วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ดร.สำราญ สมพงษ์ นักข่าวอาวุโสและนักวิชาการด้านพุทธสื่อสารมวลชน แสดงความเห็นถึงแนวคิด “วิถีพลังไท” ว่าเป็นมากกว่างานแสดงพลังชุมชน แต่คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมและโครงสร้างประเทศจากฐานราก โดยเน้นพลังองค์กรชุมชนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ดร.สำราญกล่าวถึงงาน “วิถีพลังไท ครั้งที่ 3” ซึ่งจัดโดย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ว่าเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เครือข่ายชุมชนจาก 5 ภูมิภาคร่วมเสนอวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ต่อรัฐบาล โดยยืนยันว่า “องค์กรชุมชนไม่ใช่พลังสำรอง แต่คือพลังหลักในการเปลี่ยนประเทศไทย”
พลังชุมชน: เครื่องยนต์ของการพัฒนาจากล่างขึ้นบน
“องค์กรชุมชนไม่ใช่แค่หน่วยปฏิบัติในท้องถิ่น แต่เป็นศูนย์รวมของภูมิปัญญา ประสบการณ์ และทุนทางสังคม ที่สามารถออกแบบนโยบายทางเลือกได้สอดคล้องกับความเป็นจริงของชีวิตคนไทย” ดร.สำราญระบุ
การแสดงพลังจากภาคประชาชนในเวทีนี้จึงมีความหมายทั้งเชิงสัญลักษณ์และเชิงยุทธศาสตร์ เป็นการรื้อภาพเดิมที่มององค์กรชุมชนว่าเล็กและไร้อำนาจ สู่การตระหนักว่า พลังชุมชนคือหัวใจของการปฏิรูปประเทศ
วิถีพลังไท: พื้นที่เรียนรู้ สู่ยุทธศาสตร์สาธารณะ
กิจกรรมในงานครอบคลุมทั้งปาฐกถาพิเศษ เสวนาทางวิชาการ ห้องเรียนรู้ และการมอบโล่เชิดชูเกียรติชุมชนต้นแบบ ซึ่งทั้งหมดสะท้อนบทบาทใหม่ขององค์กรชุมชนในฐานะ “ภาคีเชิงนโยบาย” ไม่ใช่แค่ผู้ปฏิบัติตามนโยบาย
“นี่คือเวทีที่ยกระดับเสียงจากท้องถิ่นให้เป็นนโยบายระดับชาติอย่างแท้จริง” ดร.สำราญกล่าว
พหุภาคีพัฒนา: กุญแจสู่ประชาธิปไตยทางนโยบาย
ประเด็นสำคัญอีกประการคือแนวคิด “พหุภาคีพัฒนา” ที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และภาคเอกชน โดย พอช. ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือ ลดช่องว่างระหว่างนโยบายส่วนบนกับการปฏิบัติในพื้นที่จริง
“ถ้าเรายอมรับว่าความรู้ไม่ได้อยู่ที่ศูนย์กลางเพียงฝ่ายเดียว ก็ต้องเปิดพื้นที่ให้ชุมชนมีสิทธิกำหนดทิศทางของประเทศร่วมกัน” เขากล่าวเสริม
เสริมพลังด้วยหลักคิดแบบไทยและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ดร.สำราญยังชี้ว่า แนวคิด “วิถีพลังไท” สอดคล้องอย่างลึกซึ้งกับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่เน้น “พอประมาณ – มีเหตุผล – มีภูมิคุ้มกัน” และ “เงื่อนไขคุณธรรม” เช่น ความเพียร ความซื่อสัตย์ และการแบ่งปัน ซึ่งเป็นหัวใจของวัฒนธรรมชุมชนไทย
“การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากภายใน – จากจิตสำนึกพลเมือง ไม่ใช่แค่จากนโยบายรัฐ” เขาเน้นย้ำว่า แนวทางนี้ไม่เพียงเป็นการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ หากแต่เป็น “การเมืองเชิงคุณธรรม” ที่ประชาชนสามารถกำหนดชีวิตและอนาคตตนเองได้
บทสรุป: อนาคตใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังชุมชน
สุดท้าย ดร.สำราญเสนอว่า หากรัฐสามารถสนับสนุนองค์กรชุมชนในเชิงนโยบายและให้ความสำคัญกับการพัฒนาร่วมกับภาคประชาชน ประเทศไทยจะสามารถเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
“ประเทศไทยจะเปลี่ยนได้ ก็ต่อเมื่อประชาชนลุกขึ้นมามีบทบาทไม่ใช่แค่ในการเลือกตั้ง แต่ในทุกมิติเชิงนโยบาย”
— ดร.สำราญ สมพงษ์

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น