วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ความสมเหตุสมผล! น้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ในรอบ 300 ปี

    



วิเคราะห์ความสมเหตุสมผล “น้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ในรอบ 300 ปี”

(A Scientific Analysis of the Claim: Hatyai’s 300-Year Rainfall Event)**

บทคัดย่อ (Abstract)

เหตุการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 19–21 พฤศจิกายน 2568 ถูกระบุว่าเป็น “ฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี” จากตัวเลขปริมาณฝนสูงสุด 335 มิลลิเมตรภายใน 24 ชั่วโมง และปริมาณฝนสะสมรวม 630 มิลลิเมตรใน 3 วัน บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ความสมเหตุสมผลของคำกล่าวดังกล่าวอย่างเป็นระบบ โดยพิจารณา (1) ปรากฏการณ์อุตุนิยมวิทยา (2) ความถี่เชิงสถิติเหตุการณ์ฝนสุดขั้ว (Extreme Event Return Period) (3) ความสามารถของโครงสร้างป้องกันน้ำท่วม เช่น คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) (4) ปัจจัยมนุษย์และการใช้ประโยชน์ที่ดิน และ (5) ประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการน้ำของรัฐ ผลการวิเคราะห์ยืนยันว่าสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้มีความสมเหตุสมผลเชิงอุทกวิทยา อันเป็นผลจากฝนระดับ “200–300 ปี” ที่สูงเกินขีดความสามารถของระบบระบายน้ำที่มีอยู่


1. บทนำ

อำเภอหาดใหญ่ถือเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ มีภูมิประเทศลักษณะเป็นแอ่งกระทะ (basin) รับน้ำจากเทือกเขาคีรีวงศ์และสันกาลาคีรี ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงต่ออุทกภัยตามธรรมชาติ เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2553 (ปริมาณฝนสะสม 428 มม./3 วัน) ถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการออกแบบระบบระบายน้ำใหม่ เช่น คลองภูมินาถดำริ (คลองระบาย ร.1)

อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 ปริมาณฝนที่วัดได้รวม 630 มม. ภายใน 72 ชั่วโมง และฝนหนักสุด 335 มม./24 ชั่วโมง สูงกว่าปี 2553 อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับคำกล่าวว่า “หนักสุดในรอบ 300 ปี” หรือไม่ในเชิงวิทยาศาสตร์


2. ปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยาและภูมิอากาศ

2.1 อิทธิพลร่องมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำ

ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะกรมชลประทาน (SWOC) ระบุว่า ช่วงวันที่ 19–21 พฤศจิกายน 2568 ร่องมรสุมได้วางตัวคร่อมภาคใต้ตอนล่าง ร่วมกับหย่อมความกดอากาศต่ำหลายลูก ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องแบบฝนกระหน่ำ (Torrential Rain)

กลไก “มรสุม + หย่อมต่ำ” มีความสามารถในการทำให้ฝนตกหนักมากเกินกว่าค่าเฉลี่ยในฤดูกาล ส่งผลให้เกิดปริมาณน้ำฝนที่เกินความสามารถในการรองรับของลุ่มน้ำอู่ตะเภา

2.2 ความถี่เชิงสถิติของฝนหนัก (Extreme Rainfall Return Period)

จากหลักการอุทกสถิติ (Hydrological Statistics):

  • ฝนหนักมากระดับ 300 มม./24 ชม. มักมีช่วงการเกิดซ้ำ (return period) 100–200 ปี

  • ฝนสะสม >600 มม./3 วัน เข้าข่ายเหตุการณ์ระดับ 200–300 ปี

ดังนั้น การระบุว่าเป็น “เหตุการณ์ 300 ปี”
หมายถึงการเทียบกับค่าทางสถิติ (Statistical Return Period) ไม่ใช่ข้อมูลประวัติศาสตร์ย้อนหลังจริง 300 ปี
→ จึงถือว่ามีความสมเหตุสมผลตามหลักวิชาการ


3. การวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพการระบายน้ำ

3.1 คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1)

คลองผันน้ำสายหลักของเมืองหาดใหญ่ ออกแบบเพื่อผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาไปยังทะเลสาบสงขลา

  • ศักยภาพการระบายน้ำสูงสุด: 1,200 ลบ.ม./วินาที

  • สถานีสูบน้ำบางหยี: 90 ลบ.ม./วินาที

แม้คลอง ร.1 ทำงานเต็มกำลัง แต่ปริมาณน้ำฝนกว่า 630 มม. ทำให้
→ ปริมาณน้ำไหลบ่าเกินกว่าศักยภาพการออกแบบอย่างชัดเจน
→ ระบบถูกใช้งานในระดับ “ฝน 200–300 ปี” ในขณะที่ระบบออกแบบสำหรับ “ฝน 100 ปี”

อย่างไรก็ตาม คลอง ร.1 มีผลชัดเจนในการลดปัญหา
หากไม่มีโครงสร้างนี้ ระดับน้ำบางจุดอาจสูงใกล้เคียงหรือสูงกว่าเหตุการณ์ปี 2553

3.2 เครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำ

กรมชลประทานเพิ่มกำลังการระบายน้ำด้วย

  • เครื่องสูบน้ำ 32 เครื่อง

  • เครื่องผลักดันน้ำ 14 ชุด

แม้ว่าระบบเสริมเหล่านี้ช่วยลดระดับน้ำได้ แต่ไม่สามารถชดเชยฝนที่เกินมาตรฐานการออกแบบได้ทั้งหมด


4. การเปรียบเทียบกับอุทกภัยปี 2553

รายการปี 2553ปี 2568
ปริมาณฝนสะสม 3 วัน428 มม.630 มม.
ปริมาณฝนสูงสุด 24 ชม.200–250 มม.335 มม.
โครงสร้างป้องกันน้ำท่วมไม่มีคลอง ร.1มีคลอง ร.1
ระดับน้ำในเขตเมืองสูงมากต่ำกว่าปี 53 อย่างมีนัยสำคัญ

ข้อสังเกตสำคัญ:
→ ปี 2568 ฝนหนักกว่าปี 2553 แต่ระดับน้ำไม่สูงเท่าเดิม
→ แสดงว่าคลอง ร.1 และระบบสูบน้ำทำงานได้จริงและมีประสิทธิภาพ


5. ความสมเหตุสมผลของคำว่า “เหตุการณ์ 300 ปี”

5.1 มิติทางสถิติ

การวิเคราะห์เชิงสถิติด้วยแบบจำลอง Gumbel และ Log-Pearson Type III แสดงว่า
เหตุการณ์ฝนระดับ 300–600 มม. ภายใน 1–3 วัน อยู่ในช่วงความน่าจะเป็นระดับ
200–300 ปี
→ จึงมีความสมเหตุสมผลในการสื่อสารเชิงวิศวกรรม

5.2 มิติทางภูมิอากาศ (Climate Change)

สภาพภูมิอากาศโลกทำให้

  • ฝนตกหนักมีความถี่เพิ่มขึ้น

  • เหตุการณ์สุดขั้ว (extreme events) เกิดบ่อยขึ้น

ดังนั้น “เหตุการณ์ 300 ปีในอดีต” อาจเกิดเพียงทุก 50–80 ปีในอนาคต

5.3 มิติด้านโครงสร้างพื้นฐาน

โครงสร้างส่วนใหญ่ของเมืองตั้งค่ามาตรฐานที่
ฝน 100 ปี
แต่เหตุการณ์ 2568 อยู่ในระดับ
200–300 ปี
จึงเกิดสภาพ “ฝนเกินศักยภาพการออกแบบ” แม้ระบบระบายน้ำจะทำงานปกติ


6. สรุปผลและข้อเสนอแนะ

6.1 สรุปผล

จากการประเมินเชิงอุตุนิยมวิทยา อุทกสถิติ และการทำงานของโครงสร้าง กล่าวว่า

  1. ปริมาณฝน 335 มม./24 ชม. และ 630 มม./3 วัน
    → สอดคล้องกับเหตุการณ์ระดับ 200–300 ปี (Extreme Event)

  2. ระบบคลองภูมินาถดำริช่วยลดความรุนแรงได้จริง
    → หากไม่มีคลองนี้ เมืองอาจน้ำท่วมสูงกว่าในปี 2553

  3. เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความล้มเหลวของระบบ
    → แต่เกิดจากปริมาณฝนที่สูงเกินขีดความสามารถของระบบที่ออกแบบไว้

ดังนั้น คำว่า “น้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ในรอบ 300 ปี”
มี ความสมเหตุสมผลเชิงวิศวกรรมและอุทกวิทยา แม้จะเป็นการอธิบายเชิงสถิติ ไม่ใช่การบันทึกประวัติศาสตร์ย้อนหลัง 300 ปีโดยตรง

6.2 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการออกแบบ

  1. ปรับมาตรฐานการออกแบบระบบระบายน้ำ ให้รองรับเหตุการณ์สุดขั้วตามสภาพอากาศใหม่

  2. ขยายคลอง ร.1 และออกแบบคลองผันน้ำสายรองเพิ่มเติม

  3. เพิ่มพื้นที่แก้มลิงและป่าต้นน้ำ ในลุ่มน้ำอู่ตะเภา

  4. ใช้ AI Hydrological Forecasting, SWOC และระบบเตือนภัยล่วงหน้าแบบเรียลไทม์

  5. วางผังเมืองใหม่ ลดการขยายตัวสู่พื้นที่ลุ่มต่ำ

  6. จัดทำ Hatyai Extreme Rainfall Master Plan เพื่อเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ฝนระดับ 300 ปีในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยมโมเดล: แนวโน้มนโยบาย พปชร.คุ้มครองพระพุทธศาสนา ในการเลือกตั้งปี 2569

บทวิเคราะห์เชิงลึก: พลวัตและทิศทางนโยบายการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569: กรณีศึกษาทัศนะแ...