1. บทคัดย่อ
ปัญหาการถือครองทรัพย์สินเกินจำเป็นของพระภิกษุทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันสงฆ์ บทความนี้เสนอโมเดล “ธนาคารพุทธบริษัท” ซึ่งแยกการบริหารเงินออกจากพระภิกษุโดยสิ้นเชิง แต่ยังคงหลักสมถะตามพระธรรมวินัย (พระวินัยปิฎก มหาวรรค 1.26–1.29) แนวคิดยืมกลไกจากระบบยื่นบัญชีทรัพย์สินและการกำกับดูแลผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมือง (พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561) มาปรับใช้ พร้อมเสนอเพดานรับถวายครั้งละไม่เกิน 3 000 บาท เพื่อปิดช่องว่างการสะสมทรัพย์และลดแรงจูงใจเชิงพาณิชย์ในกิจกรรมศาสนา
2. บทนำ
ประเทศไทยมีผู้ถวายทรัพย์สินแก่พระสงฆ์ปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่ขาดกลไกตรวจสอบแบบสาธารณะ งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าปัญหาทางธรรมวินัยมักเริ่มจากการจัดการเงินที่ไม่โปร่งใส (เช่น สักการะ 2567; ไตรภาคี 2566) จึงเกิดแนวคิด “ธนาคารพุทธบริษัท (Buddhist Corporate Bank: BCB)” โดยให้คฤหัสถ์เป็นผู้ถือและบริหารทรัพย์แทนพระรูปใดรูปหนึ่ง
3. กรอบแนวคิด
| ประเด็น | พระธรรมวินัย | ระบบทรัพย์สินนักการเมือง | การประยุกต์กับ BCB |
|---|---|---|---|
| การไม่สะสมทรัพย์ | ภิกษุรับเงินโดยตรงไม่ได้ (นิทานกฐิน) | ห้ามรับของขวัญ > 3 000 บ. (ประกาศ ป.ป.ช.) | กำหนดเพดาน 3 000 บ./ครั้ง แล้วเข้าบัญชีรวม |
| ความโปร่งใส | ให้วางอุโบสถิกสิขาบท (ทรัพย์ส่วนกลางวัด) | ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินภายใน 30 วันหลังเข้ารับตำแหน่ง | BCB เปิดงบฯ รายเดือนบนเว็บไซต์ “Open Sangha Data” |
| การตรวจสอบ | สังฆสามัคคีว่าด้วยอธิกรณ์ | ป.ป.ช., สื่อมวลชน | คณะกรรมการตรวจสอบอิสระ 9 คน (คฤหัสถ์ 7 สงฆ์ 2) |
4. รูปแบบองค์กร “ธนาคารพุทธบริษัท”
-
สถานะนิติบุคคลไม่แสวงกำไร ภายใต้ ร่าง พ.ร.บ.การบริหารทรัพย์สินศาสนทายาท พ.ศ. …
-
คณะกรรมการ BCB
-
ประธาน (เลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินที่นับถือพุทธ)
-
กรรมการสงฆ์ 2 รูป (ไม่ดำรงตำแหน่งบริหาร)
-
กรรมการคฤหัสถ์ 6 คน (ตัวแทนชุมชน–ผู้ตรวจสอบบัญชี–นักกฎหมาย)
-
-
แหล่งเงิน
-
เงินและทรัพย์สินถวายพระ/วัดทุกประเภทเกิน 3 000 บ.
-
ดอกผลจากเงินกองกลาง (ลงทุนเฉพาะตราสารเสี่ยงต่ำ—พันธบัตรรัฐบาล พุธบอนด์)
-
-
กลไกเบิกจ่าย
-
พระสงฆ์เบิกได้เฉพาะ 4 ปัจจัย ตามมาตรฐานกรมการศาสนา
-
ค่าครองชีพส่วนบุคคลต่อรูป ≤ 7 500 บ./เดือน (เทียบค่าเฉลี่ยครองชีพต่ำสุด ก.พ. 2568)
-
รายการเบิกอื่นต้องมีมติ 2⁄3 ของคณะกรรมการ
-
5. ขั้นตอนดำเนินการ
| ลำดับ | กิจกรรม | ระยะเวลา (เดือน) |
|---|---|---|
| 1 | ร่าง พ.ร.บ.การบริหารทรัพย์สินศาสนทายาท | 0–6 |
| 2 | จัดตั้งสำนักงานชั่วคราว + ระบบบัญชีดิจิทัล (Blockchain permissioned) | 4–12 |
| 3 | นำร่องในวัดราชการระดับ “พระอารามหลวง” 5 แห่ง | 12–24 |
| 4 | ประเมินผล (ตัวชี้วัด: ดัชนีศรัทธา, ความโปร่งใส, คดีวินัย) | 24–30 |
| 5 | ขยายสู่ระดับจังหวัด + เครือข่ายวัดชุมชน | 30+ |
6. ประเด็นทางกฎหมายและจริยธรรม
-
การกำหนดเพดาน 3 000 บาท สอดคล้องหลัก ไม่ให้เกิด “ความผูกใจ” ระหว่างผู้ให้-ผู้รับ (สังคหวัตถุ) และเลี่ยงข้อห้ามของ ป.ป.ช.
-
การริบทรัพย์เมื่อผิดวินัยร้ายแรง ต้องอาศัยอำนาจศาลยุติธรรมคู่ขนานกับศาลสงฆ์ เพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชนผู้ถวาย
-
สิทธิความเป็นส่วนตัวพระสงฆ์ เปิดเผยเฉพาะยอดรวม – ไม่แสดงบัญชีรายจ่ายส่วนบุคคลเว้นกรณีจำเป็นตามกฎหมาย
7. ผลประโยชน์ที่คาดหวัง
-
ศรัทธาเพิ่ม เพราะเห็นข้อมูลการเงินแบบเรียลไทม์
-
ลดคดีสงฆ์ จากการสะสมทรัพย์หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
-
ระบบ Welfare ภายในคณะสงฆ์ สามารถสร้าง “กองทุนสังคมสงเคราะห์พระภิกษุอาพาธ” โดยไม่ต้องพึ่งเงินบริจาคเฉพาะกิจ
8. อุปสรรคและข้อเสนอแนะ
| ประเด็นท้าทาย | ข้อเสนอ |
|---|---|
| ความต้านทานภายในวัด | จัดเวที “สังฆเสวนา” ร่วมกับมหาเถรสมาคมและภาคประชาสังคม |
| ปัญหากฎหมายภาษี | เสนอแก้ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ มาตรา 47(7) ยกเว้นภาษีดอกผลที่นำกลับเพื่อสาธารณะ |
| ต้นทุนเทคโนโลยี | ใช้แพลตฟอร์ม GovTech ของคลัง + Sandbox สกสว. |
9. สรุป
“ธนาคารพุทธบริษัท” เป็นโมเดลจัดการทรัพย์สงฆ์เชิงระบบที่ผสานพระธรรมวินัยกับหลักธรรมาภิบาลสมัยใหม่ การกำหนดเพดานรับทรัพย์ 3 000 บาท + บัญชีรวมที่ตรวจสอบได้ จะลดความเสี่ยงด้านผลประโยชน์ทับซ้อนและรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันสงฆ์ บทความแนะนำให้รัฐร่วมมือกับมหาเถรสมาคมและภาคประชาสังคม ผลักดันกฎหมายต้นแบบและนำร่องก่อนขยายสู่ระดับประเทศ เพื่อให้พระพุทธศาสนาไทยก้าวสู่ศตวรรษใหม่อย่างโปร่งใส ยั่งยืน และสอดคล้องเจตนารมณ์ของพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น