วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568

เพลง: ตระบัดสัตย์การเมือง

(Verse 1)  https://suno.com/s/XGsXmkk6bgrd3PrL

คำสัญญาที่ก้องกังวาน

กลับกลายเป็นหมอกควันในสภา

เสียงประชาชนที่ฝากศรัทธา

ถูกหักหลังด้วยอำนาจเกมการเมือง

 (Hook)  https://suno.com/s/mbzm8rhXWjT8gty3

นี่หรือคือสัจจะของผู้นำ

กลับพลิกคำราวลมเปลี่ยนทิศ

เมื่อผลประโยชน์มาก่อนความจริง

สัจจะการเมืองก็สูญสลาย

(Verse 2) 

ปากบอกเพื่อชาติ แต่ใจเพื่อพวกพ้อง

แย่งชิงเก้าอี้เป็นของรางวัล

ความฝันของคนจนถูกโยนทิ้งข้างทาง

เหลือเพียงความว่างเปล่าในหัวใจ

 (Hook) 

นี่หรือคือสัจจะของผู้นำ

กลับพลิกคำราวลมเปลี่ยนทิศ

เมื่อผลประโยชน์มาก่อนความจริง

สัจจะการเมืองก็สูญสลาย

(Outro)

เมื่อใดจะมีผู้นำที่กล้าจริง

รักษาคำมั่นต่อแผ่นดิน

ไม่ตระบัดสัตย์ต่อความหวัง

ของประชาชนที่รอคอย

“การตระบัดสัตย์” ในทางการเมือง หมายถึง การไม่รักษาสัจจะหรือคำมั่นที่ได้ให้ไว้ต่อประชาชนหรือคู่สัญญาทางการเมือง อาจปรากฏในรูปแบบการผิดคำสัญญาหาเสียง การเปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองอย่างกะทันหัน หรือการทำข้อตกลงลับที่ขัดกับหลักการประชาธิปไตย ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมการเมืองไทย แต่เป็นวัฒนธรรมการเมืองที่ฝังรากลึก และมีผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือของสถาบันการเมืองและประชาธิปไตยไทย

แนวคิดทางทฤษฎี

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์มักอธิบายการตระบัดสัตย์ผ่านกรอบแนวคิด 3 ประการ ได้แก่

  1. การเมืองแบบอุปถัมภ์ (Patron-Client Politics) : การเมืองไทยยังคงยึดโยงกับผลประโยชน์ระหว่างผู้นำและเครือข่าย ทำให้คำมั่นสัญญาทางการเมืองมักถูกละเมิดเพื่อรักษาสัมพันธภาพเชิงอำนาจ

  2. การเมืองเชิงธุรกรรม (Transactional Politics) : ข้อตกลงทางการเมืองมักถูกมองเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ข้อตกลงจึงถูกยกเลิกหรือหักหลังได้ง่าย

  3. วิกฤติความไว้วางใจ (Trust Deficit) : การผิดคำสัญญาของนักการเมืองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองโดยรวม

กรณีศึกษาในการเมืองไทย

ตัวอย่างเชิงโครงสร้างที่สะท้อน “การตระบัดสัตย์” ได้แก่

  • การจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นไปตามสัญญาหาเสียง : พรรคการเมืองบางพรรคเคยให้คำมั่นว่าจะไม่ร่วมกับพรรคใด แต่ภายหลังกลับเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการละเมิดเจตจำนงของผู้เลือกตั้ง

  • การผลักดันนโยบายที่ไม่เป็นไปตามที่หาเสียงไว้ : หลายนโยบายที่ถูกใช้หาเสียงกลับไม่ถูกผลักดันอย่างจริงจัง เนื่องจากแรงกดดันจากกลุ่มผลประโยชน์และข้อจำกัดทางการเมือง

  • การละเมิดข้อตกลงระหว่างพรรคการเมือง : ปรากฏการณ์การ “ย้ายข้าง” หรือ “หักหลังพันธมิตร” ในสภา ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการโหวตนายกรัฐมนตรีและร่างกฎหมายสำคัญ

ผลกระทบของการตระบัดสัตย์ทางการเมือง

  1. ความเสื่อมศรัทธาของประชาชน : ประชาชนรู้สึกว่าคำพูดของนักการเมืองไม่มีคุณค่า และอาจไม่เข้าร่วมทางการเมืองในอนาคต

  2. ความไม่มั่นคงทางการเมือง : การละเมิดข้อตกลงบ่อยครั้งทำให้การเมืองไทยขาดเสถียรภาพ เกิดการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้ง

  3. การบั่นทอนพัฒนาการประชาธิปไตย : เมื่อคำมั่นสัญญาถูกละเมิดซ้ำ การเมืองจะกลายเป็นพื้นที่แห่งความไม่ไว้วางใจ ขัดขวางการสร้างสัญญาประชาคมทางการเมือง

แนวทางแก้ไข

  1. สร้างวัฒนธรรมทางการเมืองใหม่ : ให้ความสำคัญกับ “สัจจะทางการเมือง” ผ่านการศึกษาและการปลูกฝังจริยธรรมแก่ผู้นำและนักการเมืองรุ่นใหม่

  2. กลไกตรวจสอบและรับผิดชอบ : ควรมีมาตรการลงโทษทางการเมืองและสังคม เช่น การประณามสาธารณะ การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงเท็จ

  3. เสริมบทบาทประชาชน : ประชาชนต้องแสดงพลังตรวจสอบ และลงโทษนักการเมืองที่ตระบัดสัตย์ผ่านการเลือกตั้งครั้งต่อไป

บทสรุป

การตระบัดสัตย์เป็นรากเหง้าของวิกฤติความเชื่อมั่นทางการเมืองไทย การเมืองที่ปราศจากสัจจะย่อมไม่อาจสร้างสัญญาประชาคมที่มั่นคงได้ หากนักการเมืองยังคงใช้การตระบัดสัตย์เป็น “เครื่องมือเอาตัวรอด” ประเทศไทยจะไม่สามารถก้าวสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ ดังนั้น การสร้างระบบการเมืองที่เคารพในสัจจะ ความรับผิดชอบ และผลประโยชน์สาธารณะ จึงเป็นภารกิจสำคัญของการปฏิรูปการเมืองไทยในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...