วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561

"อธิการบดีมจร"แนะพระสงฆ์สร้างเครือข่ายแก้ปัญหาสังคมยุคดิจิตอล




"อธิการบดีมจร"แนะพระสงฆ์ต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานผสมผสานวิชาการ ตื่นตัวข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์นำมาเป็นอุปกรณ์สอนธรรม สร้างเครือข่ายแก้ปัญหาสังคมในยุคดิจิตอล



เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2561 ที่ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน อ.เมือง จ.เชียงราย  พระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร. รรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าอาวาสวัดประยูรวงศาวาส เจ้าคณะภาค 2 อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร)  ปาฐกถาเรื่อง "คณะสงฆ์ไทยกับความท้าทายยุคดิจิตอล" กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเป็นส่วนร่วมในการสัมมนาในครั้งนี้ ในยุคปัจจุบันเราตั้งคำถามว่า พระสงฆ์มีบทบาทอะไรในสังคมไทย  บทบาทของพระสงฆ์มี 2 บทบาท คือ คันถะธุระและวิปัสสนาธุระ ในยุคปัจจุบันมีการผสมผสานเข้าด้วยกัน ใครจะเรียนมหาจุฬาฯต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานถึงจะจบ เป็นการผสมผสาน 




"ยุคดิจิตอลเราจะเห็นการทำงานของพระสงฆ์ เราเรียนกรรมฐานแล้วออกไปช่วยสังคม เช่น ปฏิบัติศาสนกิจ บวชเณรภาคฤดูร้อน เราเป็นกรรมฐานที่ผสมผสานในการช่วยเหลือสังคมแก้ทุกข์ในสังคมช่วยแก้ปัญหาสังคม เราเรียกพระพุทธศาสนาเพื่อสังคม พระสงฆ์ต้องไม่ทิ้งสังคม เมื่อเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งเราจะนั่งสมาธิอยู่ได้อย่างไร เราต้องไปช่วยขณะที่เราทำงานเราก็ปฏิบัติไปด้วย ไม่ต้องรอให้บรรลุค่อยออกไปปฏิบัติ ไม่ต้องรอเรียนให้จบค่อยช่วยสังคม เรียกว่า การสงเคราะห์ เราต้องพัฒนาตนเองให้มีความรู้ ให้มีความสงบ พระสงฆ์ต้องไม่เป็นภาระสังคม" พระพรหมบัณฑิต กล่าวและว่า 




ฆราวาสกับบรรพชิตต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน บรรพชิตอนุเคราะห์ด้วยธรรมทาน ฆราวาสอนุเคราะห์ด้วยปัจจัย 4 จึงเป็นสังคหธุระ ด้วยการเอาใจใส่ความทุกข์ของสังคม ถือว่าศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ก็มีการบูรณาการในการเป็นพระพุทธศาสนาเพื่อสังคม โดยเราเดินตามครูบาศรีวิชัยในการพัฒนาสังคม ซึ่งยุคครูบาศรีวิชัยพัฒนาก็เกิดความขัดแย้งกับคณะสงฆ์ส่วนกลางในสมัยนั้นเพราะขาดการสื่อสารระหว่างกัน ไม่เหมือนยุคปัจจุบันมีสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวดเร็ว จะโทษใครก็ไม่ได้ จึงมีคำตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลายเราอนุญาตให้คล้อยตามพระราชา" เราจึงต้องอนุวัติตามกฎหมายแผ่นดิน คณะสงฆ์ปฏิบัติตามจารีตแต่อย่าลืมปฏิบัติตามกฎหมาย พระสงฆ์จะต้องรู้กฎหมาย เราสามารถศึกษาได้ 





เพราะเป็นยุคข้อมูลข่าวสารมีลักษณะ 3 ประการ คือ"รวดเร็ว" ใครไม่รู้จักออเจ้าคืออะไร พระสงฆ์ต้องทราบเพื่อเป็นอุปกรณ์ "ไร้พรมแดน" ไม่มีขีดจำกัด "เครือข่าย" เดี๋ยวออกสื่อออนไลน์กระจายอย่างรวดเร็ว เราขยายเป็นเรื่องบวกเรื่องลบได้เร็วมาก เราจะใช้ประโยชน์อย่างไร มีสร้างสรรค์และทำลาย เราจะต้องตื่นตัวในเรื่องนี้ เราต้องนำดิจิตอลมาเป็นเครื่องมือใช้ในการสอนคุณธรรมให้คนในสังคม ปัจจุบันมีชุปเปอร์ไฮเวย์ข่าวสารโดยไม่มีกฏจราจร 




พระสงฆ์จะต้องเตือนสติสังคม ปัจจุบันข้อมูลข่าวสารชนกันเพราะเราไม่ได้คุยกันเรื่องจริยธรรมยุคดิจิตอล ปัจจุบันเราเป็นสังคมก้มหน้าจะหาทางสายกลางอย่างไร เราจะบริโภคข้อมูลข่าวสารอย่างไรให้เกิดมัชฌิมา เรามีการทำร้ายกันในยุคดิจิตอล ด้วยการใช้ข้อมูลเท็จ ในตะวันตกมี "วันหยุดทำร้ายรังแกหยุดว่าร้ายกันในยุคดิจิตอล" มีเทคโนโลยีสูงแต่ขาดจริยธรรม ทรัพย์สินทางปัญญาในยุคดิจิตอลระวังการไปลอกข้อมูล ในปัจจุบันระวังเรื่องการลอกวิทยานิพนธ์ 

พันธกิจของพระพุทธเจ้า 4 ประการ 1) ศึกษาธรรม เราสามารถใช้นำดิจิตอลมาใช้เพื่อการศึกษา ในยุคดิจิตอลเรียนรู้ได้หมด การเรียนควรเรียนทั้งชั้นต้น ชั้นกลาง ขั้นสูง เรียนอาจจะไม่ได้ใช้ตอนนี้แต่เรียนไว้สักวันต้องได้ใช้ เป็นคันถธุระ ที่ไร่เชิญตะวันมีการเรียนชาวนาแบบออนไลน์  2)ปฏิบัติธรรม 3)เผยแผ่ธรรม 4)ปกป้องธรรม เราต้องเอาจุดเด่นของดิจิตอลมาใช้ คือ การสร้างเครือข่าย เราอย่าทำงานคนเดียว เราต้องสร้างเครือข่ายในการศึกษา ปกครอง เผยแผ่ เราต้องจับมือกับชุมชน เอาญาติโยมที่ทำเป็นมาช่วยพระพุทธศาสนา เครือข่ายจะขยายกันไปเอง เราต้องทำงานแบบเชื่อมโยง สิ่งที่เราเผยแผ่นำไปไว้ในออนไลน์ 

ปัจจุบันจะต้องมีการเชื่อมโยงกัน ที่วัดประยุรวงศาวาสมีการจัดงานลอยกระทง มีเครือข่ายเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะมีการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 4 วัด คือ วัดโพธิ์ วัดอรุณ วัดประยูร วัดกัลยา และอาศัยชุมชน 6 ชุมชน เรียกว่า 3 ศาสนา 4 ความเชื่อ ชุมชนมีส่วนร่วม คืนกำไรให้คนในชุมชน มีการประกวดอาหาร 3 ศาสนา เราจะทำงานในยุคดิจิตอลต้องสร้างเครือข่าย และบริหารวัดให้เป็นแบบธรรมาภิบาล เป็นระบบการบริหารจากสหประชาชาติ เราต้องบริหารวัดแบบธรรมาภิบาลในยุคดิจิตอล 

"ดังนั้น เราต้องใช้ดิจิตอลในการศึกษา ในการปกครอง ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เราต้องจัดการความรู้สู่รุ่นหลังหรือ กระบวนการของ KM เป็นการจัดการความรู้ สิ่งสำคัญต้องมีสติและโยนิโสมนสิการ" อธิการบดี มจร กล่าวในที่สุด

................


(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Pramote OD Pantapat พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท  นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา  มจร)


1 ความคิดเห็น:

วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์

  วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์ บทนำ “จาล...