วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568

AI+ กับยุทธศาสตร์แห่งคณะสงฆ์ไทย


 บทนำ

การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกภาคส่วนของสังคมโลก ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา และศาสนา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการประกาศ ยุทธศาสตร์ AI+ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มุ่งบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เข้ากับทุกภาคส่วน ตั้งเป้าให้เศรษฐกิจและสังคมจีนผูกพันกับ AI อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2035 การเคลื่อนไหวนี้มิใช่เพียงนโยบายเชิงเทคโนโลยี แต่เป็นยุทธศาสตร์ชาติที่สะท้อนความพยายามสร้าง “สังคมใหม่” ภายใต้โครงสร้างดิจิทัล

ในอีกฟากหนึ่งของภูมิภาค ประเทศไทย ก็ได้ปรับยุทธศาสตร์เชิงศาสนา ผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาสมรรถนะพระธรรมวิทยากรของกรมการศาสนา ซึ่งเป็นการพัฒนา “ทุนมนุษย์ทางศาสนา” ให้สามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาในรูปแบบใหม่ที่สอดรับกับโลกดิจิทัล กิจกรรมอบรมที่จัดขึ้น ณ วัดบรมสถล กรุงเทพมหานคร มีการเน้นการใช้ นวัตกรรมสื่อสร้างสรรค์ การทำคอนเทนต์ออนไลน์ และการรู้เท่าทันดิจิทัลฟุตพรินต์ ซึ่งสะท้อนทิศทางยุทธศาสตร์คณะสงฆ์ไทยที่กำลังเข้าสู่มิติ “ธรรมะดิจิทัล”


AI+ : บทเรียนจากจีน

ยุทธศาสตร์ AI+ ของจีนมีสาระสำคัญคือการบูรณาการ AI กับทุกภาคส่วน ได้แก่

  1. เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม – ใช้ AI เป็นกลไกเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่ม

  2. สังคมและการบริหารรัฐกิจ – ใช้ AI ในระบบบริการสาธารณะและการจัดการข้อมูล

  3. การศึกษาและวัฒนธรรม – พัฒนาเครื่องมือการเรียนรู้และเนื้อหาสารสนเทศให้เข้าถึงง่าย

การกำหนดระยะเวลาอย่างชัดเจน (ปี 2027, 2030 และ 2035) ทำให้การเปลี่ยนผ่านมีเป้าหมายที่วัดผลได้ อีกทั้งยังมีมาตรการกำกับดูแลผลกระทบ เช่น ความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีและผลกระทบต่อแรงงาน


ยุทธศาสตร์คณะสงฆ์ไทย : จากธรรมะสู่ธรรมะดิจิทัล

หากเปรียบเทียบกับจีน แม้ไทยจะไม่ได้มียุทธศาสตร์ระดับชาติที่มุ่งหมาย AI โดยตรง แต่กรมการศาสนากำลังดำเนินการในแนวทางที่สอดคล้องกับ “Digital Transformation” ผ่านการเสริมศักยภาพพระธรรมวิทยากร ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือ

  • การพัฒนาทักษะดิจิทัลของพระสงฆ์ เช่น การสร้างคอนเทนต์ธรรมะออนไลน์ การถ่ายภาพ และการใช้เทคนิคสื่อสร้างสรรค์

  • การประยุกต์หลักพุทธจิตวิทยา เพื่อตอบโจทย์สังคมร่วมสมัย เช่น การรับมือกับภาวะซึมเศร้า และการใช้ธรรมะในการเสริมสร้างสุขภาวะจิต

  • การเป็นเครือข่ายขับเคลื่อนคุณธรรมในสังคม โดยเจาะกลุ่มเด็ก เยาวชน และประชาชน ผ่านโครงการหลากหลาย เช่น ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ และเครือข่าย “ธรรมะอารมณ์ดี”

กล่าวได้ว่า ยุทธศาสตร์คณะสงฆ์ไทยกำลังเคลื่อนจาก “การสอนธรรมะในวัด” สู่ “การเผยแผ่ธรรมะในโลกดิจิทัล”


การบูรณาการ AI กับยุทธศาสตร์คณะสงฆ์ไทย

เมื่อพิจารณาจากกรอบ AI+ ของจีน สามารถเสนอแนวคิดต่อการพัฒนายุทธศาสตร์คณะสงฆ์ไทยได้ดังนี้:

  1. AI+ การศึกษา – พัฒนาแพลตฟอร์ม AI เพื่อช่วยพระธรรมวิทยากรออกแบบบทเรียนธรรมะที่ปรับตามผู้เรียน (personalized learning)

  2. AI+ สังคม – ใช้ AI วิเคราะห์ปัญหาสังคม เช่น พฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชน ภาวะซึมเศร้า หรือการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อออกแบบกิจกรรมธรรมะเชิงป้องกัน

  3. AI+ สื่อธรรมะ – นำ Generative AI มาช่วยสร้างสื่อธรรมะหลายภาษา ภาพ เสียง และวิดีโอ เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ทั้งในและต่างประเทศ

  4. AI+ ธรรมาภิบาลคณะสงฆ์ – ใช้ระบบ AI บริหารจัดการข้อมูลวัด พระสงฆ์ และกิจกรรมทางศาสนาอย่างเป็นระบบ เพื่อความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ


บทสรุป

แม้การพัฒนายุทธศาสตร์คณะสงฆ์ไทยจะต่างจาก AI+ ของจีน ในเชิงขนาดและเป้าหมาย แต่สิ่งที่มีร่วมกันคือการ ปรับตัวต่อโลกดิจิทัล เพื่อคงบทบาทในสังคมยุคใหม่ หากคณะสงฆ์ไทยสามารถบูรณาการ AI เข้ากับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างเหมาะสม จะไม่เพียงช่วยให้ธรรมะเข้าถึงคนรุ่นใหม่ แต่ยังสามารถยกระดับพุทธศาสนาไทยสู่การเป็น “Soft Power ทางจิตวิญญาณ” ที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นายกฯลาวดวงตาเห็นธรรมพุทธ หวังเสริมแกร่งเป็นฐานพัฒนาประเทศ

บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์: นายกรัฐมนตรีลาวกับข้อเรียกร้องให้พระพุทธศาสนามีบทบาทที่แข็งแกร่งในกระบวนการพัฒนาประเทศ: พลวัตใหม่แห่งรัฐสังคมนิยม...