วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2561

พบนิสิต"มจร"ภาคเหนือช่วยเก็บขยะชุมชน



เปิดประชุมสรุปผลการปฏิบัติงาน 1 ปี ก่อนรับปริญญา ของนิสิตปฏิบัติศาสนกิจ "มจร" รุ่นที่ 63  ภาคเหนือ 326 รูป  พบปฏิบัติงานจาอยอดกับแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ได้ดี ร่วมสร้างพุทธศาสน์ ดำรงศีลธรรม นำสังคมสันติสุขอย่างยั่งยืน 

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2561 ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตพะเยา จังหวัดพะเยา พระราชวรมุนี,ดร. (พล อาภากโร) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต  มจร และรองเจ้าคณะภาค 6 เป็นประธานเปิดการสัมมนานิสิตปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่ 63 ประจำภาคเหนือ เพื่อสรุปผลการปฏิบัติศาสนกิจออกปฏิบัติงาน 1 ปีในเพศบรรพชิตเพื่อสนองงานคณะสงฆ์ และช่วยพัฒนาชุมชนสังคม 


ในการนี้พระราชวรมุนีได้บรรยายพิเศษ  เรื่อง "การปฏิบัติศาสนกิจกับการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา"  ความว่า  ลูกศิษย์ มจร เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วผลผลิตของมหาวิทยาลัยต้อง"วิชายอด จรณะเยี่ยม" โดยเฉพาะนวลักษณ์ 9 ประการของมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องจำและนำไปปฏิบัติเป็นแบบอย่างได้ คือ (1) ปฏิปทาน่าเลื่อมใส 
(2) ใฝ่รู้ใฝ่คิด  (3) เป็นผู้นำด้านจิตและปัญญา  (4) มีทักษะด้านภาษา  (5) มีศรัทธาอุทิศตน  (6) รู้จักเสียสละ  (7) รู้เท่าทันสังคม  (8) สั่งสมโลกทัศน์  (9) พัฒนานวัตกรรมเชิงพุทธ 

"ขอให้ท่านได้ภาคภูมิใจสมกับที่ตั้งใจพากเพียรศึกษากันมาจนสำเร็จการศึกษา เป็นบัณฑิต มจร ผมประสงค์ให้ท่านทั้งหลายเป็นไปตามนวลักษณ์อย่างน้อยเน้นการรู้เท่าทันสังคม สร้างนวัตกรรม และมี(1) ความคิดสร้างสรรค์ (2)มุ่งมั่นพยายาม (3) ไม่ห้ามความล้มเหลว (ไม่กลัว) เพราะเราไม่เคยล้มเหลว เพียงแต่ค้นพบวิธีหนึ่งร้อยพันวิธีที่ยังไม่ได้ผล ท่านจบแล้วสำเร็จการศึกษาแล้ว  เป็นสินค้าที่ดีจริงหรือไม่ ต้องเหมือนก๋วยเตี๋ยวอะร่อยถึงอยู่ท้ายซอยคนก็ไปกิน  บัณฑิตเราเมื่อเขาแต่งตั้งให้เป็นอะไรทำงานก็มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นที่สบายใจของเจ้านาย และเจ้าคณะปกครองของคณะสงฆ์" พระราชวรมุนี กล่าวและว่า


ส่วนการทำงานต่อยอดกับแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา การมีแผนทำให้เราทำงานเป็นระบบ เป็นระเบียบ มีต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทำงานให้ทะลุซอย พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ บุคลากรต้องมีคุณภาพ มีศักยภาพ พระพุทธศาสนาจึงมั่นคง ประเทศไทยเราเป็นรัฐกึ่งศาสนา(Semi Religious State) คณะสงฆ์ไทยอยู่ภายใต้มีพระธรรม-วินัย กฏหมายสงฆ์ กฏหมายบ้านเมือง และจารีตองค์กรสงฆ์เป็นกรอบในการปฏิบัติ 

"ในปีการศึกษา 2559 รุ่นที่ 62 เป็นต้นมา ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิบัติศาสนกิจ ได้กำหนดให้นิสิตปฏิบัติศาสนกิจปฏิบัติงานในรูปแบบของโครงการการปฏิบัติศาสนกิจเพื่อสนองงานคณะสงฆ์ 6 ด้านคือ (1) งานปกครอง(2) งานเผยแผ่ (3) งานศาสนศึกษา (4)ศึกษาสงเคราะห์ (5)งานสาธารณูปการ (6)สาธารณะสงเคราะห์ โดยที่โครงการจะต้องมีวัตถุประสงค์ วิธีการดำเนินการ การประเมินผลที่ชัดเจน เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น  ในครั้งนี้ ท่านทั้งหลายได้สรุปบทเรียนการปฏิบัติศาสนกิจ และการเชื่อมโยงการปฏิบัติศาสนกิจกับการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา มีประเด็นสำคัญที่อยากฝากให้ทุกท่านได้ตระหนักและให้ความสำคัญ คือ (1) คุณภาพของบัณฑิต ซึ่งเป็นผลผลิตของ มจร (นวลักษณ์) (2)ศักยภาพการทำงานในโลกสมัยใหม่ (3) การทำงานอย่างมียุทธศาสตร์ (แผนงาน โครงการ) และ (4) การปฏิบัติศาสนกิจที่เชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา" พระราชวรมุนี กล่าว



พระราชปริยัติ,ดร. รองอธิการบดีวิทยาเขตพะเยา และเจ้าคณะจังหวัดพะเยา กล่าวรายงานว่า การปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่ 63 ประจำภาคเหนือ ปีการศึกษา 2560 นี้ มีนิสิตปฏิบัติศาสนกิจที่ผ่านการปฏิบัติศาสนกิจตามข้อบังคับฯและนโยบายของมหาวิทยาลัยและต้องเข้าร่วมการสัมมนานิสิตปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่ 63 ประจำภาคเหนือ จำนวนทั้งสิ้น 326 รูป ในการสัมมนานิสิตปฏิบัติศาสนกิจรายภาค มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นิสิตปฏิบัติศาสนกิจได้มีเวทีในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิบัติงาน ศึกษาสภาพปัญหา อุปสรรคและแนวทางในการปฏิบัติศึกษา และเพื่อพัฒนาปรับปรุงระบบกลไกการปฏิบัติศาสนกิจในอนาคต การสัมมนาดังกล่าวนี้มีกำหนดจัดงาน 2 วัน คือ วันที่8-9มี.ค.2561 นี้

พระมหาถวิล กลฺยาณธมฺโม ผู้อำนวยการสำนักทะเบียนและวัดผลกล่าวว่า ในการนำเสนอโครงการต้นแบบของนิสิตปฏิบัติศาสนกิจ รุ่นที่ 63 ภาคเหนือ พบว่า บัณฑิต มจร ภาคเหนือ มีโครงการเด่น ๆที่เป็นต้นแบบ จำนวน 12โครงการ คือ (1) โครงการพัฒนาระบบการจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมในชุมชนบ้านบวกโป่ง ตำบลน้ำชำ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ (2) โครงการพัฒนาศักยภาพเยาวชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านม่วงคำ จังหวัดแพร่ (3) โครงการวิถีพุทธอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ บ้านแม่ส้าน ชุมชนชาวเขาเผ่าปกากะยอ แม่เมาะ ลำปาง (4) โครงการจัดการขยะอย่างยั่งยืนโดยชุมชนบ้านเหล่าสะอาด (5) โครงการส่งเสริมสุขภาพพระภิกษุ-สามเณรในเขตพื้นที่ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง เชียงราย (6) โครงการเสริมสร้างสุขภาพทางกายของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่2 จังหวัดลำพูน (7) โครงการชุมชนสุขภาวะ-บ้านป่าแป๋ ตำบลป่าพลู อำเภอบ้านโฮ่ง ลำพูน (8) โครงการปลูกป่าด้วยต้นโพธิ์ และไม้มงคล (9) โครงการวัดสะอาดด้วยมือเรา (10) โครงการรัฐศาสตร์อาสาพัฒนาโรงเรียนด้วยค่ายสุขภาวะและค่ายคุณธรรมโรงเรียนบ้านข่อยมิตรภาพที่110 สาขาแม่งาว ลำปาง (11) โครงการรูปแบบการลดพุง ลดโรค ปรับสมดุลเพื่อสุขภาพพระภิกษุ-สามเณร วิทยาลัยสงฆ์เชียงราย (12) โครงการ"ศีล ทาน ภาวนาเพื่อการพัฒนา จิตใจที่ยั่งยืนและเพิ่มพื้นที่ปลอดอบายมุข"

หลังจากนั้นได้มีการประชุมกลุ่ม 6 กลุ่ม คือ (1)บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับงานปกครอง (2) บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับงานเผยแผ่ (3) บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับงานศาสนศึกษา (4) บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับศึกษาสงเคราะห์ (5) บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับงานสาธารณูปการ (6) บทบาทพุทธศาสตรบัณฑิตกับสาธารณะสงเคราะห์

การประชุมกลุ่มย่อยมีผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กิจการนิสิตส่วนภูมิภาค ประจำภาคเหนือ ร่วมเป็นวิทยากรประจำกลุ่มเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้ร่วมกัน 2 ประการ คือ (1)สิ่งที่อยากพัฒนาสำหรับการปฏิบัติศาสนกิจของนิสิตในอนาคต 5 ประเด็นสำคัญ ทั้งการสนับสนุนตามแผนการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา (6+1)  การสนับสนุนเครือข่าย และการพัฒนาศักยภาพนิสิตปฏิบัติ การสนับสนุนเชิงวิชาการ/การวิจัย การขยายผลและความยั่งยืน และอื่นๆ (2) สิ่งที่อยากให้ปรับปรุง แก้ไข จากการปฏิบัติศาสนกิจ

จากการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้มีการยกระดับการปฏิบัติศาสนกิจ 4 ประเด็น ดังนี้  (1) มีการขับเคลื่อนโครงการปฏิบัติศาสนกิจต้นแบบ  (2) มีการขับเคลื่อนในระดับนโยบายว่าด้วยการพัฒนาการปฏิบัติศาสนกิจ (3) มีการพัฒนาสื่อและชุดความรู้โครงการ  (4) มีเครือข่ายความร่วมมือในการทำงาน

พระมหาราชัน จิตฺตปาโล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต  กล่าวสรุปว่า การสัมมนานิสิตปฏิบัติศาสนกิจในครั้งนี้นิสิตมีโอกาสในการทำงานร่วมกับพระสงฆ์นักพัฒนาและองค์กรภาคีเครือข่าย ส่งผลให้นิสิตได้รับประสบการณ์การทำงานที่หลากหลายเป็นประโยชน์กับพระพุทธศาสนาและสังคม การที่สังคมโลกปัจจุบันเต็มไปด้วยปัญหานานัปประการ ต้องการองค์ความรู้รอบด้านเพื่อนำมาจัดการกับปัญหาและพัฒนาสังคมโลก รวมทั้งองค์ความรู้พุทธธรรม ที่ยิ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ในการนำมาบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อพัฒนาการปฏิบัติศาสนกิจ ของ มจร ในอนาคต การที่นิสิตได้เห็นแนวทางในการทำงาน หลายท่านมีกำลังใจ  ยืนยันพร้อมทำงานต่อยอดบูรณาการงานตามแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บุคคลไม่ควรคบยามสูงวัย

การแยกแยะบุคคลที่ควรคบในวัยสูงอายุเป็นสิ่งสำคัญในบริบทพุทธสันติวิธี เพื่อเสริมสร้างความสงบสุขภายในและการใช้ชีวิตที่สมดุล การปฏิบัติตามหลักธร...