เมื่อเวลาประมาณ 01.35 น. ของวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 พระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ ปุญฺญกาโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดธารทหาร(ห้วยด้วน) จังหวัดนครสวรรค์ มรณภาพด้วยอาการอันสงบ สิริอายุ 101 ปี บวช 77 พรรษา ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ กรุงเทพมหานคร
สำหรับ พระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ ปุญฺญกาโม) พระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคม ศิษย์พุทธาคมหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นามเดิมชื่อ "พัฒน์ ก้อนจันเทศ" เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2465 ที่บ้านสระทะเล อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ บิดาชื่อ "นายพุฒ" และมารดาชื่อ "นางแก้ว ก้อนจันเทศ"
ช่วงวัยเด็ก ครอบครัวจึงอพยพไปทำนาที่บ้านหนองเนิน อ.ท่าตะโก และย้ายไปทำนาที่บ้านหนองหลวง อ.ท่าตะโก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หลวงพ่อเดิมสร้างเสนาสนะให้วัดหนองหลวง บิดาของท่านจึงได้ไปช่วยหลวงพ่อเดิมสร้างวัด และยังร่ำเรียนเขียนอ่านรวมทั้งฝึกหัดท่องคาถาสั้นๆ จากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และยังศึกษาภาษาไทย ภาษาขอม จาก หลวงตาน้อย ฝึกหัดนั่งสมาธิกับหลวงพ่ออิน
อายุ 13 ปี จึงเดินทางกลับมาเรียนหนังสือจนจบชั้น ป.4ที่วัดสระทะเล อ.พยุหะคีรี โดยไปอยู่กับหลวงลุง ชื่อหมึก ซึ่งเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล ระหว่างที่ท่านไปอยู่ที่วัดหนองหลวงและวัดสระทะเล ท่านได้ศึกษาวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อเทศ
พออายุครบเกณฑ์ทหารถูกคัดเลือกเข้าไปเป็นทหารกองประจำการ แต่ขณะที่ จะหมดวาระปลดจากทหารเกณฑ์กลับ เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) ขึ้นเสียก่อน จึงทำให้ต้องเป็นทหารต่อไปจนอายุ 24 ปี ปลดประจำการเมื่อปี พ.ศ.2489
จากนั้นเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2489 ที่อุโบสถวัดสระทะเล ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยมี พระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงพ่อยอด) วัดเขาแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการชั้ว วัดสระทะเล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปุญญกาโม"
มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม เริ่มเรียนนักธรรมชั้นตรีและชั้นโทไปได้สักระยะ โดยระหว่างนั้นหลวงพ่อเดิมได้ไปสร้างเสนาสนะและอุโบสถอยู่ที่วัดอินทราราม จึงไปเรียนพุทธาคมด้วย เมื่อพบกับหลวงพ่อเดิมที่วัดอินทราราม หลวงพ่อเดิมเริ่มถ่ายสรรพวิชาทั้งกัมมัฏฐานและพุทธาคม โดยให้หลวงพ่อพัฒน์ไปจำวัดอยู่ที่วัดเขาแก้วกับหลวงพ่อกัน
ด้วยขณะนั้นวัดอินทรารามกำลังซ่อมสร้างเสนาสนะอยู่ จึงไม่สะดวกในการพำนักจำพรรษา จึงต้องเดินไปเช้าเย็นกลับระหว่าง วัดทั้งสอง เรียนวิชา อยู่เกือบสองพรรษาจึงจบ ขณะเดินธุดงค์ไป ยังเมืองลับแล ท่านไปพักกับหลวงพ่อชุบ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง จ.อุตรดิตถ์ หลวงพ่อชุบถ่ายทอดวิชาเมตตามหานิยมให้หลวงพ่อพัฒน์ และขอให้ท่านเป็นพระคู่เทศน์ปุจฉา-วิสัชนา คู่กับท่านเป็นระยะหนึ่ง
เมื่อถึงเวลาอันสมควรจึงขอลาหลวงพ่อชุบ กลับวัดสระทะเล แต่หลวงพ่อชุบกลับขอให้ท่านอยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ ทุ่งยั้งแทนอีก 3 ปี ด้วยหลวงพ่อชุบจะย้ายไปพัฒนาวัดพระยืน พุทธบาทยุคลก่อน หลวงพ่อพัฒน์จึงต้องอยู่ดูแลวัดพระบรมธาตุ ทุ่งยั้ง ๖ ปี จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระทะเล
กระทั่งครอบครัวท่านย้ายมาที่ ต.ธารทหาร อ.หนองบัว ประชาชนชาว ต.ธารทหาร และกำนันผู้ใหญ่บ้าน จึงร่วมกันอาราธนาให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดธารทหาร ท่านจึงย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดธารทหาร(ห้วยด้วน) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2513เป็นต้นมา
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2564ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พระครูนิวิฐปุญญากร หรือ "หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม" เป็น "พระราชมงคลวัชราจารย์"
สำหรับ วัดธารทหาร (วัดห้วยด้วน) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2482แต่เดิมเรียกว่า วัดห้วยด้วน ตามชื่อหมู่บ้าน เนื่องจากที่บ้านแห่งนี้มีลำคลองเล็กแยกมาจากห้วยน้ำสาดเหนือ และสิ้นสุดคลองลงที่นี่ จึงเรียกกันว่าห้วยด้วน ซึ่งได้เรียกเป็นชื่อหมู่บ้าน และต่อมาเปลี่ยนเป็น บ้านธารทหาร สืบต่อมาเท่าทุกวันนี้
ด้วยความที่เป็นพระเกจิชื่อดัง จึงเริ่มมีชื่อเสียงอยู่ในศรัทธาของญาติโยมในพื้นที่อย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจึงมีญาติโยมเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่เข้มขลัง เสริมความเป็นสิริมงคลที่วัดอย่างไม่ขาดสาย ด้านวัตถุมงคลจัดสร้างมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญ ทุกรุ่นเป็นที่ยอมรับของบรรดาเซียนพระและนักสะสม
หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม เป็นพระเกจิชั้นแนวหน้าอีกรูปที่เวลามีงานพุทธาภิเษกปลุกเสกพระเครื่องรุ่นต่างๆ ต้องได้รับนิมนต์ร่วมพิธีปลุกเสก พระเครื่องเป็นประจำอย่างขาดมิได้
ลำดับสมณศักดิ์
พ.ศ.2505ได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้งให้เป็น พระครูประทวนสมณศักดิ์ ที่ พระครูพัฒน์ ปุญฺญกาโม
พ.ศ. 2526ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูนิวิฐปุญญากร
พ.ศ. 2543 ได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชให้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. 2545 ได้รับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
6พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ขึ้นเป็น พระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชมงคลวัชราจารย์ ไพศาลศาสนกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น