เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ดร.สำราญ สมพงษ์ นักข่าวอาวุโสและนักวิชาการด้านพุทธสื่อสารมวลชน ได้แสดงความเห็นเชิงวิชาการต่อกรณี “วิกฤตสีกากอล์ฟ” ว่า เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในวงการคณะสงฆ์ ทั้งด้านวินัย การบริหาร และการสื่อสารกับสังคมในโลกยุคใหม่ พร้อมเสนอให้ “แพลตฟอร์มดิจิทัล” เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนพระพุทธศาสนา เพื่อฟื้นฟูศรัทธาและเสริมภูมิคุ้มกันต่อวาทกรรมลบที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของศาสนา
ดร.สำราญกล่าวว่า เหตุการณ์พระภิกษุมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับสีกา ซึ่งถูกเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์อย่างกว้างขวาง ได้สร้างแรงกระแทกต่อศรัทธาของประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เสพสื่อผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เกิดคำถามต่อบทบาทของมหาเถรสมาคมและกลไกควบคุมภายในคณะสงฆ์ ซึ่งในมุมของการสื่อสารทางศาสนา ถือเป็น “วิกฤตความน่าเชื่อถือ” ที่ต้องเร่งเยียวยา
ท่ามกลางวิกฤตนี้ ดิจิทัลมิได้เป็นเพียงเครื่องมือที่แพร่กระจายข่าวลบ แต่ยังเปิดโอกาสให้พระพุทธศาสนา “สื่อสารกลับ” ด้วยรูปแบบใหม่ที่เข้าถึงง่าย เช่น การเทศน์ผ่าน YouTube, TikTok, Podcast, Facebook Live ไปจนถึงแอปพลิเคชันธรรมะสำหรับการเจริญสติและศึกษาพระไตรปิฎก ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งเยาวชน พระสงฆ์ และชาวพุทธทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการนี้ ดร.สำราญเสนอแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล อาทิ การผลิตคอนเทนต์ธรรมะที่ทันสมัยแต่ไม่บิดเบือนหลักธรรม, การเปิดเผยข้อมูลองค์กรสงฆ์อย่างโปร่งใส, การสร้างพื้นที่เสวนาธรรมะออนไลน์ และการพัฒนาพระสงฆ์ให้เป็นนักสื่อสารยุคใหม่ พร้อมแนะให้มีความร่วมมือกับแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก เช่น Meta และ YouTube เพื่อควบคุมข่าวปลอมเกี่ยวกับศาสนา
นอกจากนี้ ยังเสนอข้อแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ การสนับสนุนจากภาครัฐในด้านงบประมาณและการวิจัย, การตั้งหน่วยงานธรรมะดิจิทัลภายใต้มหาเถรสมาคม, การบูรณาการเนื้อหาพระพุทธศาสนากับทักษะดิจิทัลในหลักสูตรการศึกษาของพระภิกษุ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการตรวจสอบและสร้างสรรค์เนื้อหาธรรมะร่วมกัน
ท้ายที่สุด ดร.สำราญย้ำว่า “เทคโนโลยีดิจิทัล” ไม่ใช่เพียงเครื่องมือทางเลือกอีกต่อไป แต่คือ “ความจำเป็น” สำหรับพระพุทธศาสนาไทย หากยังต้องการธำรงอยู่ในใจของพุทธศาสนิกชนอย่างมั่นคงและยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว.
บทความทางวิชาการ
เรื่อง: การขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการฝ่าวิกฤตสีกากอล์ฟ
บทคัดย่อ
บทความนี้มุ่งวิเคราะห์แนวทางการขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาในบริบทปัจจุบันที่เผชิญกับวิกฤตความเสื่อมศรัทธาอันเกิดจากกรณี “สีกากอล์ฟ” ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในวงการคณะสงฆ์ การรับรู้ของสังคม และการสื่อสารทางศาสนาในยุคดิจิทัล ผู้เขียนเสนอว่าการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูความศรัทธา ถ่ายทอดคำสอนที่ถูกต้อง และสร้างความโปร่งใสในองค์กรสงฆ์ อันจะนำไปสู่การฟื้นฟูศรัทธาและสร้างภูมิคุ้มกันต่อวาทกรรมเชิงลบต่อพระพุทธศาสนาในอนาคต
1. บทนำ
เหตุการณ์ “วิกฤตสีกากอล์ฟ” ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สังคมหันมาถกเถียงถึงความเสื่อมของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะความประพฤติของพระภิกษุที่ขัดต่อพระธรรมวินัย ท่ามกลางยุคสื่อสารไร้พรมแดนที่ข้อมูลแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว การขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาให้คงคุณค่าทางจิตวิญญาณและมีความน่าเชื่อถือในสังคมจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการฝ่าวิกฤตครั้งนี้
2. วิกฤต “สีกากอล์ฟ” กับความเชื่อมั่นทางศาสนา
เหตุการณ์ที่พระภิกษุมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับสีกา ถูกสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียขยายผลอย่างกว้างขวาง ก่อให้เกิดความสั่นคลอนทางศรัทธา โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนและคนเมืองที่รับสื่อออนไลน์เป็นหลัก นอกจากนี้ยังเกิดวาทกรรมเสียดสี ตีตรา และตั้งคำถามต่อโครงสร้างการบริหารของคณะสงฆ์ เช่น การกำกับดูแลวินัยสงฆ์ การสื่อสารของมหาเถรสมาคม รวมถึงการมีส่วนร่วมของสังคมในการตรวจสอบ
3. โอกาสจากเทคโนโลยีดิจิทัล
แม้ดิจิทัลจะมีส่วนทำให้วิกฤตลุกลาม แต่ก็เปิดโอกาสให้พระพุทธศาสนา “สื่อสารกลับ” ด้วยรูปแบบที่เข้าถึงง่ายและหลากหลาย อาทิ
-
แพลตฟอร์ม YouTube และ TikTok: สำหรับเทศนาธรรมแบบสั้น กระชับ ทันสมัย
-
Podcast และ Live Stream: ใช้ถ่ายทอดกิจกรรมและธรรมบรรยายจากวัดต่าง ๆ
-
Facebook, Line, Instagram: สื่อสารประกาศจากคณะสงฆ์ หรือเผยแพร่ข่าวสารเชิงบวก
-
Application ธรรมะ: เช่น แอปพลิเคชันสำหรับการเจริญสติ สมาธิ และอ่านพระไตรปิฎก
การใช้สื่อเหล่านี้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ทั้งพระสงฆ์ เยาวชน ผู้ปกครอง และผู้สนใจธรรมะทั่วโลก
4. กลยุทธ์การขับเคลื่อนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
การฝ่าวิกฤตต้องอาศัยกลยุทธ์เชิงรุก ได้แก่
-
สร้างคอนเทนต์ธรรมะคุณภาพสูง โดยใช้ภาษาทันสมัยแต่ไม่บิดเบือนสาระ
-
เพิ่มความโปร่งใสขององค์กรสงฆ์ ด้วยการเปิดเผยข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์
-
เปิดพื้นที่สนทนาเชิงธรรมะ เพื่อให้ประชาชนได้แลกเปลี่ยนความคิด
-
เสริมสร้างพระสงฆ์นักสื่อสาร ผ่านการฝึกอบรมด้านดิจิทัลมีเดีย
-
พัฒนาความร่วมมือกับแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น Meta, YouTube, LINE เพื่อจัดการข้อมูลผิดพลาดและสร้างระบบแจ้งข่าวเท็จเกี่ยวกับศาสนา
5. ข้อเสนอเชิงนโยบาย
-
ภาครัฐ ควรสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มธรรมะอย่างเป็นระบบ มีงบประมาณและการวิจัยรองรับ
-
มหาเถรสมาคม ควรมีหน่วยงานด้าน “ธรรมะดิจิทัล” เพื่อกำกับมาตรฐานและยุทธศาสตร์การสื่อสาร
-
สถาบันการศึกษา ควรบูรณาการเนื้อหาพระพุทธศาสนากับทักษะดิจิทัลในหลักสูตรของพระภิกษุและนิสิต
-
ภาคประชาสังคม มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบ ให้ข้อเสนอแนะ และร่วมผลิตเนื้อหาที่เป็นประโยชน์
6. บทสรุป
วิกฤต “สีกากอล์ฟ” เป็นสัญญาณเตือนให้คณะสงฆ์และสังคมหันมาให้ความสำคัญกับการสื่อสารทางศาสนาอย่างเป็นระบบ ท่ามกลางโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีเป็นพาหะใหม่ในการเผยแผ่ธรรมะและสร้างความศรัทธาจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็น” หากพระพุทธศาสนาในประเทศไทยยังต้องการคงอยู่ในใจผู้คนอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น