ย้ำ! กรมการศาสนาเดินหน้าแผนฯ ระยะที่ 2 มุ่งสร้างสังคมคุณธรรมด้วยพลังเครือข่ายทุกภาคส่วน
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ดร.สำราญ สมพงษ์ นักข่าวอาวุโสและนักวิชาการด้านพุทธสื่อสารมวลชน ได้แสดงความเห็นต่อกรณีที่กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เร่งขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566–2570) โดยเฉพาะในบริบทของสังคมไทยที่กำลังก้าวสู่ยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างเต็มรูปแบบ
ดร.สำราญระบุว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลที่ AI มีบทบาทเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวันของประชาชน รัฐจำเป็นต้องพัฒนาแนวทางการส่งเสริมคุณธรรมที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์เชิงพฤติกรรมเท่านั้น แต่ต้องตอบสนองต่อบริบทจริยธรรมในยุคใหม่ด้วย โดยการดำเนินแผนฯ ของกรมการศาสนา ถือเป็นกลไกสำคัญที่สะท้อนนโยบายระดับชาติในการสร้าง “สังคมไทยอยู่ร่วมกันด้วยคุณธรรม” อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ดร.สำราญวิเคราะห์ว่า แผนฯ ดังกล่าวมีจุดแข็งในด้านการกำหนดตัวชี้วัดคุณธรรมหลัก 5 ประการ ได้แก่ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และกตัญญู ตลอดจนการส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการบริหารเพื่อเพิ่มค่าดัชนี ITA (Integrity and Transparency Assessment) อันเป็นดัชนีชี้วัดความโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม ในบริบทของยุค AI ดร.สำราญเน้นว่า การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการส่งเสริมคุณธรรมจำเป็นต้องวางอยู่บนฐานจริยธรรมที่เข้มแข็ง โดยมองว่า AI สามารถช่วยสนับสนุนการประเมินพฤติกรรมและแนวโน้มของสังคมได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบโต้ตอบเพื่อปลูกฝังคุณธรรมในระดับบุคคล
“เทคโนโลยีควรถูกใช้เพื่อขยายพฤติกรรมคุณธรรม ไม่ใช่จำลองพฤติกรรมที่ดูดีเฉพาะต่อหน้าเครื่องจักร ในขณะที่จิตใจภายในยังว่างเปล่า” ดร.สำราญกล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เสนอข้อพิจารณาเชิงนโยบายที่สำคัญสำหรับการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติในยุค AI ได้แก่
-
การส่งเสริม สมรรถนะด้านจริยธรรมดิจิทัล (Digital Moral Literacy)
-
การออกแบบ แพลตฟอร์ม AI ที่มีจริยธรรม และยึดโยงกับวัฒนธรรมไทย
-
การพัฒนา เครือข่ายคุณธรรมดิจิทัล เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
-
การสนับสนุน การวิจัยร่วมระหว่างศาสตร์ด้านคุณธรรมและเทคโนโลยี
-
การจัดวาง กรอบกำกับจริยธรรม AI ทั้งในเชิงกฎหมายและแนวปฏิบัติ
ดร.สำราญย้ำว่า "การส่งเสริมคุณธรรมไม่อาจอิงเทคโนโลยีเพียงลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน และประชาชน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันบนฐานของศีลธรรมและความเข้าใจมนุษย์"
ทั้งนี้ การประชุมติดตามการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการดังกล่าวได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22–23 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดน่าน โดยมีผู้แทนจากหลายภาคส่วนร่วมแสดงความเห็นและนำเสนอแนวทางการขยายเครือข่ายคุณธรรมในระดับภูมิภาค เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย "ประเทศไทยโปร่งใส ไม่ทุจริต อยู่ร่วมกันด้วยคุณธรรม" อย่างยั่งยืนในยุคแห่งนวัตกรรม.
กรมการศาสนาวธ.เดินหน้าขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติยุคเอไอ
บทความนี้มุ่งวิเคราะห์แนวทางการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติในบริบทของสังคมไทยยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยพิจารณาผ่านกรณีศึกษาการดำเนินแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566–2570) ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างพฤติกรรมแห่งคุณธรรมในระดับบุคคล หน่วยงาน และสังคม อิงหลักธรรมทางศาสนา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการต่อต้านการทุจริต บทความนี้เสนอว่า การบูรณาการ AI ควรอยู่บนฐานจริยธรรมที่เข้มแข็ง การใช้เทคโนโลยีเพื่อวัดผล พัฒนา และขยายเครือข่ายคุณธรรมจะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของยุค AI คือความเหลื่อมล้ำทางข้อมูล การละเลยมิติทางวัฒนธรรม และความเข้าใจผิดในการนำเทคโนโลยีมาแทนที่คุณธรรมพื้นฐานของมนุษย์
1. บทนำ
ในโลกยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว สังคมไทยกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงด้านค่านิยม พฤติกรรม และโครงสร้างทางสังคม การส่งเสริมคุณธรรมจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำ และเครื่องมือในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะในบริบทของแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ซึ่งเป็นนโยบายระดับชาติที่มุ่งสร้างสังคมที่ “อยู่ร่วมกันด้วยคุณธรรม” อย่างยั่งยืน
2. แนวทางการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติในยุคปัจจุบัน
จากกรณีการประชุมเชิงปฏิบัติการที่จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 22–23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ภายใต้การนำของกรมการศาสนาและศูนย์คุณธรรม ได้สะท้อนความตั้งใจของรัฐในการขับเคลื่อนแผนฯ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566–2570) โดยใช้กลยุทธ์การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เป้าหมายคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนให้มีคุณธรรมใน 5 ด้าน ได้แก่ พอเพียง วินัย สุจริต
จิตอาสา กตัญญู พร้อมทั้งส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการบริหาร เพื่อสร้างองค์กรคุณธรรมที่โปร่งใสและมีธรรมาภิบาล (วัดผลผ่านค่า ITA)
3. ยุคเอไอกับการส่งเสริมคุณธรรม: โอกาสและความท้าทาย
AI มิใช่เพียงเครื่องมือทางเทคโนโลยี แต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรม มโนทัศน์ และค่านิยมในสังคม หากสามารถผสาน AI เข้ากับการส่งเสริมคุณธรรมได้อย่างมีจริยธรรม ย่อมสามารถยกระดับการทำงานในมิติต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
3.1 โอกาส
การวิเคราะห์พฤติกรรมแบบเรียลไทม์: ระบบ AI สามารถประเมินแนวโน้มพฤติกรรมที่สะท้อนคุณธรรมหรือเบี่ยงเบนจากคุณธรรมในโลกออนไลน์และโลกจริง
ระบบติดตามดัชนีคุณธรรมด้วยเทคโนโลยีบิ๊กดาต้า: ช่วยวัดผลและประเมินผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดคุณธรรมได้แม่นยำ
แพลตฟอร์มส่งเสริมคุณธรรมแบบปฏิสัมพันธ์: เช่น แอปพลิเคชันที่ให้คำแนะนำ ปรึกษา หรือจำลองสถานการณ์เพื่อการตัดสินใจอย่างมีคุณธรรม
3.2 ความท้าทาย
การแทนที่คุณธรรมด้วยพฤติกรรมจำลอง: ผู้ใช้อาจแสดงพฤติกรรม “เหมือนมีคุณธรรม” เพื่อให้ระบบประเมินดี ทั้งที่พฤติกรรมจริงอาจไม่สะท้อนคุณค่าภายใน
ความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี: กลุ่มประชาชนที่เข้าถึง AI หรือเครื่องมือดิจิทัลไม่เท่ากัน อาจกลายเป็นช่องว่างในการส่งเสริมคุณธรรม
มิติทางวัฒนธรรมที่ไม่สามารถวัดได้ด้วย AI: คุณธรรมบางประการ เช่น ความละอาย ความเคารพผู้ใหญ่ อาจไม่สามารถประเมินหรือถ่ายทอดผ่านอัลกอริธึมได้อย่างลึกซึ้ง
4. ข้อเสนอเชิงนโยบาย: ผสานคุณธรรมกับเทคโนโลยีอย่างมีสติ
เพื่อให้การส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติในยุค AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังนี้
สร้างสมรรถนะเชิงจริยธรรมด้านดิจิทัล (Digital Moral Literacy) ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานภาครัฐ
ออกแบบแพลตฟอร์ม AI ที่คำนึงถึงหลักธรรม ศีลธรรม และวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะด้านการเรียนรู้พฤติกรรมจิตอาสา และความกตัญญู
พัฒนาเครือข่ายคุณธรรมดิจิทัล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล แบ่งปันแนวทาง และร่วมคิดร่วมทำบนพื้นที่ออนไลน์อย่างสร้างสรรค์
สนับสนุนการวิจัยคุณธรรมร่วมกับเทคโนโลยี เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการออกแบบนโยบายที่มีฐานข้อมูลสนับสนุน
กำกับจริยธรรม AI ผ่านกฎหมายและแนวปฏิบัติที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีในทางที่บิดเบือนหรือแสวงหาผลประโยชน์
ดังนั้น การส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติในยุค AI จำเป็นต้องผสานเทคโนโลยีกับหัวใจแห่งคุณธรรมอย่างมีสติ ปัญญา และจริยธรรม การขับเคลื่อนเชิงนโยบายของกรมการศาสนาในระยะที่ 2 นี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ควรพัฒนาให้ทันกับยุคสมัย โดยยึดมั่นในเป้าหมายคือ "สังคมที่อยู่ร่วมกันด้วยคุณธรรม" ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และปัจเจกบุคคล ทั้งในโลกจริงและโลกดิจิทัล]

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น