รองนายกฯ สมศักดิ์ พบหารือ ประธานใหญ่องค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม (ICYF-YOUTH) ผลักดันศักยภาพและมีส่วนร่วมของเยาวชน เสริมสร้างความร่วมมือที่สร้างสรรค์ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม
วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2566) เวลา 09.00 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายตาฮา อัยฮาน (Mr. Taha Ayhan) ประธานองค์การความร่วมมือเยาวชนโลกอิสลาม (Islamic Cooperation Youth Forum : ICYF-YOUTH) พร้อมคณะสมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม (ส.น.ท.) และสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย (ยมท.) เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้ให้การต้อนรับประธานองค์กรเยาวชนความร่วมมืออิสลาม รวมทั้งผู้แทนจากสมาคมนิสิต นักศึกษาไทยมุสลิม และสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย ได้พบเยาวชนชาวอิสลาม ซึ่งถือเป็นคนหนุ่มสาวที่มีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อสังคม ทำหน้าที่ประสานให้เกิดความรู้ความเข้าใจในสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายของไทยได้เป็นอย่างดี และยินดีที่ได้เห็นความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างองค์กรเยาวชนความร่วมมืออิสลามกับเยาวชนมุสลิมในไทย ช่วยสร้างเครือข่ายระหว่าง ผู้นำเยาวชนจากประเทศต่าง ๆ ให้ได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเทศไทย โดยเฉพาะในประเด็นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พร้อมหวังว่า ความร่วมมือในวันนี้จะสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ความร่วมมือในระดับที่สูงขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเชื่อมั่นว่าการมีส่วนร่วมของเยาวชนจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาสังคม ประเทศชาติ และประชาคมโลก
ประธาน ICYF-YOUTH ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสหารือในวันนี้ โดยทางองค์การได้สร้างพื้นที่ให้กับเยาวชนในการสร้างสันติภาพ ผ่านการจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ภายใต้การทำงานขององค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ซึ่งพร้อมที่จะเดินหน้าแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน และเป็นสะพานเชื่อมโยงเยาวชนมุสลิมไทยและเยาวชนมุสลิมโลกด้วย พร้อมชื่นชมบทบาทของประเทศไทย ทั้งการเป็นผู้สังเกตการณ์ OIC และความตั้งใจของเยาวชนไทย โดยเชื่อมั่นว่า ไทยมีศักยภาพที่จะร่วมในเวทีโลกของมุสลิมและหวังว่าจะได้เห็นบทบาทของนักศึกษาไทยชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นในเวทีโลกด้วย
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้
ด้านบทบาทของไทยใน OIC รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับการมีความร่วมมือที่สร้างสรรค์กับ OIC มาโดยตลอด โดยในด้านการเมือง ทั้งสองฝ่ายใกล้ชิดกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเลขาธิการ OIC คนปัจจุบันได้มีโอกาสเยือนประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา และเห็นชอบร่วมกันที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาให้มีผลเป็นรูปธรรม ขณะที่ประธาน ICYF-YOUTH กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพอย่างมากที่จะร่วมเวทีของ OIC โดยเฉพาะในด้านการมีส่วนร่วมของเยาวชน ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีกำหนดการรวมตัวของเยาวชนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย ICYF-YOUTH และ ส.น.ท. ได้ร่วมกันจัด “โครงการสายใย สัมพันธ์สมดุลกลุ่มประเทศมุสลิมชนกลุ่มน้อยแห่งภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ซึ่งเมื่อจบโครงการจะนำผลไปรายงานยัง OIC ด้วย
ด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาร่วมกันต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการศึกษา โดยรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หน่วยงานของไทย เช่น ศอ.บต. มีทุนการศึกษาที่ให้แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนใต้มาอย่างยาวนาน ซึ่งการให้การศึกษาจะเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อให้เยาวชนเกิดความรู้ มีงานทำ เกิดความเท่าเทียม และสามารถสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นได้
ด้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับประชาชนทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ตามแนวทางพระราชดำริ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” จึงเชื่อมั่นว่าการมี ICYF-YOUTH จะวางพื้นฐานความเข้าใจและการพัฒนาร่วมกันได้อย่างดียิ่ง ซึ่งประธาน ICYF-YOUTH เห็นพ้องกับแนวทางพระราชดำริดังกล่าว ถือเป็นหลักปรัชญาที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างดียิ่ง โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาเชิงสันติภาพเเละสันติสุข
ในช่วงท้าย รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมส่งเสริมและให้การสนับสนุนองค์การฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เยาวชนได้เข้าถึงความเป็นสากลของมุสลิม เพื่อช่วยประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ความรู้ความเข้าใจในสังคมพหุวัฒนธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น