นายเอกนัฏ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณตัวแทนสาขาพรรคทั่วประเทศที่สละเวลาเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ และขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันต่อสู้ รวมใจสู้จนพรรครวมไทยสร้างชาติประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ท่ามกลางคำปรามาสสบประมาทตั้งแต่วันแรกที่ตนกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ร่วมทำพรรครวมไทยสร้างชาติ หลายคนในที่นี้ก็เป็นผู้ที่ร่วมทำงานกันมาตั้งแต่เริ่มต้นในทุกภาคทั่วประเทศ แม้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ก็ตาม แต่ทุกคนก็มีอุดมการณ์เดียวกัน คืออยากเห็นพรรคการเมืองที่มีความจริงใจจริงจังในการทำงานแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ตามมอตโต้ของหัวหน้าพรรคที่ย้ำทุกเวทีว่า “จะสู้ให้กับทุกปัญหา และพึ่งพาได้ทุกเรื่อง”
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า หลังการประกาศตัวอย่างชัดเจนในที่สุดพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นอีกพื้นที่หนึ่ง ที่จะเปิดโอกาสให้มีการทำงานการเมืองยุคใหม่ จนได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือเป็นปูชนียบุคคลของพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาร่วมก่อตั้ง และสนับสนุนพรรค ทั้งในฐานะสมาชิกพรรค และประธานยุทธศาสตร์พรรค รวมถึงยังเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีให้กับพรรค จนทำให้ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ สส.เขต และสส.บัญชีรายชื่อรวม 36 คน
อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นโอกาสที่พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเดินหน้าสานต่อภารกิจที่ต้องการทำงานเพื่อเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ โดยพรรคได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงสำคัญทั้งหมด 4 กระทรวงซึ่งเป็นกระทรวงที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจ และตนได้ย้ำกับรัฐมนตรีทุกคนที่ไปทำหน้าที่อยู่ฝ่ายการเมือง ไม่ให้หลงระเริงกับอำนาจ เพราะอาชีพสำคัญหลักของของทุกคน ไม่ใช่ข้าราชการ แต่คือนักการเมือง ต้องภูมิใจในความเป็นนักการเมืองน้ำดี เมื่อเข้ากระทรวงไปแล้ว ต้องดูแลผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อว่า ผลงานที่ชัดเจนที่ตนอยากจะชี้ให้เห็น คือในส่วนของกระทรวงพลังงาน นายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรคเมื่อเข้าไปแล้วก็สร้างผลงานให้เห็นชัดเจน โดยเข้าไปจัดการเจรจา ซึ่งทำจนราคาต้นทุนพลังงานลดได้ทุกอาทิตย์ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นให้ประชาชน และผู้ประกอบการ ที่กำลังประสบกับวิกฤติค่าครองชีพ แต่ในอนาคตจะมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องมีการผ่าตัดครั้งใหญ่เช่นกัน โดยเฉพาะขั้นตอนการออกใบอนุญาตา จะต้องสะดวก โปร่งใสกับผู้ประกอบการที่มีความสุจริต แต่อีกส่วนหนึ่งจะต้องเข้าไปจัดการกับพวกกลุ่มธุรกิจ โรงงานสีเทา ที่สร้างมลภาวะ สร้างปัญหาให้กับประชาชน จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขครั้งใหญ่ รวมไปถึงกระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำลังทำงานอยู่ตลอดเวลา ส่วนงานการเมืองก็ต้องไม่ทิ้งและทำงานกันต่อไป
“ที่ผมมาในวันนี้ เพื่อพูดคุยและสื่อสารกับทุกท่านว่า โลกของความเป็นจริงอยู่ที่การทำงาน อยู่ที่ผลงาน อยู่ที่จิตวิญญาณและที่ขาดไม่ได้โดยเฉพาะสาขากับตัวแทน เพราะถือเป็นรากฐานสำคัญของพรรคการเมือง ผมอยากให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะช่วยกันขับเคลื่อนต่อไป” นายเอกนัฏกล่าว
นายเอกนัฏ กล่าวในตอนท้ายว่า ตนคิดว่าการทำงานการเมืองไม่จำเป็นจะต้องคิดแต่เรื่องใหญ่ หรือแค่เรื่องสร้างกระแสเท่านั้น แม้แต่งานเล็กๆงานน้อยๆ ในการแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน การฟังปัญหา คำติชม คำแนะนำจากสมาชิกถือเป็นงานสำคัญ ถ้าทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนแบบมีพลังก็จะสามารถทำงานได้สำเร็จ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น