เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เผยถึงความคืบหน้าในการเสนอให้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย แก้ไขประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า (รมว.กษ.) ทราบถึงผลกระทบที่เกษตรกรจะได้รับจากการประกาศใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าว ที่ได้กำหนดอัตราขั้นต่ำของการปลูกต้นยางพารา จำนวน 80 ต้น/ไร่ จึงจะเป็นการใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม โดยเสียภาษีไม่เกินร้อยละ 0.15 ของฐานภาษี จึงเร่งเสนอปรับหลักเกณฑ์ โดยเมื่อวันที่24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ร้อยเอกธรรมนัส ได้ลงนามหนังสือถึง รมว. การคลัง และ รมว. มหาดไทย เพื่อขอให้พิจารณาปรับอัตราขั้นต่ำต้นยางเป็น 25 ต้น/ไร่ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราการจัดเก็บภาษี ตามมาตรา 37 ของ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 เพื่อช่วยบรรเทาภาระด้านภาษีให้กับเกษตรกร และ พ.ร.บ. การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 4 ที่ได้กำหนดนิยามของคำว่าสวนยาง หมายถึง "ที่ดินปลูกต้นยางเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 2 ไร่ แต่ละไร่มีต้นยางปลูกไม่น้อยกว่า 10 ต้น โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าไร่ละ 25 ต้น"
นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้สำรวจปริมาณการผลิตยางพารา พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกยางพาราน้อยกว่า 80 ต้น/ไร่ เนื่องจากหันมาทำเกษตรแบบผสมผสานปลูกพืชอื่นแซมยางมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของ กยท. ที่ได้สนับสนุนให้เกษตรกรทำสวนยางแบบยั่งยืน เพื่อเพิ่มรายได้และยกระดับความเป็นอยู่ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง นอกจากนี้ ปัจจัยที่เกิดจากภัยธรรมชาติอื่นๆ มีผลให้จำนวนต้นยางต่อไร่มีไม่ถึง 80 ต้น ด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงสมควรปรับอัตราต้นยางต่อไร่ให้สอดคล้องกับสภาพจริง เพื่อประโยชน์และความเป็นธรรมต่อเกษตรกร
"กระทรวงเกษตรฯ และ กยท. เข้าใจถึงผลกระทบที่เกษตรกรจะได้รับ พร้อมเร่งเข้าประสานและเสนอแนวทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรเป็นสำคัญ และคำนึงถึงความเป็นธรรมที่ควรได้รับ" ผู้ว่าการ กยท. กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น