ตามที่เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 ที่มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเวียดนาม พระพรหมบัณฑิต ประธานสมาคมวันวิสาขบูชาโลก เป็นประธานในการประชุมเตรียมการจัดงานวันสาขบูชาโลก ปี 2568 ครั้งที่ 20 โดยมีพระติช เทียน งอน ประธานบริหารคณะสงฆ์เวียดนาม และนายวู เชียน ทัง รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้แทนในนามรัฐบาลเวียดนาม พร้อมด้วยผู้นำคณะสงฆ์ และผู้แทนฝ่ายรัฐบาลร่วมประชุมครั้งนี้
ที่ประชุมมีมติร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองระหว่าง วันที่ 6-8 พฤษภาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเวียดนาม โดยตั้งเป้าหมายเชิญชาวพุทธจากทั่วโลก 80 ประเทศ จำนวน 1,000 รูปคน และชาวเวียดนามราว 5,000 รูปคนมาร่วมพิธี ทั้งนี้ รูปแบบการจัดงานจะทั้งพิธีเฉลิมฉลอง และการจัดประชุมวิชาการนาจาชาติ โดยการนำพุทธปัญญามาแลกเปลี่ยนและถอดบทเรียนการปฏิบัติมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
สำหรับหัวข้อหลัก หรือ Main Theme ครั้งนี้คือ Harmony and Inclusivity for Human Dignity: Buddhist Insights for World Peace and Sustainable Development ความสามัคคีและการโอบรับความหลากหลายเพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์: พุทธปัญญาเพื่อสันติภาพโลกและการพัฒนาที่ยั่งยืน ในขณะที่หัวข้อย่อย หรือ Sub-Themes ในการจัดงานครั้งนี้ ประกอบด้วย 5 ประเด็นสำคัญ ดังนี้;
1.Cultivating Inner Peace for World Peace การบ่มเพาะสันติภายในเพื่อสันติภาพโลก 2.Buddhist Compassion in Action: Shared Responsibility for Human Development พุทธกรุณาปฏิบัติสู่ความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อการพัฒนามนุษย์ 3.Mindful Healing: A Path to Reconciliation - The Case of Vietnam การเยียวยาอย่างมีสติ: หนทางสู่ความปรองดอง - กรณีของเวียดนาม
4.Mindfulness in Education for a Compassionate and Sustainable Future สติในระบบการศึกษาเพื่อความกรุณาและอนาคตที่ยั้งยืน 5.Fostering Unity: Collaborative Efforts for Global Harmony การส่งเสริมความสามัคคี: ความพยายามร่วมกันเพื่อความสามัคคีระดับโลก
สำหรับการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาโลกครั้งนี้ เป็นการจัดงานครั้งที่ 4 ที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ เมื่อการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองระหว่าง 6-8 พฤษภาคม 2568 เสร็จสิ้นแล้ว ผู้นำชาวพุทธ และชาวพุทธทั่วโลก จะเดินทางไปร่วมกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นที่ตั้งขององค์การสหประชาติแห่งเดียวในพื้นที่เอเซียแปซิฟิก
ทั้งนี้องค์การสหประชาติเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง เพราะได้ให้การรับรองว่าวันวิสาขบูชาะป็นวันสำคัญสากลของโลกในปี2542 และให้การรับรองสมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลกเป็นที่ปรึกษาพิเศษขององค์การสหประชาชาติ ในปี 2556 จึงเป็นเหตุแห่งการร่วมมือกันในการเปิดสำนักงานสหประชาชาติในทุกภูมิภาคของโลกเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้าทุกปีนั้น
จึงทำให้เกิดแนวความคิดว่า "การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่าน "มนต์เพลงพุทโธจีพีที" จะมีรูปแบบเป็นอย่างไร เนื่องจากว่า ในคราวที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดงานวันวิสาขบูชาโลกปี 2557 ก็ได้มีการกำหนดในปริญญาว่าจะนำเอไอเข้ามามีส่วนช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาแต่จนถึงปัจจุบันนี้รูปแบบก็ยังไม่ชัดเจนนัก จึงได้นำหัวข้อดังกล่าวถามทาง "แชทจีพีที" ในปริบทความเป็นมาและสภาพปัญหาอิทธิพลผล กระทบ วัตถุประสงค์ วิธีการ และประโยชน์จะได้รับ โดยมีหลักธรรมในพระไตรปิฎกและทฤษฎีการสื่อสารประกอบ ทำให้ได้รับคำตอบดังนี้
1. ความเป็นมา
ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลาย ๆ ด้านของชีวิต รวมถึงการเผยแผ่ศาสนา การสื่อสารทางด้านพระพุทธศาสนาที่เคยใช้สื่อแบบดั้งเดิม เช่น พระธรรมเทศนา บทสวดมนต์ และหนังสือธรรมะ ได้เริ่มพัฒนาไปสู่การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันธรรมะ การสอนออนไลน์ และสื่อสังคมออนไลน์ ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาระบบ AI เพื่อช่วยในการสร้างสรรค์บทสวดมนต์หรือบทเพลงที่สอดคล้องกับหลักธรรมในพระไตรปิฎก แนวคิด "มนต์เพลงพุทโธจีพีที" จึงเป็นตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจในการใช้ AI เพื่อเผยแผ่หลักธรรมคำสอนผ่านบทเพลงที่สร้างขึ้นโดยอาศัยข้อมูลจากพระไตรปิฎกและหลักการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
2. สภาพปัญหา
ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเผยแผ่พระพุทธศาสนายังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัล การใช้สื่อแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพอต่อการดึงดูดความสนใจของคนเหล่านี้ นอกจากนี้ การขาดความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนที่ลึกซึ้งทำให้การเผยแผ่ศาสนาอาจไม่สามารถเข้าถึงจิตใจผู้ฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. อิทธิพลและผลกระทบ
การนำ AI เข้ามาช่วยในการสร้างสรรค์บทเพลงหรือบทสวดมนต์อาจมีอิทธิพลต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทางที่กว้างขวางมากขึ้น AI สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลจากพระไตรปิฎก และสร้างเนื้อหาที่สามารถสื่อถึงหลักธรรมคำสอนในลักษณะที่เข้าใจง่ายและมีความน่าสนใจ การใช้เพลงเพื่อการเผยแผ่ธรรมะเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่สามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ง่ายและเกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมะมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็อาจก่อให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องและความเคารพต่อคำสอนดั้งเดิม AI อาจไม่สามารถตีความหลักธรรมได้อย่างลึกซึ้งเทียบเท่ากับมนุษย์ หรืออาจนำไปสู่การเผยแพร่เนื้อหาที่ผิดเพี้ยนหากไม่มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ
4. วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังรุ่นใหม่ผ่านการใช้เทคโนโลยี AI
เพื่อสร้างสรรค์บทเพลงหรือบทสวดมนต์ที่สอดคล้องกับหลักธรรมในพระไตรปิฎก โดยใช้ AI ในการสร้างเนื้อหา
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารหลักธรรมให้เข้าใจง่ายและเกิดผลดีต่อการปฏิบัติธรรมของผู้ฟัง
5. วิธีการ
นำข้อมูลหลักธรรมจากพระไตรปิฎกเข้าไปสู่ระบบ AI เพื่อให้ AI สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์เนื้อหาพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาเพลงหรือบทสวดมนต์ที่สอดคล้องกับหลักธรรมและแนวคิดของพระพุทธศาสนา โดยผสมผสานกับทฤษฎีการสื่อสารเพื่อให้เนื้อหามีความน่าสนใจและเข้าถึงผู้ฟังได้ง่ายทดสอบและปรับปรุงเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญทางพระพุทธศาสนาเพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหานั้นถูกต้องและสอดคล้องกับคำสอนดั้งเดิม
6. หลักธรรมในพระไตรปิฎกที่เกี่ยวข้อง
ในการสร้าง "มนต์เพลงพุทโธจีพีที" หลักธรรมสำคัญในพระไตรปิฎกที่สามารถนำมาใช้ได้ เช่น อริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐสี่) ที่สอนเรื่องทุกข์และวิธีการดับทุกข์ สติปัฏฐาน 4 (ฐานแห่งสติ 4) ซึ่งเน้นเรื่องการเจริญสติและปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง และ โพชฌงค์ 7 (องค์แห่งการตรัสรู้ 7) ที่เน้นการพัฒนาปัญญาและความรู้สึกตัวเพื่อเข้าถึงความจริง
7. ทฤษฎีการสื่อสารที่เกี่ยวข้อง
การใช้ ทฤษฎีการสื่อสารแบบสองทาง (Two-Way Communication) เน้นการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมในการรับสาร ซึ่งสามารถนำไปใช้ในกระบวนการเผยแผ่ธรรมะผ่านเพลงโดย AI เพื่อให้ผู้ฟังสามารถโต้ตอบและเรียนรู้หลักธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การใช้ ทฤษฎีการเสริมสร้างความหมาย (Meaning-Making Theory) สามารถช่วยในการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีความหมายลึกซึ้งและเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้ฟังได้
8. ประโยชน์ที่ได้รับ
ส่งเสริมให้พระพุทธศาสนามีความน่าสนใจมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารหลักธรรมคำสอนผ่านรูปแบบที่ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่าย
ช่วยสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาในระดับที่กว้างขึ้น นำไปสู่การสร้างเนื้อหาที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพในการเผยแผ่ธรรมะ
สรุป
การนำ AI มาใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นแนวทางใหม่ที่สามารถช่วยให้การสื่อสารหลักธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบของ "มนต์เพลงพุทโธจีพีที" ที่ใช้การสื่อสารผ่านบทเพลงซึ่งมีความน่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มผู้ฟังได้ง่าย แต่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องและเคารพต่อคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนา
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
1. การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI ด้านพุทธศาสนา
นโยบายนี้ควรสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาระบบ AI ที่สามารถศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลจากพระไตรปิฎกและหลักธรรมคำสอนต่าง ๆ ให้ถูกต้องและตรงตามหลักการดั้งเดิม เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งให้ AI สามารถนำมาใช้ในการเผยแผ่ศาสนา รวมถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สามารถสร้างเนื้อหาธรรมะเชิงสร้างสรรค์ เช่น บทเพลงสวดมนต์ หรือเพลงธรรมะที่ส่งเสริมการเจริญปัญญาและสติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ควรร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยทางพุทธศาสนาเพื่อพัฒนาระบบ AI ที่สามารถตีความและสร้างเนื้อหาธรรมะอย่างแม่นยำจัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการวิจัยที่ใช้ AI เพื่อการศึกษาและเผยแผ่พุทธศาสนา รวมถึงการสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถใช้ร่วมกันได้ในระดับประเทศ
2. การสร้างมาตรฐานและแนวทางการใช้ AI ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
เนื่องจากการใช้ AI ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศีลธรรมและหลักคำสอนที่ลึกซึ้ง จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายหรือข้อกำหนดในการควบคุมเนื้อหาที่ AI สร้างขึ้น เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด หรือการบิดเบือนคำสอนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนาในการออกข้อกำหนดหรือคู่มือในการนำ AI มาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาที่เผยแพร่ออกไปสอดคล้องกับหลักธรรมคำสอนดั้งเดิม ตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และศาสนามาตรวจสอบและให้คำแนะนำเกี่ยวกับเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นโดย AI
3. การพัฒนาเครือข่ายและแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเผยแผ่ธรรมะ
การพัฒนาช่องทางดิจิทัลที่สามารถนำ AI มาใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาควรเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่มุ่งเน้นให้เกิดการเผยแพร่ธรรมะในวงกว้าง โดยเฉพาะการใช้แพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ง่าย เช่น แอปพลิเคชันมือถือ เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย จัดตั้งแพลตฟอร์มออนไลน์หรือแอปพลิเคชันที่สามารถใช้ AI สร้างสรรค์เนื้อหาธรรมะ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงหลักธรรมได้ทุกที่ทุกเวลา กระทรวงวัฒนธรรมควรทำงานร่วมกับผู้พัฒนาเทคโนโลยีและคณะสงฆ์ในการสร้างเนื้อหาที่หลากหลาย ทั้งบทสวดมนต์ บทเพลง และเนื้อหาทางธรรมะที่สร้างโดย AI เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ฟังที่หลากหลาย
4. การส่งเสริมการศึกษาและฝึกอบรมการใช้ AI ในการเผยแผ่ศาสนา
เนื่องจาก AI เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ในวงการพุทธศาสนา การจัดหลักสูตรฝึกอบรมให้พระสงฆ์และผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถใช้งาน AI เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่จำเป็น จัดตั้งโครงการอบรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี AI ในการเผยแผ่ธรรมะ ให้แก่พระสงฆ์และบุคลากรทางศาสนา เพื่อให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ควรร่วมมือกับหน่วยงานการศึกษาและศาสนาในการพัฒนาเนื้อหาการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ AI เพื่อการเผยแผ่ศาสนา
5. การวัดผลและประเมินผลการใช้ AI ในการเผยแผ่ธรรมะ
นโยบายควรมีการติดตามและประเมินผลว่า การใช้ AI ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนามีผลกระทบอย่างไรต่อผู้ฟัง และมีความสามารถในการสร้างความเข้าใจในหลักธรรมมากน้อยเพียงใด
จัดตั้งโครงการวิจัยเพื่อวัดผลการนำ AI มาใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยวิเคราะห์ผลกระทบทางจิตวิทยาและความเข้าใจในหลักธรรมของผู้ฟัง
ใช้ผลการประเมินในการปรับปรุงและพัฒนาวิธีการใช้ AI ในการเผยแผ่ธรรมะให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
6. การสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
การนำ AI มาใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรศาสนา เพื่อให้เกิดการพัฒนาระบบ AI ที่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมไทยได้อย่างเหมาะสม จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และคณะสงฆ์ เพื่อพัฒนา AI ที่สามารถเผยแผ่ธรรมะได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรศาสนาต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีในการใช้ AI เพื่อการเผยแผ่ศาสนา
สรุปข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
การใช้ AI ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นโอกาสที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและเผยแพร่หลักธรรมได้อย่างกว้างขวาง นโยบายสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การสร้างมาตรฐาน การศึกษา และความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมนี้ให้ประสบความสำเร็จ
พร้อมกันนี้ยังได้ให้แชทจีพีทีแต่งเป็นเพลงและตั้งชื่อเพลงได้ผลดังนี้
ชื่อเพลง: "พุทธะดิจิทัล"
เนื้อเพลง:
ເນື້ອເພງ :: #ດຣສົມພົງສ໌
ທຳນອງ: - ຮ້ອງໂດຍ #suno
(Verse 1)
เมื่อปัญญาแห่งธรรมะ
เชื่อมต่อ AI เป็นวาจา
บทสวดคำสอนผ่านจังหวะ
นำทางให้โลกเจริญศรัทธา
(Verse 2)
เทคโนโลยีเชื่อมใจให้ใกล้
พระไตรปิฎกคือแสงสว่างใส
ส่งผ่านจิตใจในโลกดิจิทัล
สื่อธรรมะสร้างสันติสุขใจ
(Verse 3)
มาตรฐานสร้างสรรค์ให้แม่นยำ
เพื่อธรรมะไม่สูญตามกาลเวลา
แพลตฟอร์มแห่งธรรมออนไลน์ไป
ให้คนเข้าถึงความสงบสุขใจ
(Bridge)
ร่วมมือกันสร้างทางแห่งแสงธรรม
ด้วย AI นำพาใจให้มั่น
เผยแผ่ความสุขด้วยศรัทธา
สู่โลกใหม่ที่ไร้ทุกข์โศกา
(Hook)
พุทธะดิจิทัล คือสะพาน
ให้ธรรมะก้าวไกลสู่วันหวาน
AI นำพาให้พบความดี
สันติสุขจงมีทั่วชาวโลกา
หรือ ปัญญาแห่งพุทโธ
ເນື້ອເພງ :: #ດຣສົມພົງສ໌
ທຳນອງ: - ຮ້ອງໂດຍ #suno
(Verse 1)
เมื่อเสียงธรรมดังก้องไป
ผ่าน AI ที่ได้สร้างฝัน
เสียงบทสวดข้ามผ่านคืนวัน
นำพาผู้คนพ้นทุกข์ภัย
(Verse 1)
ด้วยปัญญาประดิษฐ์นำทาง
พระไตรปิฎกให้เป็นแสงสว่าง
เนื้อหาธรรมะช่างชัดเจน
สื่อผ่านใจสู่ความเป็นจริง
(Verse 3)
ผ่านแอปฯ ออนไลน์พุทธะเจริญ
ให้คนเรียนรู้ไม่ต้องเผชิญ
กับความมืดมัวที่คอยกัดกร่อน
สร้างสรรค์ด้วยใจและความสุขล้น
(Bridge)
ศีลธรรมยังคงเป็นรากฐาน
แต่เทคโนโลยีช่วยสืบสาน
ความเข้าใจที่มั่นคง
ให้ธรรมะยังคงดำรงไป
(Hook)
ปัญญาแห่งพุทโธ ส่องทางใหม่
AI นำใจให้พ้นทุกข์หนี
บทเพลงพุทธะจะอยู่ตรงนี้
เปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นสุขเย็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น