วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

แนวทางการจัดตั้ง ‘ธนาคารพุทธบริษัท’ เพื่อแยกเงินออกจากพระสงฆ์ให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัย: การประยุกต์แนวคิดการจัดการทรัพย์สินของข้าราชการการเมืองไทย

 


1. บทคัดย่อ

ปัญหาการถือครองทรัพย์สินเกินจำเป็นของพระภิกษุทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันสงฆ์ บทความนี้เสนอโมเดล “ธนาคารพุทธบริษัท” ซึ่งแยกการบริหารเงินออกจากพระภิกษุโดยสิ้นเชิง แต่ยังคงหลักสมถะตามพระธรรมวินัย (พระวินัยปิฎก มหาวรรค 1.26–1.29) แนวคิดยืมกลไกจากระบบยื่นบัญชีทรัพย์สินและการกำกับดูแลผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมือง (พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561) มาปรับใช้ พร้อมเสนอเพดานรับถวายครั้งละไม่เกิน 3 000 บาท เพื่อปิดช่องว่างการสะสมทรัพย์และลดแรงจูงใจเชิงพาณิชย์ในกิจกรรมศาสนา


2. บทนำ

ประเทศไทยมีผู้ถวายทรัพย์สินแก่พระสงฆ์ปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่ขาดกลไกตรวจสอบแบบสาธารณะ งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าปัญหาทางธรรมวินัยมักเริ่มจากการจัดการเงินที่ไม่โปร่งใส (เช่น สักการะ 2567; ไตรภาคี 2566) จึงเกิดแนวคิด “ธนาคารพุทธบริษัท (Buddhist Corporate Bank: BCB)” โดยให้คฤหัสถ์เป็นผู้ถือและบริหารทรัพย์แทนพระรูปใดรูปหนึ่ง


3. กรอบแนวคิด

ประเด็นพระธรรมวินัยระบบทรัพย์สินนักการเมืองการประยุกต์กับ BCB
การไม่สะสมทรัพย์ภิกษุรับเงินโดยตรงไม่ได้ (นิทานกฐิน)ห้ามรับของขวัญ > 3 000 บ. (ประกาศ ป.ป.ช.)กำหนดเพดาน 3 000 บ./ครั้ง แล้วเข้าบัญชีรวม
ความโปร่งใสให้วางอุโบสถิกสิขาบท (ทรัพย์ส่วนกลางวัด)ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินภายใน 30 วันหลังเข้ารับตำแหน่งBCB เปิดงบฯ รายเดือนบนเว็บไซต์ “Open Sangha Data”
การตรวจสอบสังฆสามัคคีว่าด้วยอธิกรณ์ป.ป.ช., สื่อมวลชนคณะกรรมการตรวจสอบอิสระ 9 คน (คฤหัสถ์ 7 สงฆ์ 2)

4. รูปแบบองค์กร “ธนาคารพุทธบริษัท”

  1. สถานะนิติบุคคลไม่แสวงกำไร ภายใต้ ร่าง พ.ร.บ.การบริหารทรัพย์สินศาสนทายาท พ.ศ. …

  2. คณะกรรมการ BCB

    • ประธาน (เลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินที่นับถือพุทธ)

    • กรรมการสงฆ์ 2 รูป (ไม่ดำรงตำแหน่งบริหาร)

    • กรรมการคฤหัสถ์ 6 คน (ตัวแทนชุมชน–ผู้ตรวจสอบบัญชี–นักกฎหมาย)

  3. แหล่งเงิน

    • เงินและทรัพย์สินถวายพระ/วัดทุกประเภทเกิน 3 000 บ.

    • ดอกผลจากเงินกองกลาง (ลงทุนเฉพาะตราสารเสี่ยงต่ำ—พันธบัตรรัฐบาล พุธบอนด์)

  4. กลไกเบิกจ่าย

    • พระสงฆ์เบิกได้เฉพาะ 4 ปัจจัย ตามมาตรฐานกรมการศาสนา

    • ค่าครองชีพส่วนบุคคลต่อรูป ≤ 7 500 บ./เดือน (เทียบค่าเฉลี่ยครองชีพต่ำสุด ก.พ. 2568)

    • รายการเบิกอื่นต้องมีมติ 2⁄3 ของคณะกรรมการ


5. ขั้นตอนดำเนินการ

ลำดับกิจกรรมระยะเวลา (เดือน)
1ร่าง พ.ร.บ.การบริหารทรัพย์สินศาสนทายาท0–6
2จัดตั้งสำนักงานชั่วคราว + ระบบบัญชีดิจิทัล (Blockchain permissioned)4–12
3นำร่องในวัดราชการระดับ “พระอารามหลวง” 5 แห่ง12–24
4ประเมินผล (ตัวชี้วัด: ดัชนีศรัทธา, ความโปร่งใส, คดีวินัย)24–30
5ขยายสู่ระดับจังหวัด + เครือข่ายวัดชุมชน30+

6. ประเด็นทางกฎหมายและจริยธรรม

  • การกำหนดเพดาน 3 000 บาท สอดคล้องหลัก ไม่ให้เกิด “ความผูกใจ” ระหว่างผู้ให้-ผู้รับ (สังคหวัตถุ) และเลี่ยงข้อห้ามของ ป.ป.ช.

  • การริบทรัพย์เมื่อผิดวินัยร้ายแรง ต้องอาศัยอำนาจศาลยุติธรรมคู่ขนานกับศาลสงฆ์ เพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชนผู้ถวาย

  • สิทธิความเป็นส่วนตัวพระสงฆ์ เปิดเผยเฉพาะยอดรวม – ไม่แสดงบัญชีรายจ่ายส่วนบุคคลเว้นกรณีจำเป็นตามกฎหมาย


7. ผลประโยชน์ที่คาดหวัง

  1. ศรัทธาเพิ่ม เพราะเห็นข้อมูลการเงินแบบเรียลไทม์

  2. ลดคดีสงฆ์ จากการสะสมทรัพย์หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

  3. ระบบ Welfare ภายในคณะสงฆ์ สามารถสร้าง “กองทุนสังคมสงเคราะห์พระภิกษุอาพาธ” โดยไม่ต้องพึ่งเงินบริจาคเฉพาะกิจ


8. อุปสรรคและข้อเสนอแนะ

ประเด็นท้าทายข้อเสนอ
ความต้านทานภายในวัดจัดเวที “สังฆเสวนา” ร่วมกับมหาเถรสมาคมและภาคประชาสังคม
ปัญหากฎหมายภาษีเสนอแก้ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ มาตรา 47(7) ยกเว้นภาษีดอกผลที่นำกลับเพื่อสาธารณะ
ต้นทุนเทคโนโลยีใช้แพลตฟอร์ม GovTech ของคลัง + Sandbox สกสว.

9. สรุป

“ธนาคารพุทธบริษัท” เป็นโมเดลจัดการทรัพย์สงฆ์เชิงระบบที่ผสานพระธรรมวินัยกับหลักธรรมาภิบาลสมัยใหม่ การกำหนดเพดานรับทรัพย์ 3 000 บาท + บัญชีรวมที่ตรวจสอบได้ จะลดความเสี่ยงด้านผลประโยชน์ทับซ้อนและรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันสงฆ์ บทความแนะนำให้รัฐร่วมมือกับมหาเถรสมาคมและภาคประชาสังคม ผลักดันกฎหมายต้นแบบและนำร่องก่อนขยายสู่ระดับประเทศ เพื่อให้พระพุทธศาสนาไทยก้าวสู่ศตวรรษใหม่อย่างโปร่งใส ยั่งยืน และสอดคล้องเจตนารมณ์ของพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พุทธการทูต และ Soft Power ของ ดร.นิยม เวชกามา

วิเคราะห์บทบาทด้านต่างประเทศของดร.นิยม เวชกามา: พุทธนาวาแห่งการทูตและยุทธศาสตร์ Soft Power ในศตวรรษที่ 21 บทคัดย่อ รายงานการวิจัยฉบับนี้มุ่ง...