ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee
สัญญาประชาคมชุดใหม่: ไทยกับบทบาทสำคัญในภูมิเศรษฐกิจ ภูมิยุทธศาสตร์ และภูมิรัฐศาสตร์โลก
สาระสำคัญของสัญญาประชาคมชุดใหม่ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องภายในประเทศ แต่ต้องทำให้ไทยยืนอย่างมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีในเวทีโลก
ในพลวัตโลกที่การแข่งขันระหว่างประเทศเข้มข้น และความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ซับซ้อน ประเทศไทยในฐานะประเทศที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาค จำเป็นต้องมีนโยบาย และยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและมีพลังในการกำหนดทิศทางของตนเอง โดยไม่เป็นเพียงผู้ตามหรือผู้ถูกชี้นำ แต่เป็นผู้กำหนดและสร้างบทบาทที่สำคัญของตนในเวทีโลก
“สัญญาประชาคมชุดใหม่” จะมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการกำหนดภูมิเศรษฐกิจ ภูมิยุทธศาสตร์ และภูมิรัฐศาสตร์ ไทยในเวทีโลก
1. ภูมิเศรษฐกิจ: จากเศรษฐกิจต้นทุนต่ำสู่เศรษฐกิจนวัตกรรมคุณค่า
สัญญาประชาคมชุดใหม่ควรเน้นการปรับภูมิเศรษฐกิจไทยให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ ในอดีต ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุนต่ำในการผลิตที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ แต่ในโลกยุคใหม่ที่ทุนมนุษย์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่แท้จริง การพึ่งพาต้นทุนต่ำอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป
• สร้างความสามารถแข่งขันแบบยั่งยืน: ประเทศไทยจึงต้องเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจเข้าสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มสูงผ่านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและลดการพึ่งพาทรัพยากรที่ถูกจำกัด
• ลงทุนในโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy): แนวทางเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวจะช่วยให้ไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและรักษ์สิ่งแวดล้อม
• เทคโนโลยีเพื่อสังคม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์: การผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่เน้นทั้ง Sectoral Based และ Area- Based Creative Economy การนำเทคโนโลยีดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ มาประยุกต์ใช้ทั้งในภาคธุรกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิต จะช่วยเพิ่มคุณค่าและความสามารถในการแข่งขัน
ตัวอย่างเช่น ประเทศไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ การเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) และการส่งเสริมสตาร์ทอัพในกลุ่มสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพิ่มเติมจากภาคการผลิตเดิมที่แข็งแกร่ง
2. ภูมิยุทธศาสตร์: การเป็นจุดยืน “ไม่เลือกข้าง” และศูนย์กลางเชื่อมโลก
สัญญาประชาคมชุดใหม่ควรกำหนดให้ไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนทั้งในระดับภูมิภาคและเวทีโลก ในบริบทของความขัดแย้งและการแข่งขันอำนาจระหว่างมหาอำนาจ อย่างที่เผชิญอยู่ในปัจจุบัน การที่ไทยเลือกเดินหน้าด้วยหลักการ ไม่เลือกข้าง (Principled Neutrality) อย่างเข้มแข็งจะช่วยสร้างความมั่นคงและความน่าเชื่อถือมากขึ้น
• ผลักดันการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี: ไทยต้องใช้บทบาทในการส่งเสริมการเจรจาและหาทางออกทางการทูตในประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่างสร้างสรรค์
• เป็นศูนย์กลางเชื่อมโลก (Connector Nation): ด้วยทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และศักยภาพ ไทยสามารถเป็นจุดเชื่อมโยงการค้า วัฒนธรรม และการลงทุนระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับกลุ่มประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในยุคของโลกหลายขั้ว (Multi-Polar World)
ตัวอย่างเช่น ไทยสามารถส่งเสริมบทบาทเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค และใช้ประโยชน์จากเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือเมืองอัจฉริยะ เพื่อเสริมสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงทั้งในและระหว่างภูมิภาค
3. ภูมิรัฐศาสตร์: รักษาเอกราชและอธิปไตยด้วย “Principled Neutrality”
สัญญาประชาคมชุดใหม่ควรเน้นการรักษาเอกราชและอธิปไตยของไทย ด้วยหลัก “Principled Neutrality” ที่ยืนหยัดบนหลักการสากลอย่างเข้มแข็ง และสร้างความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ
• วางตัวเป็นกลางอย่างมีพลัง: ไทยเลือกที่จะไม่เข้าไปอยู่ในความขัดแย้ง หรือเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่พร้อมที่จะยืนหยัดบนหลักการสากล เช่น เคารพสิทธิมนุษยชน ความเป็นธรรม และกฎหมายระหว่างประเทศ
• สร้างความน่าเชื่อถือและศักดิ์ศรีระหว่างประเทศ: ด้วยการดำเนินนโยบายที่โปร่งใส ยึดหลักความเป็นธรรม และใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน
การยึดมั่นในหลักการนี้ จะทำให้ไทยรักษาเอกราชและเพิ่มอิทธิพลเชิงสร้างสรรค์ในเวทีโลก โดยไม่เสี่ยงต่อการถูกบีบหรือข่มขู่จากมหาอำนาจ
~ ไทยในฐานะผู้กำหนดทิศทางของตนเองบนเวทีโลก
สัญญาประชาคมชุดใหม่จะเป็นกรอบแนวทางที่สนับสนุนและขับเคลื่อนประเทศไทยให้เดินหน้าพัฒนาตามมิติภูมิเศรษฐกิจ ภูมิยุทธศาสตร์ และภูมิรัฐศาสตร์อย่างครบถ้วนและสอดคล้องกับ คุณค่าร่วม (Common Value) เจตจำนงร่วม (Common Goals) และ พื้นที่ร่วม (Common Ground) ของคนในชาติ
ประเทศไทยจะยืนหยัดด้วยความเข้มแข็งและความน่าเชื่อถือ ในฐานะประเทศที่พร้อมเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อผสานภูมิเศรษฐกิจ ภูมิยุทธศาสตร์ และภูมิรัฐศาสตร์เข้าด้วยกัน ภายใต้สัญญาประชาคมชุดใหม่ ประเทศไทยจะไม่ใช่แค่ผู้ตามที่ต้องปรับตัวตามกระแสโลกเท่านั้น แต่จะกลายเป็นผู้กำหนดตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์และทิศทางที่ชัดเจนของตนเองในเวทีระหว่างประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงและความมั่งคั่งให้กับประชาชนในระยะยาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น