ทหารกัมพูชา5พันประชิดแดนลาวเตรียมพร้อม ชาวลาววิพากษ์วิจารณ์ถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากเกิดสงคราม
วันที่ 12 ส.ค.2560 ตามที่มีรายงานว่า นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศกัมพูชา กล่าวระหว่างการบรรยายว่า ประเทศลาวจะต้องถอนทหารออกจากชายแดนด้านจังหวัดสตึงแตรงภายในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เนื่องจากมีทหารลาวหลายสิบนายรุกล้ำ ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นแล้วจะส่งทหาระส่งทหารไปขับไล่
ช่วงเช้าของวันนี้ทางกัมพูชาได้เคลื่อนทหารประมาณ 5 พันนายจากตัวจังหวัดสตึงแตรงเข้าประจำการตามแนวชายแดนที่อยู่ตรงกันข้ามกับจังหวัดอัตตะบือ ติดกับจังหว้ดศรีสะเกษของประเทศ ขณะที่ทางประเทศลาวก็ได้มีทหารสังเกตการณ์ 30 นาย
ขณะที่ประชาชนชาวลาวได้ทราบกระแสข่าวดังกล่าวแล้วต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากเกิดสงคราม
โดยเฟซบุ๊ก Support Prime Minister Thongloun Sisoulith ของนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีของประเทศลาว ได้รายงานว่า รัฐบาลทั้งสองประเทศพร้อมติดต่อประสานกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกัน ในขณะที่ฝ่ายลาวเรียกร้องให้ทางกัมพูชาหยุดการก่อสร้างเส้นทางและถมดินเข้ามาในอาณาเขตของลาว ส่วนทางการกัมพูชายื่นคำขาดให้ทางลาวถอนทหารนั้น ฝ่ายลาวยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากฝ่ายลาว ถ้ามีการเคลื่อนไหวใดๆ ทุกฝ่ายที่ปกป้องแผ่นดินลาวจงช่วยรายงานให้เพจพวกเราด้วย เพราะปัญหานี้ได้แก้มาหลายยุคหลายสมัยแล้ว อย่างไรก็ตามทางประเทศลาวได้ยืนอยู่บนความถูกต้องมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามสำนักข่าวแขมร์ไทมส์ (Khmer Times) ได้รายงานเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 ว่า นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สนับสนุนเขื่อนดอนสะโฮงที่กำลังก่อสร้างทางภาคใต้ของลาวห่างจากชายแดนกัมพูชา 2 กิโลเมตร ขณะที่ภาคประชาสังคมพยายามเรียกร้องให้ชะลอการสร้างเขื่อนออกไป สำนักข่าวกัมพูชารายงานว่ามีโพสต์บนเฟสบุคส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่าหลังจากที่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนในระหว่าง การเยือนของประธานสภาแห่งชาติลาวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งกัมพูชาสนับสนุนเขื่อนดอนสะโฮงของลาว และยินดีให้ลาวใช้ถนนและท่าเรือเพื่อขนส่งสินค้าเนื่องจากลาวไม่มีชายแดนติดทะเล
โพสต์ดังกล่าวระบุถึงข้อตกลงและเริ่มการค้าทวิภาคี และระบุว่าประธานสภาแห่งชาติลาวเห็นด้วยที่จะขายไฟฟ้าจากเขื่อนให้แก่กัมพูชาในราคาที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการพัฒนาในพื้นที่ชายแดน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายฮุนเซนได้พบกับผู้นำของลาวและเวียดนาม และได้มีการพูดคุยถึงการพัฒนาในจังหวัดของทั้งสามประเทศที่อยู่ใกล้เขื่อนดอนสะโฮง ซึ่งปัจจุบันยังขาดการพัฒนา
นายสู จันพาล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเปรียรอมเกล ตำบลบาราวัต จังหวัดสตรีงเตรง ให้สัมภาษณ์แขมร์ไทมส์ ว่าเขื่อนดอนสะโฮงกำลังทำลายการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลมาอิรวดี หรือโลมาหัวบาตรแม่น้ำโขงที่กำลังอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ และความสวยงามทางธรรมชาติของแม่น้ำโขง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยังแสดงความวิตกต่อการปนเปื้อนของน้ำที่เกิดจากการระเบิดหินอันเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง และเรียกร้องให้ทั้งสองรัฐบาลทบทวนการสร้างเขื่อน “ผมคิดว่า ถ้าถึงเวลาที่เขื่อนเริ่มผลิตไฟฟ้า พวกเราอาจจะตายก่อนโลมา (ที่เหลืออยู่ไม่กี่ตัว) เพราะว่าโลมาเริ่มที่จะอพยพหนีไปแล้ว เขื่อนดอนสะโฮง มีความสูง 30 เมตร ยาว 7 กิโลเมตร มีกำลังผลิตติดตั้ง 260 เมกะวัตต์ ตามข้อมูลของบริษัทเมกะเฟริสต์ จากการสำรวจของบริษัทชี้ว่าไม่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศท้องถิ่น
กลุ่มผู้คัดค้านกล่าวว่ามีประชาชนชาวกัมพูชากว่า 6 ล้านคนที่พึ่งพิงทรัพยากรปลาจากแม่น้ำโขงจะได้รับผลกระทบอย่างแสนสาหัส และเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักพัฒนาองค์กรเอกชนภูมิภาค กว่า 90 คน ได้พบกับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อพูดคุยถึงข้อกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาบนแม่น้ำโขง
นายชุมอาต นักเคลื่อนไหวเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อม กลุ่มเยาวชนเพื่อการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสังคม กัมพูชา ระบุว่าก่อนหน้านี่นายกรัฐมนตรีฮุนเซน เคยส่งจดหมายประท้วงและเรียกร้องให้รัฐบาลลาวทำการศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน แต่หลังจากที่นายกกลับมาจากการเยือนจีน ก็กลับเปลี่ยนความคิดเพราะว่ารัฐบาลจีนกล่าวว่า อาจจะมาลงทุนการสร้างเขื่อนไฟฟ้าบนแม่น้ำโขง อนึ่ง โครงการเขื่อนดอนสะโฮงได้มีการว่าจ้างให้บริษัทไซโนไฮโดร หรือพาวเวอร์ไชน่า จากประเทศจีน ทำสัญญาดำเนินการก่อสร้าง (EPC)
.....................
(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊กໂທລະໂຄ່ງ THOLAKHONG , ຂ່າວລາວ khaolao )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น