เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 นายณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุ วันนี้ได้ร่วมพิธีเจริญพุทธมนต์และร่วมขบวนพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระธาตุของพระเถระอัครสาวก ประกอบด้วยพระสารีบุตร พระเถระอัครสาวกเบื้องขวา พระมหาโมคคัลลานะ พระเถระอัครสาวกเบื้องซ้าย นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุฯ ขึ้นไปยังมณฑปพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ มาประดิษฐานในประเทศไทยในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
ทั้งนี้จะเปิดเป็นเวลาเพียง 9 วันให้เข้าสักการบูชา ที่ท้องสนามหลวงคือ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. - 3 มี.ค. 2567 หลังจากนั้นจะอัญเชิญไปยัง 3 จังหวัด ประกอบด้วย วันที่ 5 - 8 มี.ค. 2567 ที่หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ วันที่ 10-13 มี.ค. 2567 ที่วัดมหาวนาราม จ.อุบลราชธานี และวันที่ 15-18 มี.ค. 2567 ที่วัดมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ ครับ
ท่านใดที่ปกติสวดมนต์ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะคาถาชินบัญชร และบทสวดต่างๆ ที่กราบนมัสการพระพระพุทธเจ้าและพระพระอรหันตเจ้า ตอนนี้ถึงโอกาสดีแล้วที่มีระยะเวลาอันสั้นที่รัฐบาลไทยได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองไทย เป็นบุญใหญ่หลวงที่จะได้สักการะ โดยปกติจะต้องไปสังเวชนียสถาน แต่ตอนนี้ได้อัญเชิญมาถึงเมืองไทยแล้วครับโอกาสนี้โอกาสดีโอกาสเดียวขอเชิญมาร่วมเอาบุญใหญ่ กับองค์พระสัมมาสมมุติพระพุทธเจ้า ดังคนโบราณท่านว่าเป็นสิ่งที่ควรไปเคารพสักการะ ควรไปแสวงบุญ เพื่อให้เกิดความสังเวชและเกิดพุทธานุสติ อันจักนำมาซึ่งบุญกุศลและความปลาบปลื้มแช่มชื่นใจ ส่งผลดลบันดาลให้ต้นทางสู่สรวงสวรรค์ครับ ใครไม่มาถือว่าพลาดครับ บอกเลยว่า มาแล้ว..ปลื้มครับ…
ทั้งนี้เวลา 17.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงกรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะจากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต 49 ประเทศ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร นายนาเคส สิงห์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย และนายสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 คณะผู้แทนจากสาธารณรัฐอินเดีย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประชาชนเข้าร่วมงาน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า
กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ออกจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครมายังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยมีนายราเชนทร์ วิศวนาถ อัรเลกัร ผู้ว่าการรัฐพิหาร เป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมอบให้แก่นายกรัฐมนตรี ดร. วิเรนทร์ กุมาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและเพิ่มพลังทางสังคม เป็นผู้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร มอบให้แก่รองนายกรัฐมนตรี และนายนาเคส สิงห์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เป็นผู้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระโมคคัลลานะมอบให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนมณฑป โดยมีสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายกถวายพวงมาลัยและจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และมีพิธีเจริญชัยมงคลคาถาตลอดพิธี ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางการเคลื่อนริ้วขบวน พุทธศาสนิกชนได้นั่งแถวรอรับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ พร้อมก้มลงกราบสักการะตลอดเส้นทางเพื่อความเป็นสิริมงคล
“รัฐบาลไทยร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย ดำเนินงานโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ตามโครงการธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุจากมหานทีคงคาสู่ลุ่มน้ำโขง จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนืองในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถึง 19 มีนาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงกรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ อุบลราชธานี และกระบี่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่ศาสนิกชนชาวไทย และประเทศเพื่อนบ้านจะได้ร่วมสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ที่เป็นองค์ดั้งเดิม ที่ค้นพบในสถูปโบราณ เมืองกบิลพัสดุ์ และเมืองสาญจี จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ จะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะบูชา ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม เวลา 09.00-20.00 น. ในส่วนภูมิภาค อัญเชิญไปประดิษฐานในส่วนภูมิภาคใน 3 จังหวัด ให้ประชาชนได้เข้าสักการะบูชา เวลา 09.00-20.00 น.ภาคเหนือ วันที่ 5-8 มีนาคม ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 10-13 มีนาคม ณ วัดมหาวนาราม จ.อุบลราชธานี และภาคใต้ วันที่ 15-18 มีนาคม ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จ.กระบี่ โดยทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น