วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568

เพลง: เดรัจฉานการเมือง

(Verse 1) https://suno.com/s/bIBn1Lh5fPk48cfN

บนเวทีอำนาจ เสียงตะโกนดังลั่น

ต่างคนต่างฝัน แต่ไม่เคยเพื่อใคร

เงื่อนไขแลกเปลี่ยน เหมือนเขี้ยวเล็บในฝูงไพร

การเมืองไม่ใช่เพื่อประชาชน

 (Hook) 

นี่หรือคือเดรัจฉานการเมืองไทย

กัดกันไม่หยุดยั้ง ใครพลาดใครตาย

ต่างเอาตัวรอด ปล่อยคนจนวอดวาย

อำนาจกลายเป็นเกมไม่สิ้นสุด

(Verse 2)

บอกว่าจะยุบสภา แต่เพื่อหาช่องทาง

คำหวานแค่พราง ปิดบังความจริง

รัฐธรรมนูญไม่ใช่สัญญาแห่งความยุติธรรม

แต่เป็นเครื่องต่อรองในเกมลวง

 (Hook) 

นี่หรือคือเดรัจฉานการเมืองไทย

กัดกันไม่หยุดยั้ง ใครพลาดใครตาย

ต่างเอาตัวรอด ปล่อยคนจนวอดวาย

อำนาจกลายเป็นเกมไม่สิ้นสุด

(Outro)

เมื่อไหร่จะมีแสงไฟนำทาง

การเมืองจะก้าวพ้นจากฝูงสัตว์ป่า

ถึงเวลาสร้างศรัทธา และสัญญาประชาคม

ให้การเมืองไทยเป็นของประชาชน


การเมืองไทยในช่วงปี 2568 กำลังเผชิญสภาวะที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การพ้นจากตำแหน่งของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ได้ก่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง และเปิดฉากการต่อสู้เชิงยุทธศาสตร์เพื่อหาตัวนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ท่ามกลางเงื่อนไขที่พรรคการเมืองต่างๆ พยายามกำหนดขึ้นมาเพื่อรักษาผลประโยชน์และสถานะของตนเอง

คำว่า “เดรัจฉานการเมืองไทย” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการเปรียบเปรยในเชิงดูหมิ่น แต่เป็นการใช้นัยยะเพื่ออธิบายถึงลักษณะของการเมืองที่ดำเนินไปในลักษณะ “สัญชาตญาณดิบ” หรือ การเมืองแบบเอาตัวรอด, การชิงไหวชิงพริบ, การขับเคี่ยวด้วยผลประโยชน์ระยะสั้น มากกว่าการเมืองที่ยึดหลักคุณธรรม หลักการ และผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวม

สภาพปัญหาการเมือง: ระหว่างความไม่ไว้วางใจและการต่อรอง

กรณีที่พรรคประชาชนภายใต้การนำของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ประกาศสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี แต่มีเงื่อนไข 5 ประการ ถือเป็นภาพสะท้อนของการเมืองแบบ “เงื่อนไขนิยม” (Conditional Politics) ซึ่งสะท้อนความไม่ไว้วางใจต่อกลไกรัฐบาลที่ผ่านมาทั้งหมด

การวางกรอบ เช่น

  • ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน

  • ต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

  • ต้องไม่พยายามสร้างรัฐบาลเสียงข้างมาก

  • พรรคประชาชนยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

เงื่อนไขเหล่านี้เป็นเสมือน เครื่องมือป้องกันไม่ให้ฝ่ายที่เข้ามามีอำนาจใช้ความได้เปรียบในเชิงโครงสร้างเพื่อสืบทอดอำนาจ แต่ในขณะเดียวกันก็ตอกย้ำว่า ระบบการเมืองไทยขาด “สัญญาประชาคม” ที่ทุกฝ่ายยึดมั่นร่วมกัน

การเมืองแบบเดรัจฉาน: การอยู่รอดเหนือหลักการ

สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ พรรคการเมืองต่างๆ ไม่ได้ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองในเชิงลึก แต่ต่างฝ่ายต่างใช้ “สัญชาตญาณเอาตัวรอด” คล้ายกับสัตว์ในธรรมชาติที่ต้องดิ้นรนอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

  1. การเมืองแบบธุรกรรม (Transactional Politics)
    – พรรคการเมืองเสนอเงื่อนไข แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ และสร้างพันธมิตรชั่วคราว
    – ลักษณะนี้ไม่ต่างจาก “การต่อรองอาหารในป่า” ที่แต่ละฝ่ายต่างต้องหาวิธีเอาตัวรอด

  2. การเมืองแบบไม่ไว้วางใจ (Politics of Distrust)
    – การยืนยันจะเป็นฝ่ายค้านของพรรคประชาชน แม้สนับสนุนให้ผู้อื่นเป็นนายกฯ สะท้อนว่า ทุกฝ่ายต่างระแวดระวังซึ่งกันและกัน เหมือนสัตว์ที่ไม่ยอมลดการป้องกันตัวแม้จะอยู่ในฝูงเดียวกัน

  3. การเมืองแบบความชอบธรรมที่สั่นคลอน
    – การที่รัฐบาลรักษาการเห็นว่าการยุบสภาเป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่าการเลือกนายกฯ คนใหม่ สะท้อนว่าความเข้าใจในกลไก “ความชอบธรรมของอำนาจ” ยังไม่มั่นคง เป็นเพียงการมองเชิงกลยุทธ์เฉพาะหน้า

ผลกระทบเชิงโครงสร้าง

สภาพการเมืองเช่นนี้ก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน ได้แก่

  • ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่น : การเมืองที่เต็มไปด้วยการต่อรองและเงื่อนไข แทบไม่เหลือพื้นที่ให้กับอุดมการณ์หรือประโยชน์สาธารณะ

  • รัฐธรรมนูญกลายเป็นเวทีต่อสู้ : การแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกใช้เป็น “เดิมพัน” ทางการเมือง มากกว่าการออกแบบเพื่ออนาคตประเทศ

  • วงจรอุบาทว์การเมืองไทย : การเมืองที่ยังคงวนเวียนอยู่กับการยุบสภา-เลือกตั้ง-เปลี่ยนนายกฯ โดยไม่สามารถพัฒนาไปสู่ความมั่นคงได้

บทสรุป

“สภาพเดรัจฉานการเมืองไทย” เป็นภาพสะท้อนของการเมืองที่เต็มไปด้วย การเอาตัวรอดแบบสัญชาตญาณ, การต่อรองผลประโยชน์เฉพาะหน้า, การขาดหลักคุณธรรมและสัญญาประชาคมร่วมกัน ปรากฏการณ์นี้อาจทำให้การเมืองไทยยังคงติดอยู่ในวงจรความไม่มั่นคงและความไม่ไว้วางใจต่อไป

หากต้องการก้าวพ้นสภาพนี้ การเมืองไทยจำเป็นต้องสร้าง ระบบความไว้วางใจ (Trust System) และ หลักการร่วม (Common Principles) ที่พรรคการเมืองทุกฝ่ายยึดมั่นร่วมกัน ไม่ว่าจะเปลี่ยนตัวผู้นำหรือเปลี่ยนรัฐบาลกี่ครั้งก็ตาม จึงจะสามารถยกระดับจาก “การเมืองเชิงเดรัจฉาน” สู่ “การเมืองเชิงอารยะ” ที่มุ่งเน้นประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...