วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

วิเคราะห์พฤติการณ์ของทรัมป์ในปริบทสันติวิธี: กรณีกัมพูชายิงปะทะไทยก่อนจากปัญหาชายแดน


 โดย ดร.สำราญ สมพงษ์ นักข่าวอาวุโสและนักวิชาการพุทธสันติวิธีสื่อสารมวลชน 

บทความนี้วิเคราะห์พฤติการณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ในปริบทของสันติวิธี (Nonviolence Approach) ต่อกรณีความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในช่วงที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มใช้ความรุนแรงก่อน การศึกษานี้อาศัยกรอบแนวคิดของ Johan Galtung เกี่ยวกับสันติภาพเชิงบวก (Positive Peace) และความรุนแรงเชิงโครงสร้าง (Structural Violence) รวมถึงแนวคิด Realism ทางการทูต เพื่อประเมินว่าพฤติการณ์ของทรัมป์มีลักษณะส่งเสริมหรือบ่อนทำลายสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลการศึกษาพบว่า พฤติการณ์ของทรัมป์มีลักษณะ “ไม่แสดงท่าทีเชิงรุก” (Strategic Silence) และเน้นการใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างแรงจูงใจในการยุติความรุนแรง มากกว่าการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยอย่างแท้จริง

1. บทนำ

เหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และก่อให้เกิดคำถามถึงบทบาทของชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้รักษาสันติภาพโลก โดยเฉพาะในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์  ที่มีแนวโน้มมุ่งเน้นผลประโยชน์ของชาติภายใต้นโยบาย “America First” มากกว่าการมีส่วนร่วมในปัญหาภูมิภาคอื่นๆ บทความนี้จึงตั้งคำถามว่าพฤติการณ์ของทรัมป์ต่อกรณีนี้สะท้อนหลักสันติวิธี หรือกลับส่งผลให้เกิดความรุนแรงในเชิงโครงสร้างที่ยืดเยื้อ

2. กรอบแนวคิด

2.1 สันติวิธีตาม Johan Galtung

สันติภาพเชิงลบ (Negative Peace): ความสงบที่เกิดจากการไม่ใช้ความรุนแรงโดยตรง

สันติภาพเชิงบวก (Positive Peace): ความสงบที่เกิดจากความเป็นธรรมทางโครงสร้าง การเจรจา และการสนับสนุนสังคมที่สันติ

ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง (Structural Violence): การเพิกเฉยหรือไม่แสดงท่าทีต่อปัญหาของรัฐขนาดเล็ก จนนำไปสู่ความรุนแรงที่ฝังลึก

2.2 แนวคิด Realism ทางการทูต

รัฐมหาอำนาจดำเนินนโยบายต่างประเทศโดยคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติเป็นหลัก มากกว่าคุณค่าทางจริยธรรมหรือหลักมนุษยธรรม

3. พฤติการณ์ของทรัมป์ต่อกรณีปะทะไทย–กัมพูชา

3.1 ความเงียบเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Silence)

แม้จะมีรายงานว่ากัมพูชาเริ่มยิงก่อนในการปะทะชายแดน ทรัมป์กลับไม่มีแถลงการณ์หรือท่าทีชัดเจนในการเรียกร้องให้ยุติการใช้กำลัง ความเงียบนี้อาจเป็นการ “เพิกเฉยเชิงโครงสร้าง” ซึ่งขัดต่อหลักสันติวิธีที่ควรส่งเสริมสันติภาพเชิงบวกและความยุติธรรม

3.2 การลดบทบาทของสหรัฐในอาเซียน

นโยบาย America First ส่งผลให้ทรัมป์ลดความสำคัญของเวทีพหุภาคีในภูมิภาค เช่น การไม่เข้าร่วมประชุม ASEAN Summit บางวาระ หรือการส่งตัวแทนระดับต่ำ การขาดการมีส่วนร่วมเหล่านี้ลดบทบาทของสหรัฐในฐานะ “ผู้ไกล่เกลี่ย” และ “ผู้ค้ำประกันความสงบ”

3.3 การใช้การค้ากดดันเป็นเครื่องมือทางการทูต

ทรัมป์เลือกใช้มาตรการทางการค้าในการกดดันให้ไทยและกัมพูชายุติความขัดแย้ง เช่น การประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสูงถึง 36% หากยังไม่ยุติความรุนแรง โดยเมื่อทั้งสองประเทศตกลงหยุดยิง จึงมีการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทรัมป์มองสันติภาพเป็น “ข้อแลกเปลี่ยนทางผลประโยชน์” มากกว่า “หลักคุณธรรม”

4. การวิเคราะห์ตามหลักสันติวิธี

มิติ พฤติการณ์ของทรัมป์ วิเคราะห์ตามแนวคิดสันติวิธี

การทูต เพิกเฉยต่อความขัดแย้งระดับภูมิภาค ขาดบทบาทเชิงรุกในการป้องกันความรุนแรง

การใช้วาทกรรม ไม่มีถ้อยแถลงสนับสนุนการเจรจาไทย-กัมพูชา ไม่ส่งเสริมสันติภาพเชิงบวก

บทบาทในอาเซียน ลดบทบาทลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นความรุนแรงเชิงโครงสร้างโดยการละเลยต่อวิกฤตรัฐขนาดเล็ก

ท่าทีต่อผู้ก่อเหตุ ไม่ประณามกัมพูชา ไม่เอื้อต่อความยุติธรรมในเชิงสากล

5. ข้อเสนอเชิงวิชาการและนโยบาย

1. เสริมสร้างบทบาทเชิงรุกของสหรัฐในภูมิภาค

ผู้นำสหรัฐควรดำรงบทบาทผู้ไกล่เกลี่ยอย่างจริงจัง โดยแสดงจุดยืนชัดเจนเมื่อมีรัฐหนึ่งใช้ความรุนแรงเริ่มต้น เพื่อสร้างหลักประกันแห่งความยุติธรรมเชิงสากล

2. ฟื้นฟูบทบาทในเวทีอาเซียน

การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจะช่วยให้สหรัฐเป็นพลังหนุนสันติภาพเชิงบวก และสร้างความไว้วางใจจากรัฐขนาดเล็ก

3. แยกผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกจากการจัดการความขัดแย้ง

การใช้เครื่องมือทางการค้าเพื่อกดดันคู่ขัดแย้งให้ยุติการปะทะ แม้มีประสิทธิผลในบางกรณี แต่ไม่ควรแทนที่การใช้กลไกสันติวิธี เช่น การเจรจาและการไกล่เกลี่ยอย่างเท่าเทียม

6. บทสรุป

พฤติการณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา สะท้อนนโยบายต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสหรัฐมากกว่าการส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค การเลือกใช้มาตรการทางการค้าแทนการแสดงบทบาททางการทูตเชิงสันติวิธี แม้มีผลกระทบเชิงบวกในระยะสั้น (เช่น การตกลงหยุดยิงตามเงื่อนไขการค้า) แต่กลับเป็นการลดความชอบธรรมของสหรัฐในฐานะผู้นำทางคุณธรรมในระดับโลก และยังอาจตอกย้ำความรุนแรงเชิงโครงสร้างที่ดำรงอยู่ในระดับภูมิภาค

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทบาทขับเคลื่อนจัดตั้ง ธนาคารพระพุทธศาสนา ของ ดร.นิยม เวชกามา

การวิเคราะห์เชิงโครงสร้างและพลวัตทางการเมืองในการขับเคลื่อนจัดตั้ง "ธนาคารพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย": กรณีศึกษาแนวคิดและบทบาทของ ด...