เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม พระเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมด้วยพระมหาเถระ 10 รูป ในพิธีเปิดอาคาร "ผกาธรรม" ณ สุทธิธรรมสถาน หมู่ 2 ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี (ถนนสายบ้านนา-แก่งคอย) ใกล้วัดป่ามหาวีรวงศ์
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวว่า สุทธิธรรมสถานเป็นสถานที่มีความรื่นรมสร้างคนดีให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งสถานที่มีความสำคัญมากมีความสัปปายะ เข้ามาแล้วเป็นสถานที่แห่งความบริสุทธิ์เป็นคนดีของสังคม จึงเป็นแนวทางในการสร้างความสุขด้วยการ "ปล่อย วาง ว่าง หยุด" เพื่อชีวิตที่ดีงาม
พระสุธีรัตนบัณฑิต,รศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม กรุงเทพมหานคร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เปิดเผยว่า สุทธิธรรมสถาน เกิดขึ้นจากการฉลองสมโภชครบ 250 ปี วัดสุทธิวราราม กรุงเทพมหานคร ที่ต้องการสร้างสถานที่สัปปายะ เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติธรรม การพัฒนาจิตใจและปัญญา การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ และการพัฒนาสังคมวิถีพุทธ จึงออกแบบอาคารและสถานที่ (สวนเซน) แบบเรียบง่าย สะอาด ร่มรื่น ลดการใช้พลังงาน โดยจะมีกิจกรรม เช่น การเจริญจิตภาวนา การสนทนาธรรมวิถีเซน การไหว้พระ สวดมนต์ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ พุทธศิลปะ และการเดินป่า รวมทั้งการเข้าค่ายกิจกรรมของนักเรียน เยาวชน นิสิต นักศึกษา เกษตรกร (การเพาะพันธุ์พืช การทำไม้ล้อม ศูนย์ Bio-Bank) เป็นต้น
พระปราโมทย์ วาทโกวิโท ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา ระดับปริญญาโท มจร เปิดเผยว่า ได้ร่วมพิธีดังกล่าวพร้อมด้วยพระวิเทศวิสุทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำอเมริกา ประเทศสหรัฐอเมริกา และพระครูวิเทศกัลยาณธรรม ดร. เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ เมืองชิโนฮิลส์ สหรัฐอเมริกา พระเมธีวัชรบัณฑิต ศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตรนานาชาติ มจร พร้อมพระครูภาวนาสารบัณฑิต ดร. รองผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มจร ร่วมพิธีในครั้งนี้ รวมถึง ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่บัณฑิตวิทยาลัย มจร
"โดยส่วนตัวได้มีโอกาสสันติสนทนาว่าเหตุผลใดจึงต้องสร้างสุทธิธรรมสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ในการพัฒนาตามภาวนา 4 ประกอบด้วย พัฒนาด้านกาย พัฒนาด้านพฤติกรรม พัฒนาด้านจิตใจ และพัฒนาด้านปัญญา โดยมุ่งนำศิลปะเป็นประตูสู่ศาสนาด้วยการนำศิลปะ มิติของเซ็นเข้ามาบูรณาการสามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ โดยมองอนาคตภาพของครรุ่นใหม่เข้าถึงศาสนาแบบชีวิตมิใช่พิธีกรรม จึงพัฒนาสถานที่เพื่อเอื้อต่อการเรียนรู้พัฒนาตน โดยสามารถตอบโจทย์นิสิตระดับบัณฑิตศึกษา มจร ทุกสาขาวิชา ซึ่งเป็นสถานที่ในการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสำหรับนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยจากการมาเห็นสถานที่จริงมีความสัปปายะอย่างดียิ่ง สามารถเดินทางสะดวกสบายจากกรุงเทพ อากาศบริสุทธิ์ สัมผัสธรรมชาติ มีวิวเขาใหญ่ชัดเจน มีพลังงานที่ดีเหมาะแก่การรับพลังภายใน สัมพันธ์พลังความคิดสร้างสรรค์และความสมสมัยใหม่เสมอของอาจารย์เจ้าคุณ ทำให้สถานที่แห่งนี้ลงตัวอย่างยิ่ง" พระปราโมทย์ ระบุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น