วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

คุณหญิงสมปองมหาอุบาสิกาผู้หนุนวิปัสสนาไทย




คุณหญิงสมปองมหาอุบาสิกาผู้หนุนวิปัสสนาไทย จากปณิธานการสร้างมหาจุฬาฯเพื่อธุระพระพุทธศาสนาสร้างสันติภาพโลก




เนื่องจากวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2561 เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญของชาวพุทธเถรวาท เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน คือ พระโคตมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา โดยมีหลักการที่สำคัญ 3 ประการคือ การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำกุศลให้ถึงพร้อม การทำจิตใจให้บริสุทธิ์  นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันมาฆบูชาเป็น "วันกตัญญูแห่งชาติ" หลายหน่วยงานจึงพยายามรณรงค์ให้วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรัก (อันบริสุทธิ์) 



ขณะเดียวกันหลักสูตรสาขาวิชาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้เปิดสอนนิสิตระดับปริญญาโท จำนวน 5 รุ่น มาตั้งแต่ปีการศึกษา 2556  และปริญญาเอก จำนวน 2 รุ่น ตั้งแต่ปีการศึกษา 2559  ภายใต้ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สถาบันพระปกเกล้า และสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมกันนี้วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ได้เปิดสอนหลักสูตรสันติศึกษา และหลักสูตรพระพุทธศาสนาภาคภาษาอังกฤษ  ทั้งในระดับปริญาโทและปริญญาเอก 



การศึกษาในระดับปริญญาโทและเอก มีความแตกต่างจากการศึกษาในระดับปริญญาตรี ทั้งทางด้านระบบการศึกษา ระเบียบข้อบังคับและกฎเกณฑ์ต่างๆ การจัดปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะช่วยทำให้นิสิตเกิดความพร้อมในการศึกษาเกิดการพัฒนาทั้งในด้านกายและจิตใจมีความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน การครองตน ครองชีวิต มีทัศนคติที่ดี เป็นการเรียนรู้จากภายในสู่ภายนอกทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างและเข้าถึงสันติภาพได้อย่างแท้จริง
 


จากเหตุผลดังกล่าว หลักสูตรสาขาวิชาสันติศึกษา ร่วมกับ วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติหลักสูตร สาขาวิชาพระพุทธศาสนา(ภาคพิเศษ) บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันวิปัสสนาธุระและส่วนธรรมนิเทศมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จึงได้จัดโครงการปฏิบัติธรรมและงานสัมมนาวิชาการประจำเดือนกุมภาพันธ์ ดังนี้  1. โครงการปฏิบัติธรรมในชื่อโครงการ "มาฆบูชา: วันภาวนาเพื่อสันติภาพโลก"  ในวันที่ 26, 27, 28 กุมภาพันธ์ – 1  มีนาคม พ.ศ. 2561 ณ อาคารวิปัสสนาธุระ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ)



จัดโดย หลักสูตรสาขาวิชาสันติศึกษา ร่วมกับ วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติหลักสูตรสาขาวิชาพระพุทธศาสนา(ภาคพิเศษ)บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันวิปัสสนาธุระและส่วนธรรมนิเทศมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยโดยมีวัตถุประสงคหลักเพื่อเป็นการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน พัฒนาฝึกฝนอบรมในมิติของกระบวนการการสร้างสันติภาพจากภายในสู่ภายนอก พร้อมทั้งยังมีการแนะนำแนวทางการดำเนินชีวิต  การปฏิบัติตนที่ถูกต้องเหมาะสมสอดคล้องกับคุณลักษณะของนักสันติภาพวิถีพุทธและสอดคล้องกับหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาโครงการปฏิบัติธรรมนี้มุ่งหวังให้นิสิตและบุคคลทั่วไปได้รับข้อมูลพื้นฐานการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน  มีโอกาสได้ฝึกฝนพัฒนาหล่อหลอมทัศนคติเกี่ยวกับสันติภาพที่จะก่อให้เกิดทักษะการครองตนและนำพาไปสู่แนวทางการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข



2. โครงการสัมมนาวิชาการ "มาฆบูชา: วันเมตตาสากลโลก"  ในวันที่  28เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 08.00 –12.00 น. ณ ห้องประชุมเธียเตอร์ โซน C อาคารเรียนรวม ชั้น 1 จัดโดย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สำนักงานศาลยุติธรรม และสถาบันพระปกเกล้า โดยมีวัตถุประสงคหลักเพื่อประกาศคุณูปการพระพุทธศาสนาต่อการพัฒนาสันติภาพโลก นำเสนอหลักการ แนวทางปฏิบัติแห่งสันติภาพในทางพระพุทธศาสนา ยกย่องเชิดชูนักสันติภาพผู้ทำงานเสียสละเพื่อสังคม พร้อมทั้งเป็นวัดนัดพบปะประสานพูดคุยกันของบุคคลที่ทำงานเกี่ยวกับความขัดแย้งและการสร้างสันติภาพ เพื่อร่วมกันทำงานเป็นเครือข่ายองค์กรที่มั่นคงและประสานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น  ซึ่งวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบพระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร. อธิการบดี มจร นายวิรัช ชินวินิจกุล องคมนตรี นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ศ.วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า




สำหรับโครงการ"มาฆบูชา: วันภาวนาเพื่อสันติภาพโลก" ซึ่งมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมามีคุณหญิงสมปอง วรรณิสสร ในฐานะผู้มีแรงพลังอันเต็มเปี่ยมบริจาคที่ดิน 84  ไร่ เพื่อจัดสร้างมหาจุฬาฯ วังน้อย เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ และได้กล่าวถึงการบริจาคที่ดินในการสร้างมหาจุฬาฯเพื่อให้เป็นที่ศึกษาด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระ สิ่งที่กล่าวย้ำมากคือเพื่อเป็นสถานที่สนับสนุนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางที่สมเด็จพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมมหาเถระ) ตามแนวทางสติปัฏฐาน 4 จึงทำให้คุณหญิงสมปองมีความสุขมากที่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ชาวพุทธและสนับสนุนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เหตุเพราะคุณหญิงสมปองได้เคยปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจึงอยากให้ทุกคนได้สัมผัสวิปัสสนากรรมฐานด้วยตนเอง




เพราะการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นการสร้างสันติภายในตนด้วยความรักตนเองแล้วรักผู้อื่น ซึ่งความเกลียดชังระหว่างผู้คนแท้จริงแล้วไม่ได้เกิดจากความคิดในสมอง ที่แตกต่างกันมากไป แต่เกิดจากความรักใน"หัวใจ "ที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่างหาก จึงต้องเติมความรักให้ชีวิตด้วยเครื่องสังเคราะห์ความสุข (The Joymaker)ทางวิทยาศาสตร์เรามีสารสงบ คือ เซโรโทนิน จะพรั่งพรูออกมาเมื่อเรากำลังรู้สึกสงบ สบายและผ่อนคลาย เช่น เมื่อเรานั่งสมาธิ เจริญกรรมฐานหรือ เรากำลังนอนฟังเพลงที่ชอบผ่อนคลาน การเจริญสติจะทำให้เรารู้ทันต่อสิ่งที่มากระทบใจเรา เพราะรู้เท่าเอาไว้ป้องกัน รู้ทันเอาไว้แก้ไข




ดังนั้น วิปัสสนากรรมฐานจึงเป็นคำตอบของทุกชีวิต ด้วยการกลับมาทบทวนชีวิตตนเอง หาความสุขที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ เพราะ" ถ้าความดังให้ความสุข คงไม่มีดาราหน้าบึ้ง ถ้าความรวยให้ความสุข คงไม่มีเศรษฐีร้องไห้ ถ้าความสวยให้ความสุข คงไม่มีคนหน้าตาดีฆ่าตัวตาย ถ้าเนื้อคู่ให้ความสุข คงไม่มีคนทุกข์หลังแต่งงาน " แสดงให้เห็นความสุขภายนอกสุขแบบมีเงื่อนไข จะนำมาซึ่งความทุกข์ในปลายทาง วิปัสสนากรรมฐานจะเป็นเครื่องมือให้เรารู้เท่าทันสิ่งมากระทบเพื่อเห็นความสุขที่แท้จริงภายในตน จึงขออนุโมทนาบุญกับคุณหญิงสมปอง วรรณิสสร ในการส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาพระพุทธศาสนาในมิติคันถะธุระและวิปัสสนาธุระให้มั่นคงสืบไป






...........

(หมายเหตุ : ข้อมูลจาก Pramote OD Pantapat พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มจร)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การวิเคราะห์ “มหาวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 14 อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทุติยปัณณาสก์

  การวิเคราะห์ “มหาวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 14 อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พร...