วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

นโยบายวิสัยทัศน์ “กุ้ง” ภูริกา สมหมาย ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 5 พรรคเพื่อไทย

 

อารมณ์: มั่นใจ ซาบซึ้ง จริงใจ และยืนหยัด
เลือดแท้เพื่อบ้านเกิด
[Verse 1]
บนทางฝุ่นคลุกฝันฉันเดินอีกครั้ง
สองมือยังตั้งใจแทนหัวใจพ่อ
แม้เข็มทิศชีวิตไม่เคยได้ขอ
แต่ศรัทธาที่พ่อให้ไว้ไม่เคยหล่นหาย

เสียงลมจากขุนหาญพัดผ่านภูสิงห์
ยังได้ยินเสียงหวังจากคนที่จริงใจ
ฉันเดินท่ามกลางคำถามจากหัวใจ
ตอบด้วยใจแท้แท้ ว่าฉันยังยืนตรงนี้
[Chorus]
เลือดแท้ของคนบ้านเกิด
ไม่อาจละเลยหรือเดินเฉยไป
ขอสานฝันแทนพ่อที่เคยฝากไว้
เพื่อลมหายใจของคนศรีสะเกษ
ขออาสาแก้หนี้ สู้ยาเสพติด
ค้าขายต้องมีสิทธิ์ เกษตรกรต้องไม่ลำเค็ญ
ฉันไม่ใช่แค่ลูกนักการเมือง
แต่คือลูกหลานบ้านเรา ที่จะไม่ทิ้งใครเลย
[Verse 2]
จากวันเด็กเคียงข้างพ่อไปทุกที่
ถึงวันนี้ไม่มีพ่ออยู่เหมือนเดิม
แต่ฉันยังเชื่อในรักและความเเท้เเท้เสมอ
ว่าน้ำใจของคนศรีสะเกษจะเป็นแรงเดินต่อ

จะฟังทุกเสียง จะเห็นทุกความเจ็บปวด
จะไม่ปล่อยให้ใครต้องยืนลำพัง
ขอแรงใจจากทุกคนในเส้นทาง
เพื่อเราจะไปพร้อมกันอีกครั้ง…อีกครั้ง…
[Chorus]
เลือดแท้ของคนบ้านเกิด
ไม่ยอมเฉยเมยต่อความไม่เท่าเทียม
แม้ไม่มีชื่อเสียงหรือคำว่า “ยิ่งใหญ่”
แต่หัวใจพร้อมยืนหยัด...เพื่อคนของเรา
นี่คือคำสัญญาจากลูกหลานภูสิงห์–ขุนหาญ

นโยบายวิสัยทัศน์ “กุ้ง” ภูริกา สมหมาย ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 5 พรรคเพื่อไทย

บทนำ

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระดับเขตพื้นที่ เป็นกลไกพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของชุมชนตนเอง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีบริบทเฉพาะทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เช่น เขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งครอบคลุมอำเภอขุนหาญ และอำเภอภูสิงห์ เป็นพื้นที่ที่มีปัญหาเชิงโครงสร้างสะสมมายาวนาน ทั้งเรื่องยาเสพติด หนี้สินครัวเรือน และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ “นางสาวภูริกา สมหมาย” หรือ “กุ้ง” ในนามพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศตัวลงสมัครในเขตดังกล่าว พร้อมแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายที่มุ่งหวังแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นระบบ โดยมีพื้นฐานจากประสบการณ์การทำงานร่วมกับอดีต ส.ส.อมรเทพ สมหมาย บิดาผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในพื้นที่มาอย่างยาวนาน

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์นโยบายและวิสัยทัศน์ของ น.ส.ภูริกา ทั้งในแง่เนื้อหาทางนโยบาย ความเชื่อมโยงกับบริบทท้องถิ่น และศักยภาพในการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงประจักษ์ในพื้นที่


1. นโยบายกับการตอบสนองปัญหาเชิงโครงสร้างในพื้นที่

นโยบายหลักของผู้สมัคร ได้แก่
(1) การปราบปรามยาเสพติด
(2) การจัดการกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์
(3) การแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน
(4) การพยุงราคาสินค้าเกษตร

นโยบายทั้ง 4 ด้านดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในเชิงโครงสร้างของพื้นที่ศรีสะเกษตอนล่าง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และได้รับผลกระทบโดยตรงจากห่วงโซ่เศรษฐกิจระดับชาติและโลก นอกจากนี้ ปัญหายาเสพติดและหนี้สินยังเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางสังคมและความเหลื่อมล้ำในระดับครัวเรือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องการการผลักดันเชิงนโยบายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

การยกระดับปัญหาเหล่านี้ให้อยู่ในวาระการเมืองระดับชาติ สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจเชิงโครงสร้าง และสามารถตีความได้ว่า ผู้สมัครพยายามนำเสนอนโยบายที่มี “ความเชื่อมโยงเชิงบริบท” (contextual relevance) กับพื้นที่


2. ความต่อเนื่องทางการเมืองกับมิติ “ทุนทางสังคม”

แม้ว่าผู้สมัครรายนี้จะไม่มีประสบการณ์ตรงในตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน แต่ได้อาศัยฐานความเชื่อมั่นที่สั่งสมจากอดีต ส.ส.อมรเทพ สมหมาย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับประชาชนในพื้นที่ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ทุนทางสังคม (social capital) ที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างความน่าเชื่อถือทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครได้แสดงจุดยืนว่า “ไม่ใช่แค่สืบทอดทางการเมือง” หากแต่ “ต้องการพิสูจน์ตนเอง” ซึ่งแสดงถึงความพยายามแยกตัวออกจากแนวคิด “การสืบทอดแบบอุปถัมภ์” และสร้างภาพลักษณ์ของ “นักการเมืองหน้าใหม่” ที่มีความตั้งใจจริงและใกล้ชิดกับพื้นที่


3. วิสัยทัศน์แบบประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People-Centered Vision)

ถ้อยคำที่ผู้สมัครใช้ เช่น “ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง” “ตอบแทนแผ่นดินเกิด” และ “ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” บ่งชี้ถึงกรอบคิดแบบ ประชานิยมใหม่เชิงพัฒนา ซึ่งมุ่งเน้นการออกแบบนโยบายโดยคำนึงถึงประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย ไม่ใช่เพียงฐานเสียงหรือผู้รับนโยบายเท่านั้น

การเน้นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การค้าในท้องถิ่น และการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน สะท้อนถึงความพยายามเชื่อมโยงระหว่าง “นโยบายระดับชาติ” กับ “การเปลี่ยนแปลงระดับรากหญ้า” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเมืองแบบใหม่ที่ประชาชนต้องการมากขึ้นในยุคหลังวิกฤตเศรษฐกิจ


4. การสื่อสารทางการเมืองและความมั่นใจในแบรนด์พรรค

นอกจากนี้ การที่ น.ส.ภูริกา แสดงความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยยังคงเป็นความหวังของประชาชนในพื้นที่ เป็นการใช้กลยุทธ์การสื่อสารทางการเมืองที่อาศัย "แบรนด์ทางการเมือง" (Political Branding) ของพรรคเพื่อไทยที่มีประวัติการทำงานในพื้นที่ และผลงานที่เป็นรูปธรรมในอดีต เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง


บทสรุป

นโยบายและวิสัยทัศน์ของ “กุ้ง” ภูริกา สมหมาย ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 จังหวัดศรีสะเกษ ในนามพรรคเพื่อไทย สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการผสานระหว่างการเมืองเชิงระบบกับปัญหาเชิงพื้นที่อย่างชัดเจน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน การฟื้นฟูความหวังผ่านแนวนโยบายที่ตอบโจทย์ความเหลื่อมล้ำในระดับครัวเรือน และการสร้างความต่อเนื่องทางสังคมบนพื้นฐานของความไว้วางใจ

แม้ว่าจะยังไม่มีบทพิสูจน์ในสนามการเมืองอย่างเป็นทางการ แต่หากพิจารณาจากเนื้อหานโยบาย ท่าทีการสื่อสาร และบริบททางสังคมท้องถิ่นแล้ว วิสัยทัศน์ของเธอมีความน่าจับตาในฐานะตัวแทนของการเมืองท้องถิ่นแบบใหม่ ที่เชื่อมโยงรากเหง้า ความร่วมสมัย และแนวทางการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พุทธการทูต และ Soft Power ของ ดร.นิยม เวชกามา

วิเคราะห์บทบาทด้านต่างประเทศของดร.นิยม เวชกามา: พุทธนาวาแห่งการทูตและยุทธศาสตร์ Soft Power ในศตวรรษที่ 21 บทคัดย่อ รายงานการวิจัยฉบับนี้มุ่ง...