“ธรรมนัส “จับมือ หอการค้าฯ ผสานความร่วมมือฟอร์มทีมตั้งคณะ กรอ.กษ. พร้อมเตรียมดึงภาคีเอกชนเกี่ยวข้องเข้าร่วม มั่นใจร่วมขับเคลื่อนนโยบายเกษตรสำเร็จตามเป้า
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังร่วมหารือกับผู้บริหารของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำโดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมคณะ เพื่อหารือแนวทางการจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือภาครัฐและเอกชนด้านการเกษตร (กรอ.กษ.) ณ ห้องประชุม 134-135 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า นโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาล คือ สร้างรายได้ในภาคการเกษตร โดยใช้ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อให้เกษตรกรกินดี อยู่ดี มีรายได้ ผลักดันให้สินค้าเกษตรมีมูลค่าสูง ซึ่งแน่นอนว่าการทำให้นโยบายรัฐบาลและของกระทรวงเกษตรฯ ดังกล่าว ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนเป็นกำลังสำคัญ ในการผลักดันและต่อยอดภาคการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตร กระทรวงเกษตรฯ จึงได้เล็งเห็นความสำคัญ และเตรียมจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือภาครัฐและเอกชนด้านการเกษตร (กรอ.กษ.) ขึ้น โดยได้เชิญสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานแรกที่เข้ามาหารือและเข้าร่วมในคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าว เพื่อผลักดันและกำหนดแนวทางการพัฒนาความร่วมมือด้านการเกษตร ตลอดจนสนับสนุนนโยบายรัฐบาลให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้
“ที่ผ่านมาสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยนับเป็นหน่วยงานและกลไกสำคัญที่ร่วมผลักดันให้การส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการเติบโตของ GDP ภาคการเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทำให้ภาคการเกษตรมีความเข้มแข็ง โดยหลังจากนี้ ทางกระทรวงเกษตรฯ จะได้หารือร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป เพื่อจัดตั้งคณะ กรอ.กษ. ให้เสร็จสมบูรณ์และจะประชุมร่วมกันเดือนละครั้ง เพื่อร่วมกันผลักดันและสนับสนุนให้โครงการต่าง ๆ ขับเคลื่อนและต่อยอดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและเกิดประโยชน์ร่วมกันกับภาคเอกชนโดยเร็วต่อไป” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว
ขณะที่นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่าพร้อมร่วมขับเคลื่อนคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชนด้านเกษตรและอาหาร หรือ กรอ.กษ. กับทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพร้อมให้การสนับสนุนร่วมส่งเสริมการขับเคลื่อนนโยบาย ตลอดจนต่อยอดความร่วมมือด้านการเกษตรที่ดำเนินการร่วมกันในช่วงที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการยกระดับสินค้าเกษตร การเสริมศักยภาพเกษตรกร การส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนด้านอาหารการผลักดันเกษตรมูลค่าสูง และการอำนวยความสะดวกในการส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตร เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรให้ต่อเนื่อง และเกิดผลเป็นรูปธรรมร่วมกัน
นอกจากนี้ยังได้ขอให้กระทรวงเกษตรฯ พิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน หรือ กรอ.กษ. ซึ่งจะช่วยสร้างความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด รวมถึงยื่นข้อเสนอแนะเร่งด่วนของธุรกิจเกษตรและอาหาร ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เพื่อร่วมขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาผ่าน คณะกรรมการ กรอ.กษ โดยมีข้อเสนอใน 7 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย 1) การส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนด้านอาหาร (Food Safety and Food Security) 2) การรักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางทะเล 3) การสร้างความสมดุลภาคธุรกิจเกษตรและอาหาร 4) การส่งเสริมการสร้างเกษตรมูลค่าสูงผ่านการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ (Area-based) 5) การส่งเสริมธุรกิจอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต 6) การส่งเสริมธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และ 7) การส่งเสริมธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูป ซึ่งตั้งเป้าหมายภายใน 4 ปี เกษตรกรมีรายได้สุทธิต่อครัวเรือนไม่ต่ำกว่า 537,000 บาท/ครัวเรือนเมื่อสิ้นสุดตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) และ GDP ภาคเกษตรเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 4.5/ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น