วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

มส.แนะธรรมนิเทศต้องผลิตสื่อมวลชนของสงฆ์



มส. แนะบัณฑิตศึกษาในยุคไทยแลนด์ 4.0  ต้องเน้นงานวิจัยที่มีนวัตกรรมอย่าเป็นผีเสื้อพิการ  ชี้พระพุทธเจ้าเป็นนักก่อตั้งเป็นประดิษฐกรรม ขณะที่ธรรมนิเทศต้องผลิตสื่อมวลชนของสงฆ์ เหตุจุดอ่อนด้านการเผยแผ่เพราะขาดธรรมนิเทศศาสตร์ 


วันที่ 4 ก.ย.2560 พระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร. กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์, อัคคมหาบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)  เจ้าคณะภาค 2 เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร บรรยายเรื่อง"บัณฑิตศึกษาในยุคไทยแลนด์ 4.0 " ในงานสัมมนาทางวิชาการระดับบัณฑิตศึกษา มจร สาขาพระพุทธศาสนา สาขาปรัชญา   สาขาธรรมนิเทศ มหาจุฬา ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนรู้ทางวิชาการระหว่างนิสิตกับอาจารย์บัณฑิตวิทยาลัย
               

พระพรหมบัณฑิต  กล่าวว่า สัมมนาวิชาการถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเรียนบัณฑิตเป็นช่องทางการทำวิทยานิพนธ์ของนิสิต เพราะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้  มหาจุฬาได้เปรียบเพราะมีนักปราชญ์ทั่วโลกด้านศาสนามามหาจุฬาบ่อยๆ  เพราะเป็นมหาจุฬาเป็นสมาคมพระพุทธศาสนาโลก และวิสาขบูชาโลก มีผู้คนระดับโลกในด้านศาสนาต้องการมาพบปะสนทนากับนิสิตมหาจุฬา เราต้องเชิญผู้ทรงคุณวุฒิระดับโลกมาเพื่อแลกเปลี่ยน ถึงจะมีบรรยากาศในการเรียนรู้ มหาจุฬาได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ จะมีนักปราชญ์แวะเวียนมาบ่อย  เหมือนให้อาจารย์พิเศษมาพบนิสิต  ถือว่าเราใช้โอกาสน้อยในการเชิญผู้ทรงระดับโลกมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อยอดงานวิทยานิพนธ์


บัณฑิตศึกษาในยุคไทยแลนด์ 4.0  บัณฑิตศึกษาจะตอบโจทย์นี้อย่างไร ?  เพราะการเรียนในระดับปริญญาโท เอก ต้องทันกับเหตุการณ์ปัจจุบัน เป็นการเรียนแบบบูรณาการ เชื่อมโยงกับศาสตร์สมัยใหม่เพื่อพัฒนาจิตใจและสังคม  การขับเคลื่อนประเทศใช้ไทยแลนด์ 4.0 การเรียนระดับบัณฑิตต้องนำงานวิจัยที่เราทำไปขับเคลื่อนสังคม  ทำงานวิจัยเสร็จต้องนำไปใช้ได้จริง  อย่าเป็นวิจัยแค่ขึ้นหิ้ง เรามีจุดแข็งอะไร  เราถนัดอะไร  จะมีผลต่อชีวิตเราไหมในอนาคต มีผลกระทบต่อสังคมไหม เพราะการทำวิทยานิพนธ์ต้องทำตัวเหมือนดักแด้ก่อนจะเป็นผีเสื้อ มี 4 ขั้นตอน คือ วางไข่   หนอน  ดักแด้ โบยบินเป็นผีเสื้อ  สร้างโลกด้วยการผสมเกสร เราเรียนปริญญาตรีเหมือนหนอน เก็บข้อมูล  ส่วนการเรียนปริญญาโทเอก เหมือนผีเสื้อเป็นความรู้ตกผลึก อาจารย์ที่ปรึกษาช่วยพอประมาณ ให้ผีเสื้อบินได้เอง จบออกมาต้องเป็นผีเสื้อสมบูรณ์ แต่ถ้าที่ปรึกษาเขียนให้เกินหน้าที่ เราจะได้   " ผีเสื้อพิการ " ไม่สามารถบินได้ด้วยตนเอง  อาจารย์ที่ปรึกษาต้องโหด โขก สับทางวิชาการให้ตึกผลึก แต่ต้องเป็นกัลยาณมิตร


ไทยแลนด์ 4.0  เกิดมาจาก World Bank  ในพ.ศ.2554 ธนาคารโลก กลุ่มเศรษฐกิจโลกได้จัดอันดับประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศมีรายได้ปานกลางระดับสูง ( Upper - middle - income group ) ไทยมีแผนพัฒนาประเทศ 20  ปี จะพัฒนาประเทศมีรายได้สูง ไปถึงแน่ถ้าคนไทยไม่ทะเลาะกัน ไม่ขัดแย้งกันเหมือนในปัจจุบัน  โมเดลไทยแลนด์ 4.0 คือ เกษตรกรรม  อุตสาหกรรมเบา  อุตสาหกรรมหนัก  และนวัตกรรม เราจะทำอย่างไร ? ถึงจะไม่ติดในกับดัก ในการพัฒนา และสามารถเป็นไทยแลนด์ 4.0 ทุกอย่างย่อมมีกับดักของชีวิต กำลังทำงานสื่ออย่างดี อนาคตกำลังรุ่ง แต่ตอนนี้อยู่ในคุก เรียนบัณฑิตต้องทราบบริบทสังคม  คำถามบัณฑิตวิทยาลัยจะไปสู่ไทยแลนด์ 4.0อย่างไร อะไรคือกับดักในทางพระพุทธศาสนา งานวิจัยของเราต้องช่วยคนในมิติใดมิติหนึ่ง งานวิจัยบัณฑิตวิทยาลัยต้องสามารถจัดการกับกำดักของสังคม  เราในฐานะบัณฑิตศึกษาจะเอาธรรมะหรืองานวิจัยอะไรไปช่วยสังคม  ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทราบว่าคนไทยมีกับดักชีวิต จึงมีแนวคิดด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้คนไทยปฏิบัติเพื่อความสุขของชีวิต


ในเรื่องของThai Economy 4.0  เราจะ "ทำมากแต่ได้น้อย ทำน้อยแต่ได้มาก "  เรียกว่า more for loss  หรือ  less for  more  ภูฏานทำงานได้เงินน้อยแต่มีความสุข ส่วนไทยทำงานหนักแต่ได้เงินน้อยเพราะคนไทยเป็นลูกน้อง ประเทศที่พัฒนาแล้วจะเป็นผู้จัดการ ด้วยการใช้สมองและเป็นเจ้าของกิจการ ทำงานเบาแต่ได้เงินมาก คนที่รวยที่สุดในโลกอยู่ที่สหรัฐอเมริกา คือ บิลเกต ถามว่าบิลเกตทำงานอะไร เพราะใช้สมอง ? รวมถึงสติปจ๊อปได้เงินมหาศาล รวมถึงซัมซุงของเกาหลีตอนนี้โน้ต 8  เตรียมออกแล้ว เตรียมกอบโกยเงินมหาศาล  แล้วงานวิจัยบัณฑิตวิทยาลัยเราจะทำอย่างไร?เรียนจบมหาจุฬาต้องเป็นเจ้าอาวาสอย่าไปเป็นแค่ลูกวัดเท่านั้น เจ้าอาวาสใช้สมองในการบริหาร ถ้าพระลูกต้องใช้แรงงาน 


เครื่องมือสำคัญจะไปสู่ 4.0 คือ นวัตกรรม  งานวิจัยของบัณฑิตวิทยาลัยมีนวัตกรรมอะไรบ้าง ? ให้สอดรับกับยุคไทยเเลนด์ 4.0  สมัยอธิการเรียนปริญญาเอก มีความลำบากมาก เพราะมีเงื่อนไขมาก เช่น จะทำวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ จะต้องมีหนังสือเล่มนี้ อาจารย์ที่ปรึกษาบังคับว่าต้องมีหนังสือเล่มนี้ ถึงจะสามารถทำวิทยานิพนธ์ได้ ในสมัยอดีตเทคโนโลยีไม่ทันสมัยค้นคว้าลำบากมาก แต่ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีช่วยแต่นิสิตก็ยังเรียนไม่จบ บัณฑิตวิทยาลัยต้องไปหาคำตอบ เพราะอะไร ?  ทำไมต้องทำวิจัยเรื่องยากๆ เพราะเป็นการวางแผนระยะยาวเพื่อนำมาใช้ในปัจจุบัน ยิ่งเรียนยิ่งสนุก โดยเฉพาะภาษาฝรั่งเศล มีการเชื่อมภาษาบาลี  เหมือนเวลาทำงานต้องเชื่อมระหว่างวิชาการกับปฏิบัติ เช่น เมื่อเป็นเจ้าอาวาสบริหารแล้ว มักจะไม่เทศน์ ไม่เขียน ถ้ามาเรียนมหาจุฬาถ้าบริหารวัดยังแย่อยู่ ไม่ต้องมาเรียน  มาเรียนมหาจุฬาต้องบริหารวัดตนเองให้ดี  อย่าแยกการบริหารและงานวิชาการออกจากกัน  เราต้องบริหารด้วยสมองจึงจะพัฒนา อย่าแยกออกจากกัน จะทำได้ต้องมี " นวัตกรรม   เทคโนโลยี  และการบริการ " งานวิจัยต้องมีนวัตกรรม เทคโนโลยี  การบริการ 


พระพระพุทธเจ้าเป็นผู้ก่อตั้งถือว่าเป็นการประดิษฐกรรม Invention เราอย่าคิดคำสอนใหม่ที่ไม่พื้นฐาน มีการตีความผิด ๆ เราไม่ต้องประดิษญ์คำสอนใหม่ แต่เราสามารถเป็นนวัตกรรม ใครก็ตามที่นำมาปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นเหมาะสมกับสังคมด้วยการประยุกต์บูรณาการ  ทำให้น่าสนใจมากขึ้น เรียกว่า นวัตกรรม วิปัสสนากรรมฐานเป็นนวัตกรรม  ท่านติช นัท ฮันห์ นำเสนอการภาวนาให้เหมาะกับคนในสังคมปัจจุบัน ถือว่าเป็นนวัตกรรม  นิสิตบัณฑิตทุกสาขามกาจุฬาจะทำวิจัยเรื่องใดก็ตามจะต้องเป็นมีนวัตกรรม ถือว่าเป็นบูรณาการศาสตร์สมัยใหม่  เราต้องมีความซื่อสัตย์ทางวิชาการ


สาขาธรรมนิเทศมีคนเรียนน้อยเพราะขาดนวัตกรรม ต้องเป็นไปเพื่อการเผยแผ่ธรรมะ จะต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยในการเผยแผ่ นำศาสตร์นิเทศ  เป็นนิเทศศาสตร์เพื่อการเผยแผ่  สงฆ์เราอ่อนแอ่เพราะเราขาดนิเทศศาสตร์ ต้องมีการเชื่อมธรรมะกับนิเทศศาสตร์เป็นการบูรณาการ เรียนจบต้องสามารถเป็น  สื่อมวลชนของสงฆ์ มิใช่มาเรียนเรื่องเทศน์เท่านั้น   ส่วนสันติศึกษาเรียนแล้วต้องใจกว้าง ทุกมิติทางศาสนา พูดคุยกับบุคคลที่มีความต่าง รับฟังกันและกัน ไม่คลั่งศาสนาของตน สันติศึกษากับปรัชญาจึงไปด้วยกัน  สิ่งสำคัญทุกหลักสูตรต้องมีนวัตกรรม  


งานวิจัยต้องมี 4  นวัตกรรม คือ " ด้านผลผลิต  ด้านการบริการ   ด้านกระบวนการ ด้านการจัดการ "  งานวิจัยต้องสอดคล้องกับด้านใดด้านหนึ่งให้ได้  1)นวัตกรรมด้านการผลผลิต คือ การนำเอาองค์ความรู้ในอภิธรรมปิฏกและวิธีปฏิบัติกรรมฐานมาบูรณาการเข้ากับจิตวิทยาตะวันตกจนเกิดสาขาพุทธจิตวิทยาและชีวิตและความตาย  รัชกาลที่ 5 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกของโลกที่ผลิตนวัตกรรม ทำหนังสือพระไตรปิฏกเล่มแรกของโลกด้วนการใช้เทคโนโลยี  ในพ.ศ. 2436 ถือว่าเป็นการนวัตกรรมด้านผลผลิต  รัชกาลที่ 5 จึงมีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาและมหาจุฬาเป็นอย่างยิ่ง   บัณฑิตวิทยาลัยต้องสร้างนิเทศศาสตร์ทางธรรมะให้ได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วย ต้องพัฒนาไปสู่อนุสาสนียปาฎิหาริย์ 


2) นวัตกรรมด้านกระบวนการ คือ การแสวงหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อลดขั้นตอนในการผลิต เช่น วิธีการสอนภาษาอังกฤษแก่มหาเปรียญโดยเทียบเคียงกับภาษาบาลี  วิธีการสอนเชิงพุทธบูรณาการ 


3) นวัตกรรมด้านการบริการ คือ  การนำเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์มาใช้ในการเรียนการสอนและเผยแผ่ธรรม บริการด้านวิชาการเพื่อให้เข้าถึงคนในยุคสมัยใหม่


4) นวัตกรรมด้านการบริหาร คือ  การนำหลักธรรมมาใช้ในการบริหารจัดการจนได้ผลจริง (Paperless  Office) บัณฑิตวิทยาลัยจึงต้องคุมคุณภาพการศึกษา
   

พระอาจารย์ปราโมทย์  วาทโกวิโท นิสิตปริญญาเอก  สาขาสันติศึกษา มจร ระบุว่า  จากการฟังท่านอธิการทำให้เห็นมิติการมองว่า นิสิตระดับบัณฑิตต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บ่อยๆ เชิญผู้นำศาสนาระดับโลกมาแลกเปลี่ยนเพื่อได้แนวประเด็นหัวข้อวิจัย การวิจัยต้องเป็นนวัตกรรมนำไปใช้บูรณาการในการพัฒนาชีวิตและสังคม ต้องฝึกตนเป็นผีเสื้อที่โบยบินอย่างมั่นคง ทุกสาขาในบัณฑิตวิทยาลัยต้องบูรณาการศาสตร์สมัยใหม่ เท่าทันเหตุการณ์ในปัจจุบัน นิสิตจึงต้องมีกระบวนการคิดเชิงระบบ ตกผลึกความคิดสู่ปัญญา

.................................

(หมายเหตุ :  ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก pramote od pantapat พระอาจารย์ปราโมทย์  วาทโกวิโท นิสิตปริญญาเอก  สาขาสันติศึกษา มจร)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์

  วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์ บทนำ “จาล...