เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 หลังจากเปิดประชุมร่วมรัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 และได้รับเสียงรับรอง 302 เสียง ขณะที่ไม่มีผู้เสนอชื่อบุคคลอื่นขึ้นมาแข่งชิงตำแหน่ง จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้เปิดให้ ส.ส.-ส.ว.ได้อภิปรายคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เป็นคนแรกที่อภิปรายคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยจุดยืนของพรรค คือไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
จากนั้นนายประพันธ์ คูณมี ส.ว. ได้อภิปรายไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านการเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นการเสนอชื่อบุคคลที่ขาดคุณสมบัติขัดต่อกฎหมาย และมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในสื่อ บมจ.ไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น ที่อาจมีคนแย้งว่าขณะนี้ยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สุดจะถือว่ามีปัญหาเรื่องคุณสมบัติไม่ได้นั้น ตนเห็นว่าปัญหานี้ไม่จำเป็นต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะก่อนจะสมัครส.ส. ต้องตรวจสอบตัวเองแล้วว่ามีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีนี้เป็นปัญหาสำคัญที่สภาต้องพิจารณาให้ละเอียดถ่องแท้ว่าการเสนอบุคคลดังกล่าวชอบหรือไม่
ขณะที่นายพิธา ลุกขึ้นชี้แจงเรื่องคุณสมบัติผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันกับสมาชิกทั้ง 750 คน ว่า ยังมีคุณสมบัติสมบูรณ์ทุกประการและมีความชอบธรรม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนเรื่องข้อกล่าวจาก กกต. และยังไม่มีโอกาสชี้แจงแม้แต่ครั้งเดียว และการยื่นคุณสมบัติของตนเองผ่านองค์กรอิสระต่างๆ ดำเนินการด้วยความรัดกุมมาตลอดทุกครั้งตั้งแต่เป็น ส.ส.สมัยแรก เพราะยอมรับการตรวจสอบ และดีกว่าบางคนที่ไม่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นกกต.หรือปปช.ก็ตาม
@siampongnews [ส่งฟรี] ข้าวหอมมะลิตรา #หงษ์ทอง ♬ One Side - Iyanya
นายพิธา กล่าวต่อว่า คุณสมบัตินายกรัฐมนตรีที่ดีต้องมีความอดทนอดกลั้น รับฟังข้อกล่าวหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่
นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา วาระการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยย้ำว่า ต้องลงมติให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยปกติของรัฐสภา เพราะได้เสียงข้างมากในสภาฯ 312 เสียง
ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯเหตุมีคุณสมบัติครบ และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย สมาชิกที่ผ่านการเลือกตั้งทุกคนถือว่าเป็นประชาธิปไตยทั้งนั้น และการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีพรรคใดได้จำนวนส.ส.เกือบครึ่ง แต่ว่าผลพรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่งและพรรคเพื่อไทยได้เป็นอันดับสองที่มีจำนวนส.ส.ใกล้เคียงกันเหมือนไก่กับไข่ และเหมือนเป็นข้าวต้มมัดที่มีประชาชนเป็นตอกมัดทั้งสองพรรคให้อยู่ร่วมกัน จึงได้จับมือกันตั้งรัฐบาลและสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น