วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

ผอ.พศ.เลื่อนไม่มีกำหนดพบปปป.ฟ้องพระผู้ใหญ่ เปิดกฎกระทรวงไม่มีระบุหน้าที่ไว้




วันที่ 19 เม.ย.2561 พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เปิดเผยว่าตามที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ประสานพนักงานสอนสวนนัดเข้าให้ข้อมูลทางคดีเพิ่มเติม ยังไม่โทรศัพท์ประสานเข้ามากรณีที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ส่งสำนวนคดีเงินทอนวัดล็อต3 ที่มีพระผู้ใหญ่ 5 รูป ที่ถูกผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)ร้องทุกข์กล่าวโทษ ไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พิจารณา
          


ทั้งนี้มีรายงานจากชุดสอบสวนระบุเบื้องต้นว่า พ.ต.ท.พงศ์พร แจ้งขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษออกไป โดยยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่ชัดเจนได้เนื่องจากติดภารกิจ 



อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความศรัทธาของผู้คนและเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงต้องระมัดระวัง และต้องทำงานอย่างรอบคอบที่สุด ต้องใช้หลักฐานข้อมูลที่ถูกต้องและสมบูรณ์ เพื่อให้เกิดความชัดเจน 


ขณะที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พระผู้ใหญ่ 3 รูป ที่เป็นกรรมการมส. และถูกกล่าวหา จะต้องออกจากตำแหน่งหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องแยกกัน เรื่องกระบวนการยุติธรรมก็ว่าไป เรื่องคณะสงฆ์ก็อีกเรื่อง ทั้งนี้ เจตนาของทุกคนคืออยากบำรุงพระพุทธศาสนา อะไรที่ทำให้ศาสนาเจริญรุ่งเรืองได้ รัฐบาลก็ไปทางนั้นคณะสงฆ์ก็จะเดินไปทางนั้น
        
          

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่า พศ.ก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่ ผอ.พศ.ไปร้องทุกข์กล่าวโทษพระผู้ใหญ่และผู้เกี่ยวข้องตามหนังสือของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ส่งมาไม่ดำเนินการก็ไม่ได้ เมื่อเรื่องเข้ากระบวนการยุติธรรม กระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตอบได้ดีที่สุด ให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้ากฎหมายบอกว่าชอบก็ชอบแล้ว ถ้ากฎหมายบอกไม่ชอบก็ไม่ชอบ สังคมจะได้สบายใจ เรื่องนี้ตนว่าง่ายๆ ไม่ยากเมื่อถามว่า ท่านยังสนับสนุนการทำหน้าที่ตรวจสอบของผอ.พศ.อย่างเต็มที่ใช่หรือไม่



เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่กรณีพระผู้ใหญ่ออกมาวิพากย์วิจารณ์ผอ.พศ.ว่าการดำเนินการตรวจสอบเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ผมว่าเป็นเรื่องของการสร้างการรับรู้ ทุกฝ่ายก็ทำตามหน้าที่”



อย่างไรก็ตามได้มีการออกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ.2546  ดังนี้ (1) ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ กฎหมายว่าด้วยการกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนา รวมทั้งกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง (2) รับสนองงาน ประสานงาน และถวายการสนับสนุนกิจการและการบริหารการปกครองคณะสงฆ์ (3) เสนอแนวทางการกำหนดนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองพระพุทธศาสนา (4) ส่งเสริม ดูแล รักษา และทำนุบำรุงศาสนสถานและศาสนวัตถุทางพระพุทธศาสนา (5) ดูแล รักษา และจัดการวัดร้างและศาสนสมบัติกลาง (6) พัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา (7) ทำนุบำรุงพุทธศาสนศึกษา เพื่อพัฒนาความรู้คู่คุณธรรม (8) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานหรือตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์

  วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์ บทนำ “จาล...