เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๖ พระปราโมทย์ วาทโกวิโท, ดร. โค้ชสันติ วิทยากรต้นแบบสันติภาพ และผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เป็นวิทยากรกระบวนการพัฒนาเด็กเยาวชนรุ่นใหม่อายุ ๑๕ ปี ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม จังหวัดปทุมธานี จำนวนกว่า ๘๐๐ คน ซึ่งได้รับนิมนต์จาก พระมหาวริทธิ์ธร วรเวที, ดร. ผู้อำนวยการส่วนวางแผนและพัฒนาการอบรม สถาบันวิปัสสนาธุระ มจร ถือว่าเป็นความมือกันระหว่าง ส่วนวางแผนและพัฒนาการอบรม ที่สถาบันวิปัสสนาธุระ มจร กับ หลักสูตรสันติศึกษา มจร
ถือว่าเป็นโครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ โดยมีวัตถุประสงค์ ประกอบด้วย ๑)เพื่อให้ผู้เรียนได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา รู้ซึ้งถึงหลักธรรม และรู้จักปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่วัย ๒)เพื่อนำหลักธรรมไปพัฒนาตนเอง และสร้างสรรค์สังคมให้เจริญก้าวหน้าบนรากฐานที่มั่นคง ในการจัดโครงการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ค่ายคุณธรรมนักเรียน ม.๔ ได้กำหนดจัดในระหว่างวันที่ ๓ - ๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ รวม ๔ วัน ถือว่าเป็นโครงการที่ดีมาก ขออนุโมทนาบุญกับผู้บริหาร คณะครูในการพัฒนาเยาวชนทั้ง ๔ ด้านประกอบด้วย ด้านกายภาพ ด้านพฤติภาพ ด้านจิตตภาพ และด้านปัญญาภาพ
จึงมุ่งพัฒนาด้านสมองของเยาวชนรุ่นใหม่ สอดรับกับ Buddhism and Brain เป็นเรื่องราวเกี่ยวข้องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและสมอง ภายใต้การมีสมองที่มีคุณภาพและคุณธรรมคอยกำกับดูแล สมองมีส่วนสำคัญต่อการส่งผลต่อพฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์ Jim Fallon ซึ่งเป็นนักประสาทวิทยา กล่าวว่าปัจจัยที่เป็นต้นกำเนิดของอาชญากรมี ๓ ประการ ประกอบด้วย
๑) พันธุกรรม นักวิทยาศาสตร์ได้พบยีนชื่อว่า "Monoamine oxidase A"หรือเรียกย่อๆ ว่า MAOA ยีนตัวนี้จะส่งผลให้เราชื่นชอบความเสี่ยง ชอบการท้าทาย ชอบลองของ ชอบตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยความรุนแรง มีพฤติกรรมก้าวร้าวกว่าคนทั่วไป นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเรียกว่า "The Warrior Gene"หรือ"ยีนนักรบ"ซึ่งผู้ชายมียีนตัวนี้มากกว่าผู้หญิง เราจึงเห็นการแสดงความก้าวร้าวของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เพราะยีนนักรบส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ชาย
๒) สมอง สมองส่วนหน้าเป็นสมองในการตัดสินใจ การยับยั้งชั่งใจ การควบคุมอารมณ์ การใช้เหตุผล ซึ่งมนุษย์มีมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น งานวิจัยจากสถาบันทางสมองทั่วโลก ชี้ว่า สมองส่วนหน้าของอาชญากรมีขนาดเล็กกว่าคนทั่วไป นักประสาทวิทยาพบว่า สมองส่วนที่เป็นปัญหามากที่สุด คือ "สมองส่วนหน้าเหนือเบ้าตา:Orbitofrontal cortex หรือ OFC" ซึ่งมีหน้าที่หลักในการประมวลผลของเหตุการณ์และชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และโทษของการกระทำ คนที่สมองส่วน OFC มีประสิทธิภาพต่ำจะยับยั้งชั่งใจไม่เป็น ตัดสินใจบนพื้นฐานของอารมณ์ นึกถึงความสุขชั่วครู่มากกว่าความสุขในระยะยาวหรือพูดง่ายๆ คนเหล่านี้ไม่มี " สติ " ที่จะช่วยยับยั้งชั่งใจ สมองส่วนหน้าจึงมีความเกี่ยวข้องกับสติมากที่สุด ซึ่งนักจิตวิทยาพบว่าบรรดาโยคี พระจากทิเบต ผู้ฝึกสมาธิเป็นเวลานานๆจะมีเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนนี้มากกว่าคนปกติ เราจึงสามารถฝึกสมองส่วนหน้าให้มีพลัง ด้วย"การฝึกสมาธิ เจริญสติ วิปัสสนากรรมฐาน"
๓) ประสบการณ์ที่เจ็บปวดในอดีต ฐานข้อมูลจากองค์กรระดับโลกอย่างเอฟบีไอ (FBI) พบว่า อาชญากรและฆาตกรทุกคนมีประวัติแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทุกคนมีเหมือนกันคือ "ประสบการณ์ในวัยเด็กที่เจ็บปวดรวดร้าว" เช่น ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ถูกพี่เลี้ยงกระทำชำเรา ถูกคนใกล้ชิดข่มขืน ถูกเพื่อนรุมแกล้งอย่างรุนแรง หรือขาดความรัก ส่งผลให้เป็นบุคคลเก็บกดบีบคั้น ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงตามมาเพื่อเป็นระบายหรือให้ใครสักคนหรือกลุ่มคนชดใช้กับสิ่งที่เขาได้รับมาในอดีต เป็นการปลดปล่อยในทางลบ มีคำกล่าวว่า"ในโลกนี้ไม่มีคนเลว มีแต่คนที่ตัดสินใจทำความเลว"
สมองส่วนหน้าจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นสมองที่เกี่ยวข้องกับสติตามแนวทางพระพุทธศาสนา สามารถพัฒนาสมองส่วนหน้าได้ด้วยการ"ฝึกจิต เจริญสติ วิปัสสนากรรมฐาน" เพื่อการรู้จักยับยั้งชั่งใจในการดำเนินชีวิตให้เกิดสันติสุข ทุกอาชีพจึงควรพัฒนาสมองส่วนหน้าเพื่อเป็นบุคคลแห่งสันติภาพ การพัฒนาเยาวชนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเรียนรู้ผ่านกิจกรรมอย่างมีความสุข
จึงขออนุโมทนาขอบคุณท่านพระมหาวริทธิ์ธร วรเวที, ดร. ผู้อำนวยการส่วนวางแผนและพัฒนาการอบรม สถาบันวิปัสสนาธุระ มจร ในการมีวิสัยทัศน์พยายามนำภาคส่วนเครือข่ายมาร่วมพลังเยาวชน รวมถึงอนาคตจะมีการพัฒนาพระวิทยากรของส่วนวางแผนและพัฒนาการอบรม มจร ด้วย รวมถึงออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรมให้ตอบโจทย์สังคมต่อไปเพื่อการบริการสังคมให้เกิดสันติสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น