บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ปัญหาและทางเลือกของคณะสงฆ์ไทย ผ่านมุมมองของ พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย ภาคีสมาชิกแห่งราชบัณฑิตยสภา โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากการบังคับใช้ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ซึ่งทำให้เกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า “ฆราวาสปกครองพระ” บทความเสนอแนวคิดเรื่องทางเลือกทั้ง 6 ทางของพระสังฆาธิการที่มักถูกมองว่าเป็นทางหนีปัญหา และเสนอ ทางเลือกที่ 7 คือ การพูดคุยปรับความเข้าใจกันอย่างใกล้ชิดหรือ “จับเข่าคุยกัน” เป็นแนวทางแก้ปัญหาที่แท้จริง
1. บริบทของปัญหาคณะสงฆ์ไทย
หลายทศวรรษที่ผ่านมา ปัญหาที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์ไทยมักเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมายและมติของมหาเถรสมาคม เช่น การทำบัญชีวัด การบริหารจัดการวัด และข้อบังคับต่าง ๆ ของรัฐ ปัญหาเหล่านี้ก่อให้เกิดความอึดอัดและความคับข้องใจต่อพระสังฆาธิการหลายระดับ
คำว่า “พุทธราชการ” หรือ “พุทธแบบไทย ๆ” มักถูกอ้างอิงเพื่ออธิบายโครงสร้างและระเบียบปฏิบัติที่ทำให้พระสังฆาธิการต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางกฎหมาย แต่ยังไม่มีความชัดเจนในนิยามของสองคำนี้ และเป็นประเด็นที่ควรศึกษาต่อเพื่อทำความเข้าใจสภาพปัญหาเชิงโครงสร้าง
2. ทางเลือก 6 ทางของพระสังฆาธิการ
จากบทวิเคราะห์ของ พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย พระสังฆาธิการในปัจจุบันมีทางเลือกที่มักถูกพูดถึง 6 ทาง ได้แก่
-
ปลีกตัวไปหาพุทธแบบดั้งเดิม
-
หนีพุทธไทยไปพัฒนาสถานธรรมส่วนตัว
-
ลาออกจากตำแหน่งเจ้าพนักงานของรัฐ
-
ฆ่าตัวตาย
-
สึกออกไปใช้ชีวิตแบบฆราวาส
-
ไปนับถือพุทธนิกายอื่น
ทั้ง 6 ทางเลือกนี้ถูกมองว่าเป็น ทางหนีปัญหา มากกว่าการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เนื่องจากไม่ได้แก้ไขสาเหตุของปัญหาที่เกิดจากการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของมหาเถรสมาคม
3. ทางเลือกที่ 7: “จับเข่าคุยกัน” (สัมมุขาวินัย)
พลเรือตรี ทองย้อยเสนอ ทางเลือกที่ 7 ว่าเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่แท้จริง คือ การพูดคุยปรับความเข้าใจกันอย่างใกล้ชิด (“จับเข่าคุยกัน”) โดยเฉพาะในลำดับจากเจ้าอาวาสระดับวัดไปจนถึงสมเด็จพระสังฆราช
แนวทางนี้มีหลักการสำคัญดังนี้
-
พูดปรับความเข้าใจกันอย่างใกล้ชิดจริง ๆ ไม่ใช่การส่งเอกสารหรือติดต่อทางโทรศัพท์
-
ต้องสม่ำเสมอและเป็นระบบ เช่น จากเจ้าอาวาส → เจ้าคณะตำบล → เจ้าคณะอำเภอ → เจ้าคณะจังหวัด → เจ้าคณะภาค → กรรมการมหาเถรสมาคม → สมเด็จพระสังฆราช
-
ศึกษาสาเหตุและกำแพงปัญหา ทำความเข้าใจว่าทำไมพระสังฆาธิการถึงไม่พูดคุยกัน และใครเป็นผู้ลงมือทลายกำแพงเหล่านั้น
แนวทางนี้สอดคล้องกับหลักธรรม อภิณฺหสนฺนิปาตา หรือการประชุมปรับความเข้าใจอย่างเนืองนิตย์ตามคัมภีร์โบราณ ซึ่งควรนำมาปรับใช้ในยุคปัจจุบัน
4. ข้อวิเคราะห์เชิงวิชาการ
-
ปัญหาเชิงโครงสร้าง: พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสาเหตุหลักของการที่ฆราวาสเข้ามาควบคุมคณะสงฆ์ ทำให้เกิดความขัดแย้งและความอึดอัด
-
การแก้ปัญหาทางเลือกเดิมไม่เพียงพอ: ทางเลือก 6 ทางล้วนเป็นวิธีหลีกเลี่ยงปัญหา ไม่สามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้
-
การสื่อสารและความเข้าใจร่วมกัน: การจับเข่าคุยกันเป็นวิธีสร้างความเข้าใจร่วมและหาทางออกที่เป็นระบบ สามารถลดความตึงเครียดและสร้างความเป็นเอกภาพ
-
การลงมือทำและความรับผิดชอบ: การเรียกร้องให้ยกเลิก พรบ. 2505 หรือแก้ไขสมณศักดิ์ ต้องมีกระบวนการชัดเจน ระบุขั้นตอนและผู้รับผิดชอบ จึงจะทำให้เกิดผลจริง
5. ข้อเสนอเชิงนโยบาย
-
ส่งเสริม การสื่อสารอย่างใกล้ชิด ระหว่างพระสังฆาธิการทุกระดับ
-
ประเมิน มาตราที่เป็นปัญหา ในพระราชบัญญัติ 2505 และพิจารณาการปรับแก้ให้ชัดเจน
-
จัดตั้ง กลไกติดตามผลการแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดการปฏิบัติจริง ไม่ใช่เพียงการเรียกร้อง
-
ส่งเสริม การศึกษาเรื่องอภิณฺหสนฺนิปาตาและประชุมเนืองนิตย์ เพื่อให้คณะสงฆ์สามารถปกครองตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. สรุป
มุมมองของ พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาคณะสงฆ์ไทยไม่ได้เกิดจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เกิดจากโครงสร้างกฎหมายและระเบียบที่ขาดการสื่อสารอย่างใกล้ชิด ทางเลือกที่ 7 หรือการจับเข่าคุยกันอย่างจริงจัง เป็นหนทางที่สามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและสร้างความเข้าใจร่วมได้ หากคณะสงฆ์สามารถนำแนวทางนี้ไปปฏิบัติ จะช่วยให้เกิดการปกครองตนเองและลดความขัดแย้งอย่างยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น