วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา จัดเสวนาวิชาการเรื่อง "ยุคเอไอได้มาถึงแล้ว ประเทศไทยพร้อมรับมือไหม?"



วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา ได้จัดเสวนาวิชาการเรื่อง "ยุคเอไอได้มาถึงแล้ว ประเทศไทยพร้อมรับมือไหม?" ขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 801 อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ได้แก่  ศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  ศาสตราจารย์ ดร. ธนารักษ์ ธีระมั่นคง ภาคีสมาชิก สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา  ดร. ศุภฤกษ์ ลี้ภัย หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ดร. อริสรา สุขเกษม นักวิจัยอาวุโส สถาบันวิจัยเทคโนโลยีและนโยบายเศรษฐกิจ (TDRI) ดร. ชัยวัฒน์ วงศ์กิตติยานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันการเข้ามาของ ChatGPT ซึ่งเป็นหุ่นยนต์แช็ตบ็อต (Al Chatbot) ที่สามารถพูดคุยกับมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เทคโนโลยี AI ไม่เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป และเป็นครั้งแรกที่มนุษย์นำเทคโนโลยี AI จากห้องปฏิบัติการมาใช้ในชีวิตประจำวัน หลายประเทศในเอเชีย เช่น จีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และญี่ปุ่น เป็นประเทศระดับแนวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีสมรรถภาพและความพร้อมในการเผชิญกับพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกยุค AI สำหรับประเทศไทย ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนของสังคมต้องหันมาให้ความสนใจกับการกำหนดหา "ที่ยืนของประเทศไทยในโลกแห่งอนาคต" โดยในช่วงรอยต่อที่สำคัญหลายปีต่อจากนี้ ประเทศไทยจะต้องเร่งปูพรมพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ เพื่อให้ประชากรไทยมี Al Literacy อีกทั้งต้องปลูกฝังระบบนิเวศการศึกษาและการวิจัยด้านเทคโนโลยี AI

จากงานเสวนาวิชาการในโครงการปาฐกถาราชบัณฑิตสัญจร สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา เรื่อง "ยุคเอไอได้มาถึงแล้ว ประเทศไทยพร้อมรับมือไหม?" (Arrival of AI Era: Is Thailand Ready?) ซี่งจัดโดย ราชบัณฑิตยสภา ร่วมกับสถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ศ.เกียรติคุณ นพ.สุรพล อิสรไกรศีล นายกราชบัณฑิตยสภา เป็นประธานกล่าวเปิดงาน เพื่อระดมสมองผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้าใจในบทบาทของปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเตรียมพัฒนาหลักสูตรในอนาคต รวมทั้งให้ผู้กำหนดนโยบายระดับประเทศใช้ในการวางแผนเชิงกลยุทธ์สำหรับการสร้างประชากรที่มีสมรรถนะด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ตลอดจนเตรียมความพร้อมรับผลกระทบของเทคโนโลยี AI ต่อตลอดแรงงานในอนาคต

ศ.กิตติคุณ ดร.วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย รักษาการผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมบูรณาการ จุฬาฯ ราชบัณฑิต กล่าวถึงการที่ประเทศไทยต้องสร้างความพร้อมในการรับมือกับ AI ว่า เนื่องจากเรากำลังเข้าสู่โลกยุค AI การนำ AI มาใช้งานนั้นเป็นประโยชน์มหาศาล และมีบทบาทต่อทุกกลุ่มวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการคำนวณ ด้านเทคโนโลยี ด้านภาษา ศิลปะ ฯลฯ ในขณะเดียวกัน AI ก็อาจมีโทษและมีข้อควรระวังในการใช้งานด้วยเช่นกัน ดังนั้นการพัฒนา AI และพัฒนาคนให้รู้เรื่อง AI และห้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นโจทย์สำคัญของประเทศไทย เพราะ AI จะอยู่กับเราตลอดไป หากเราไม่มีการพัฒนาคนให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ AI เราจะตามต่างประเทศไม่ทัน ยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนา AI และปลูกฝังเรื่อง AI แก่ประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเริ่มดำเนินการตั้งแต่เวลานี้

ศ.กิตติคุณ ดร.วรศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า AI เป็นหนึ่งในสามสมรรถนะที่เยาวชนจะต้องเรียนรู้นอกเหนือจากสมรรถนะทางด้านภาษาและการคำนวณ ประเทศไทยจึงควรเตรียมความพร้อมให้แก่ประชาชนในเรื่องนี้ รวมถึงการแทรกเรื่อง AI เข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอน ในอนาคตหาก AI เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมและการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ AI จะสามารถสร้างงานได้อย่างมหาศาลโดยไม่ต้องใช้แรงงานคน หากเราไม่มีการเตรียมคนให้มีความรู้เรื่อง AI ในอนาคตอาจทำให้คนตกงานได้

ทั้งนี้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือ เทคโนโลยีที่ช่วยให้เครื่องจักรสามารถคิด เรียนรู้ และทำงานได้เหมือนมนุษย์ โดยอาศัยหลักการทางวิทยาการคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ AI ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ การเงิน อุตสาหกรรม การขนส่ง การศึกษา และอีกมากมาย

ประเทศไทย เป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI โดยรัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้าน AI ของอาเซียนภายในปี 2573 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการลงทุนและส่งเสริมการพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (NIA) การพัฒนาหลักสูตรและโครงการฝึกอบรมด้าน AI และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

ความพร้อมของประเทศไทยในการรับมือกับยุค AI ประเทศไทยมีความพร้อมหลายด้านในการรับมือกับยุค AI เช่น ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ความพร้อมด้านบุคลากร และความพร้อมด้านนโยบาย อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายด้านที่ประเทศไทยยังต้องพัฒนา เช่น ความพร้อมด้านกฎหมายและกฎระเบียบ ความพร้อมด้านจริยธรรม และความพร้อมด้านความปลอดภัย

การเสวนาวิชาการเรื่อง "ยุคเอไอได้มาถึงแล้ว ประเทศไทยพร้อมรับมือไหม?" เป็นการถกเถียงถึงความพร้อมของประเทศไทยในการรับมือกับยุค AI โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา เช่น คณาจารย์จากสถาบันการศึกษา ผู้บริหารจากภาคธุรกิจ และนักวิชาการจากภาครัฐ การเสวนาครั้งนี้ได้ให้ข้อมูลและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา AI ในประเทศไทย ดังนี้

ประเทศไทยควรเร่งพัฒนาบุคลากรด้าน AI โดยเน้นการอบรมทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในยุค AI เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การเรียนรู้ของเครื่อง และวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์

ประเทศไทยควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อพัฒนา AI โดยร่วมกันพัฒนาโครงการและโมเดล AI ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง

ประเทศไทยควรพัฒนากฎหมายและกฎระเบียบสำหรับ AI เพื่อคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของประชาชน

ประเทศไทยควรส่งเสริมจริยธรรมด้าน AI เพื่อไม่ให้ AI ถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง

ประเทศไทยควรพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ

การเสวนาวิชาการเรื่อง "ยุคเอไอได้มาถึงแล้ว ประเทศไทยพร้อมรับมือไหม?" เป็นการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ AI และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันพัฒนา AI เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย


ที่มา: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และChat GPT 

@siampongnews #นวโกวาทแพ็ค ♬ Chill Vibes - Tollan Kim

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์

  วิเคราะห์ ‎“จาลวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์ บทนำ “จาล...