ดร.สำราญ สมพงษ์ นักข่าวอาวุโสและนักวิชาการด้านพุทธสื่อสารมวลชน (AI) ให้ความเห็นถึงแนวทางการพัฒนา “อาหารแห่งศรัทธา” ที่ริเริ่มโดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ว่า เป็นตัวอย่างนโยบายเชิงวัฒนธรรมที่มีศักยภาพในการผลักดันสู่ “ซอฟต์พาวเวอร์” ด้านอาหารและพุทธวิถีของไทยในอนาคต
โดยงาน “บุญแห่งทาน อาหารแห่งศรัทธา” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ณ วัดโมลีโลกยาราม กรุงเทพฯ ได้สะท้อนการบูรณาการระหว่าง “ศรัทธา–สุขภาพ–วัฒนธรรม” ผ่านกิจกรรมส่งเสริมสุขภาวะพระสงฆ์ ทั้งในด้านองค์ความรู้ การสาธิตอาหารสุขภาพ และการสร้างการรับรู้เรื่องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน
ดร.สำราญชี้ว่า การจัดทำคู่มือ อาหารสุขภาพพระสงฆ์ 96 รายการ และการสาธิตเมนูต้นแบบ เช่น ต้มไก่บ้านใบมะขามอ่อน ลาบหมู ผัดผักสี่สหาย และน้ำพริกอ่อง นั้นไม่ได้เป็นเพียงการดูแลสุขภาพพระสงฆ์เท่านั้น แต่ยังแฝงด้วยเรื่องราวทางศรัทธา วิถีทาน และสมุนไพรพื้นบ้าน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่สื่อสารอัตลักษณ์ไทยได้อย่างน่าสนใจ
“อาหารแห่งศรัทธา คือวัฒนธรรมที่จับต้องได้ และเล่าเรื่องความเป็นไทยได้อย่างมีพลัง หากผลักดันอย่างเป็นระบบ จะกลายเป็น soft power ที่ผสานสุขภาวะกับพุทธวิถีอย่างกลมกลืน” ดร.สำราญ กล่าว
เขายังเสนอแนวทางนโยบายเพื่อพัฒนาศักยภาพของ “อาหารแห่งศรัทธา” สู่ระดับสากล เช่น
-
การแปลองค์ความรู้และเมนูเป็นภาษาต่างประเทศ
-
การจัดเทศกาลอาหารศรัทธาเชิงวัฒนธรรม
-
การออกแบบหลักสูตรอาหารสุขภาพเชิงพุทธ
-
การเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ
-
และการขยายต้นแบบลงสู่ชุมชนท้องถิ่นและจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ
ทั้งนี้ ดร.สำราญย้ำว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กระทรวงวัฒนธรรม สาธารณสุข การท่องเที่ยว และภาคชุมชนอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถยกระดับ “อาหารแห่งศรัทธา” ให้เป็นจุดแข็งทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน และเผยแพร่ภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลกได้อย่างสง่างาม
“อาหารไทยเคยไปไกลถึงมิชลินสตาร์ วันนี้อาหารพระ...อาจไปไกลในฐานะอาหารแห่งจิตวิญญาณที่สร้างสุขภาพและศรัทธาไปพร้อมกัน” – ดร.สำราญ สมพงษ์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม
เว็บไซต์: https://e-book.dra.go.th
แนวทางการพัฒนา “อาหารแห่งศรัทธา” ดันสู่ซอฟต์พาวเวอร์
บทคัดย่อ
บทความนี้มุ่งวิเคราะห์แนวทางการพัฒนา “อาหารแห่งศรัทธา” ซึ่งริเริ่มโดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ผ่านกิจกรรมส่งเสริมสุขภาวะพระสงฆ์ ภายใต้แนวคิดการผสานศรัทธา วิถีพุทธ และสุขภาพเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะการส่งเสริม “อาหารสุขภาพสำหรับพระสงฆ์” ทั้งในรูปแบบองค์ความรู้ หนังสือสาธิต และกิจกรรมลงพื้นที่ งานนี้จึงเป็นกรณีศึกษาสำคัญที่สามารถต่อยอดสู่ “ซอฟต์พาวเวอร์” ด้านอาหารและวัฒนธรรมไทยในมิติเชิงพุทธได้ในอนาคต ทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม
บทนำ
แนวคิด “ซอฟต์พาวเวอร์” (Soft Power) หรืออำนาจละมุน เป็นแนวทางการขับเคลื่อนประเทศผ่านวัฒนธรรม วิถีชีวิต ศิลปะ และความเชื่อ เพื่อสร้างภาพลักษณ์และอิทธิพลในเวทีโลกโดยไม่ใช้กำลังหรือบังคับ “อาหาร” คือหนึ่งในสื่อกลางสำคัญที่หลายประเทศพัฒนาอย่างเป็นระบบ เช่น ญี่ปุ่นกับซูชิ เกาหลีใต้กับคิมบับ หรือเวียดนามกับเฝอ
สำหรับประเทศไทย อาหารไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ แต่การผลักดันให้เกิดการรับรู้อย่างลึกซึ้งผ่านรากวัฒนธรรม โดยเฉพาะมิติทางศาสนา ยังมีโอกาสอีกมาก ในปี 2568 กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดงาน “บุญแห่งทาน อาหารแห่งศรัทธา” ซึ่งนอกจากจะมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมสุขภาวะพระสงฆ์แล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการออกแบบกิจกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างอาหาร วิถีพุทธ และสุขภาพอย่างมีนัยยะสำคัญ
วิเคราะห์มิติ “อาหารแห่งศรัทธา”
1. มิติสุขภาพและสาธารณประโยชน์
ข้อมูลจากโรงพยาบาลสงฆ์ระบุว่าพระสงฆ์จำนวนมากประสบปัญหาโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด เบาหวาน ฯลฯ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล กรมการศาสนาเล็งเห็นปัญหานี้ จึงจัดทำคู่มือ “อาหารสุขภาพพระสงฆ์” จำนวน 96 เมนู ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข และจัดกิจกรรมสาธิตการทำอาหาร เช่น ต้มไก่บ้านใบมะขามอ่อน ลาบหมู ผัดผักสี่สหาย และน้ำพริกอ่อง ซึ่งล้วนเน้นคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะกับร่างกายของพระสงฆ์
2. มิติพุทธวัฒนธรรม
ในทางพระพุทธศาสนา “ทาน” ถือเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ อาหารที่ถวายพระจึงไม่ใช่เพียงการบริโภค แต่เป็นการแสดงออกของศรัทธา งาน “บุญแห่งทาน อาหารแห่งศรัทธา” ได้เชื่อมโยงคุณค่าของทานเข้ากับหลักสุขภาวะอย่างงดงาม พร้อมส่งเสริมให้พระสงฆ์เป็นผู้นำในการดูแลสุขภาพของตนเอง และสังคมรอบข้าง สอดรับกับ ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ ที่ขับเคลื่อนโดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์
3. มิติซอฟต์พาวเวอร์: โอกาสเชิงนโยบาย
“อาหารแห่งศรัทธา” คือรูปธรรมของวัฒนธรรมพุทธที่จับต้องได้ เป็นการสื่อสารวิถีไทยผ่านเมนูสุขภาพที่มีเรื่องราวของความเชื่อ ศรัทธา และความเป็นไทยแฝงอยู่ หากได้รับการพัฒนาในระดับนโยบาย อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม (Cultural Product) ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และขยายอิทธิพลเชิงวัฒนธรรมไทยในระดับโลกได้ ตัวอย่างเช่น:
-
พัฒนาแบรนด์ “อาหารสุขภาพพระสงฆ์” สู่ระดับท้องถิ่น-ประเทศ
-
จัดหลักสูตร “การประกอบอาหารสุขภาพพุทธวิถี” สำหรับเชฟหรือผู้สนใจ
-
จัดนิทรรศการ/เทศกาลอาหารศรัทธา ร่วมกับวัดหรือชุมชน
-
เชื่อมโยงกับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ (Spiritual Tourism)
ข้อเสนอเชิงนโยบาย
-
ยกระดับชุดองค์ความรู้ ให้มีการแปลเป็นภาษาต่างประเทศ และจัดทำเป็นสื่อออนไลน์เพื่อเผยแพร่สู่สากล
-
บูรณาการกับกระทรวงอื่น เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขยายผลอย่างต่อเนื่อง
-
สร้างแพลตฟอร์มชุมชน ให้วัดหรือผู้ประกอบการชุมชนสามารถเรียนรู้และใช้ต้นแบบเมนูจากหนังสือ 96 รายการ
-
ขยายกิจกรรมสาธิตในภูมิภาค โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หรืออยุธยา
สรุป
“อาหารแห่งศรัทธา” ไม่ใช่เพียงกิจกรรมเพื่อสุขภาพพระสงฆ์ แต่เป็นการออกแบบนโยบายวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงสุขภาพ วิถีไทย และพุทธศาสนาเข้าด้วยกันอย่างทรงพลัง หากพัฒนาต่ออย่างเป็นระบบ สามารถผลักดันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารและจิตวิญญาณของไทยได้ในระยะยาว



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น