจนจบป.เอก
ตามที่หมู่บ้านท่าคอยนาง ตำบลตูมสวาย อำเภอปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ หลักสูตรสันติศึกษา วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ(IBSC) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) มูลนิธิต่อต้านการทุจริต และมูลนิธิพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ ร่วมกันผนึกกำลังจัดกิจกรรมบรรพชาสามเณรช่อสะอาดเย็นยิ้ม รุ่นที่ 3 ภายใต้การนำของพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ผู้อำนวยการ IBSC ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา มจร ในฐานะผู้อำนวยการโครงการสามเณรช่อสะอาด บ้านท่าคอยนาง จ.ศรีสะเกษ โดยให้เยาวชนได้ใช้ชีวิตเป็นนาคเพื่อขัดเกลา 6 วัน และทำพิธีบรรพชาในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2561 หลังจากนั้นได้ออกจาริกเดินธรรมยาตราเพื่อสันติภาพ หรือเดินธุดงค์ในเขตตำบลตูมสวาย อำเภอปรางค์กู่ระหว่าง 6-15 เมษายน พ.ศ.2561
พระอาจารย์หรรษา กล่าวว่า เป็นการเสาะแสวงหา แล้วปั้นศาสนทายาท เพื่อให้ประกาศศาสนา และรักษาพุทธศาสน์ การที่จะนำพุทธศาสน์สู่อินเตอร์จะต้องมีการวางแผนการเสาะแสวงหากุลบุตร แล้วฝึกฝนพัฒนา ให้ศึกษาในระดับอินเตอร์ เพื่อจะได้เข้าใจวิถีอินเตอร์ แล้วให้เผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับอินเตอร์ต่อไป อันเป็นการส่งเสริมและพัฒนากุลบุตรแบบมีแผนการเป็นขั้นเป็นตอน เชื่อมั่นว่าภายใน 10 ปี สามเณรที่เกิดจากผลผลิตของโครงการฯ จะสามารถจบปริญญาเอก แล้วออกมาทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาในระดับชุมชน และเวทีระดับนานาชาติ
ทั้งนี้วันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2561 พระอาจารย์หรรษาและคณะได้นำสามเณรช่อสะอาดจาริกเดินธรรมยาตราเพื่อสันติภาพ วัดบ้านบึง ตำบลตูมสวาย หลังจากนำทำกิจกรรมต่างๆ แล้วได้ปลีกเวลาบันทึกชีวิต ลิขิตธรรม เรื่อง "วัดบ้านบึง: วัดเคยอยู่ ครูเคยสอนให้องอาจ ญาติโยมเคยค้ำชู" แล้วเผแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊ก Hansa Dhammahaso ความว่า
พ.ศ. 2527 เมื่ออายุได้ 12 ปี คือ ปีที่โยมแม่ได้พามาบวชสามเณร และจำพรรษา ณ วัดแห่งนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง วัดนี้ คือสถานที่แห่งแรกให้กำเนิดเกิดใหม่ในทางธรรม และหล่อเลี้ยงชีวิต และเลือดเนื้อเมื่อยังเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 12 ปี โดยมีหลวงพ่อพระปลัดทวีป ชิตจิตฺโต ทำหน้าที่เป็นครูอาจารย์ ในขณะที่หลวงพ่อพระครูวิกรมธรรมโสภิณ อดีตเจ้าคณะอำเภอปรางค์กู่ เป็นพระอุปัชฌาย์ ตลอดเวลาที่จำพรรษาและศึกษา ณ วัดแห่งนี้ ได้รับการศึกษาอย่างดียิ่ง อีกทั้งได้รับการดูแลเอาใจใส่ด้านปัจจัย 4 และได้รับกำลังใจจากญาติโยมชาวบ้านบึงอย่างอบอุ่น
33 ปีล่วงแล้ว ที่สามเณรน้อยเดินทางออกจากวัดที่เคยอยู่ จากครูที่เคยพร่ำสอนให้องอาจ จากญาติโยมที่เคยค้ำชู เพื่อแสวงหาคุณค่า และความหมายของชีวิต กลับมาอีกครั้ง ครูผู้เคยกระตุ้นให้อาจหาญในการศึกษาหาความรู้ คือ "พระปลัดทวีป ชิตจิตฺโต" ได้มรณภาพลงไปแล้ว เมื่อ 15 ปีก่อน และพระอุปัชฌาย์ คือ พระครูวิกรมธรรมโสภิณ ได้มรณภาพไป เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ย้อนกลับไป 34 ปีก่อน ตัวเองบวชเป็นสามเณรภาคฤดูร้อนร่วมกับเพื่อน 29 รูป และบัดนี้ ได้สึกหาลาเพศไปทั้งหมด คงเหลือแต่ตัวเองเพียงรูปเดียว และบัดนี้ เพื่อย้อนกลับไปหาอดีต แบะความทรงจำที่ล้ำค่า จึงได้นำพาสามเณรในโครงการสามเณรช่อสะอาดเย็นยิ้ม จำนวน 90 ชีวิต เดินธุดงค์กลับมาเยือนถิ่นที่เคยอยู่จำพรรษา และศึกษาหาความรู้อีกครั้ง
ความปีติในธรรมได้พรั้งพรูให้หวนกลับมาเตือนจิตตัวเองอีกครั้ง นั่นคือ ชาวบ้านบึงยังคงเชื่อมสายใจแห่งความรัก ความอบอุ่น และกำลังใจที่เปี่ยมล้นอยู่มิวางวาย หรือคลายจากสายธารแห่งบุญกุศล ดังจะเห็นได้จากญาติโยมจำนวนมากที่เคยใส่บาตรเมื่อ 34 ปีที่แล้ว มาวัดนี้ ท่านเหล่านี้ ก็ยังทำบุญใส่บาตร รวมถึงตังเองก็เฝ้ารอที่จะหวนกลับมารับบาตร และแม้วัยคนใส่ และคนถูกใส่จะเปลี่ยนไป แต่สายใจแห่งความรัก และสายสัมพันธ์ที่อบอุ่น ยังคงตลบอบอวนตลอดเส้นทางของการบิณฑบาตร พร้อมๆ กับเสียงสาธุการให้ช่วยเป็นกำลังในการเผยแผ่ศาสนา และเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป
พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้าดังลั่นขึ้นในใจ "ขอให้เธอทั้งหลาย จงเที่ยวไป เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก" เสียงนั้นดังสนั่นมาตลอดเส้นทางของการเดินธุดงค์ และดังกังวาลยิ่งขึ้น เมื่ออยู่ภายใต้รัสมีแห่งความรักและความปรารถนาดีของของญาติโยมชาวบ้านบึงที่เคยดูแล เอาใจ และความรัก และกำลังใจมาตั้งแต่เป็นสามเณรน้อย เพราะแม้จะจากอ้อมกอดแม่มา แต่พลังของความรักของชาวบ้านบึงที่มีให้ กลับเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ให้สามเณรน้อยเกิดกำลังใจที่จะค้นหาความหมายของชีวิตต่อไป
"งานเลี้ยงย่อมมีวันเบิกลา" เสียงระวังที่พี่เลี้ยงเคาะนั้น บอกว่า กำลังจะได้เวลาต้องเดินธุดงค์จากวัดที่เคยอยู่อาศัยอีกครั้งแล้ว เพื่อจาริกธุดงค์กลับไปที่อื่น ชีวิตตามกฏไตรลักษณ์เป็นแบบเสมอ พบแล้วก็จาก มาแล้วก็ไป มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปตามจังหวะของชีวิต อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ดีใจ และได้ทำแล้ว ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ นั่นคือ มุ่งหวังตอบแทนคุณ ในยามเติบโตแข็งกล้า จึงได้พาลูกเณรกลับมาย้อนอดีต เพื่อให้ญาติโยมชาวบ้านบึงได้ทำบุญ ได้ใส่บาตร และที่สำคัญคือ ลูกพระและลูกเณรนั้น ต้องเป็นเนื้อนาบุญที่ดีเพียงพอที่จะให้ญาติโยมได้ทำบุญตักบาตร เพื่อให้พลังแห่งบุญ และพลังแห่งความดี ได้ช่วยเสริมส่ง และหนุนนำ เสริมส่งให้ญาติโยมชาวบ้านบึงอยู่เย็นเป็นสุข เข้าถึงความพ้นทุกข์ และพบสุขอันไพบูลย์เติบนิจนิรันดร์
พุทฺธสาสนํ จิรํ ติฏฺฐตุ
ขอให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ตราบนานเท่านานฯ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
วิเคราะห์ “จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์
วิเคราะห์ “จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์ บทนำ “จาล...
-
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(...
-
วิจารณ์สนั่นหลักสูตรบาลีป.ธ.1-2 ถึงป.ธ. 9 เรียนพระไตรปิฎก 149 หน้า "เจ้าคุณหรรษา" ยกสามเณร 2 รูป หนึ่งจบ ป.ธ. 9 อายุ 17 ปี หนึ่งจบ...
-
พระปิดตายันต์ยุ่งมหาอุตโม หลวงปู่ทิม อิสริโก จัดสร้างเพื่อหารายได้ สร้างหอฉันอุตตโม ออกแบบโดยช่างเกษม มงคลเจริญ ประกอบด้วย เนื้...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น