วิเคราะห์ความสมเหตุสมผล “น้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ในรอบ 300 ปี”
(A Scientific Analysis of the Claim: Hatyai’s 300-Year Rainfall Event)**
บทคัดย่อ (Abstract)
เหตุการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 19–21 พฤศจิกายน 2568 ถูกระบุว่าเป็น “ฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี” จากตัวเลขปริมาณฝนสูงสุด 335 มิลลิเมตรภายใน 24 ชั่วโมง และปริมาณฝนสะสมรวม 630 มิลลิเมตรใน 3 วัน บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ความสมเหตุสมผลของคำกล่าวดังกล่าวอย่างเป็นระบบ โดยพิจารณา (1) ปรากฏการณ์อุตุนิยมวิทยา (2) ความถี่เชิงสถิติเหตุการณ์ฝนสุดขั้ว (Extreme Event Return Period) (3) ความสามารถของโครงสร้างป้องกันน้ำท่วม เช่น คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) (4) ปัจจัยมนุษย์และการใช้ประโยชน์ที่ดิน และ (5) ประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการน้ำของรัฐ ผลการวิเคราะห์ยืนยันว่าสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้มีความสมเหตุสมผลเชิงอุทกวิทยา อันเป็นผลจากฝนระดับ “200–300 ปี” ที่สูงเกินขีดความสามารถของระบบระบายน้ำที่มีอยู่
1. บทนำ
อำเภอหาดใหญ่ถือเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ มีภูมิประเทศลักษณะเป็นแอ่งกระทะ (basin) รับน้ำจากเทือกเขาคีรีวงศ์และสันกาลาคีรี ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงต่ออุทกภัยตามธรรมชาติ เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2553 (ปริมาณฝนสะสม 428 มม./3 วัน) ถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการออกแบบระบบระบายน้ำใหม่ เช่น คลองภูมินาถดำริ (คลองระบาย ร.1)
อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 ปริมาณฝนที่วัดได้รวม 630 มม. ภายใน 72 ชั่วโมง และฝนหนักสุด 335 มม./24 ชั่วโมง สูงกว่าปี 2553 อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับคำกล่าวว่า “หนักสุดในรอบ 300 ปี” หรือไม่ในเชิงวิทยาศาสตร์
2. ปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยาและภูมิอากาศ
2.1 อิทธิพลร่องมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำ
ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะกรมชลประทาน (SWOC) ระบุว่า ช่วงวันที่ 19–21 พฤศจิกายน 2568 ร่องมรสุมได้วางตัวคร่อมภาคใต้ตอนล่าง ร่วมกับหย่อมความกดอากาศต่ำหลายลูก ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องแบบฝนกระหน่ำ (Torrential Rain)
กลไก “มรสุม + หย่อมต่ำ” มีความสามารถในการทำให้ฝนตกหนักมากเกินกว่าค่าเฉลี่ยในฤดูกาล ส่งผลให้เกิดปริมาณน้ำฝนที่เกินความสามารถในการรองรับของลุ่มน้ำอู่ตะเภา
2.2 ความถี่เชิงสถิติของฝนหนัก (Extreme Rainfall Return Period)
จากหลักการอุทกสถิติ (Hydrological Statistics):
-
ฝนหนักมากระดับ 300 มม./24 ชม. มักมีช่วงการเกิดซ้ำ (return period) 100–200 ปี
-
ฝนสะสม >600 มม./3 วัน เข้าข่ายเหตุการณ์ระดับ 200–300 ปี
ดังนั้น การระบุว่าเป็น “เหตุการณ์ 300 ปี”
→ หมายถึงการเทียบกับค่าทางสถิติ (Statistical Return Period) ไม่ใช่ข้อมูลประวัติศาสตร์ย้อนหลังจริง 300 ปี
→ จึงถือว่ามีความสมเหตุสมผลตามหลักวิชาการ
3. การวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพการระบายน้ำ
3.1 คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1)
คลองผันน้ำสายหลักของเมืองหาดใหญ่ ออกแบบเพื่อผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาไปยังทะเลสาบสงขลา
-
ศักยภาพการระบายน้ำสูงสุด: 1,200 ลบ.ม./วินาที
-
สถานีสูบน้ำบางหยี: 90 ลบ.ม./วินาที
แม้คลอง ร.1 ทำงานเต็มกำลัง แต่ปริมาณน้ำฝนกว่า 630 มม. ทำให้
→ ปริมาณน้ำไหลบ่าเกินกว่าศักยภาพการออกแบบอย่างชัดเจน
→ ระบบถูกใช้งานในระดับ “ฝน 200–300 ปี” ในขณะที่ระบบออกแบบสำหรับ “ฝน 100 ปี”
อย่างไรก็ตาม คลอง ร.1 มีผลชัดเจนในการลดปัญหา
หากไม่มีโครงสร้างนี้ ระดับน้ำบางจุดอาจสูงใกล้เคียงหรือสูงกว่าเหตุการณ์ปี 2553
3.2 เครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำ
กรมชลประทานเพิ่มกำลังการระบายน้ำด้วย
-
เครื่องสูบน้ำ 32 เครื่อง
-
เครื่องผลักดันน้ำ 14 ชุด
แม้ว่าระบบเสริมเหล่านี้ช่วยลดระดับน้ำได้ แต่ไม่สามารถชดเชยฝนที่เกินมาตรฐานการออกแบบได้ทั้งหมด
4. การเปรียบเทียบกับอุทกภัยปี 2553
| รายการ | ปี 2553 | ปี 2568 |
|---|---|---|
| ปริมาณฝนสะสม 3 วัน | 428 มม. | 630 มม. |
| ปริมาณฝนสูงสุด 24 ชม. | 200–250 มม. | 335 มม. |
| โครงสร้างป้องกันน้ำท่วม | ไม่มีคลอง ร.1 | มีคลอง ร.1 |
| ระดับน้ำในเขตเมือง | สูงมาก | ต่ำกว่าปี 53 อย่างมีนัยสำคัญ |
ข้อสังเกตสำคัญ:
→ ปี 2568 ฝนหนักกว่าปี 2553 แต่ระดับน้ำไม่สูงเท่าเดิม
→ แสดงว่าคลอง ร.1 และระบบสูบน้ำทำงานได้จริงและมีประสิทธิภาพ
5. ความสมเหตุสมผลของคำว่า “เหตุการณ์ 300 ปี”
5.1 มิติทางสถิติ
การวิเคราะห์เชิงสถิติด้วยแบบจำลอง Gumbel และ Log-Pearson Type III แสดงว่า
เหตุการณ์ฝนระดับ 300–600 มม. ภายใน 1–3 วัน อยู่ในช่วงความน่าจะเป็นระดับ
200–300 ปี
→ จึงมีความสมเหตุสมผลในการสื่อสารเชิงวิศวกรรม
5.2 มิติทางภูมิอากาศ (Climate Change)
สภาพภูมิอากาศโลกทำให้
-
ฝนตกหนักมีความถี่เพิ่มขึ้น
-
เหตุการณ์สุดขั้ว (extreme events) เกิดบ่อยขึ้น
ดังนั้น “เหตุการณ์ 300 ปีในอดีต” อาจเกิดเพียงทุก 50–80 ปีในอนาคต
5.3 มิติด้านโครงสร้างพื้นฐาน
โครงสร้างส่วนใหญ่ของเมืองตั้งค่ามาตรฐานที่
→ ฝน 100 ปี
แต่เหตุการณ์ 2568 อยู่ในระดับ
→ 200–300 ปี
จึงเกิดสภาพ “ฝนเกินศักยภาพการออกแบบ” แม้ระบบระบายน้ำจะทำงานปกติ
6. สรุปผลและข้อเสนอแนะ
6.1 สรุปผล
จากการประเมินเชิงอุตุนิยมวิทยา อุทกสถิติ และการทำงานของโครงสร้าง กล่าวว่า
-
ปริมาณฝน 335 มม./24 ชม. และ 630 มม./3 วัน
→ สอดคล้องกับเหตุการณ์ระดับ 200–300 ปี (Extreme Event) -
ระบบคลองภูมินาถดำริช่วยลดความรุนแรงได้จริง
→ หากไม่มีคลองนี้ เมืองอาจน้ำท่วมสูงกว่าในปี 2553 -
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความล้มเหลวของระบบ
→ แต่เกิดจากปริมาณฝนที่สูงเกินขีดความสามารถของระบบที่ออกแบบไว้
ดังนั้น คำว่า “น้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ในรอบ 300 ปี”
มี ความสมเหตุสมผลเชิงวิศวกรรมและอุทกวิทยา แม้จะเป็นการอธิบายเชิงสถิติ ไม่ใช่การบันทึกประวัติศาสตร์ย้อนหลัง 300 ปีโดยตรง
6.2 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการออกแบบ
-
ปรับมาตรฐานการออกแบบระบบระบายน้ำ ให้รองรับเหตุการณ์สุดขั้วตามสภาพอากาศใหม่
-
ขยายคลอง ร.1 และออกแบบคลองผันน้ำสายรองเพิ่มเติม
-
เพิ่มพื้นที่แก้มลิงและป่าต้นน้ำ ในลุ่มน้ำอู่ตะเภา
-
ใช้ AI Hydrological Forecasting, SWOC และระบบเตือนภัยล่วงหน้าแบบเรียลไทม์
-
วางผังเมืองใหม่ ลดการขยายตัวสู่พื้นที่ลุ่มต่ำ
-
จัดทำ Hatyai Extreme Rainfall Master Plan เพื่อเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ฝนระดับ 300 ปีในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น