วิเคราะห์ภาวะผู้นำในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ ปี 2568 ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และประเมินผลภาวะผู้นำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในการบริหารจัดการและแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยครั้งรุนแรงในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2568 โดยมุ่งเน้นศึกษาถึง รูปแบบภาวะผู้นำ (Leadership Style) ที่ถูกนำมาใช้ ประสิทธิภาพในการบูรณาการหน่วยงาน การตัดสินใจภายใต้สถานการณ์วิกฤต และผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสาธารณชน ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์มาจากรายงานข่าว สรุปคำสั่งราชการ บทวิเคราะห์จากนักวิชาการ และความคิดเห็นสาธารณะในขณะนั้น ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการนำแนวทางการบริหารจัดการที่ รวดเร็วและเป็นองค์รวม (Single Command) มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความชัดเจนในการสั่งการและการจัดสรรทรัพยากร
1. บทนำและกรอบแนวคิด
อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำซาก แต่เหตุการณ์ในปี 2568 ได้รับการประเมินว่ามีความรุนแรงในระดับที่ต้องอาศัยภาวะผู้นำทางการเมืองระดับสูงสุดในการบริหารจัดการวิกฤต การวิเคราะห์ภาวะผู้นำในภาวะวิกฤตจึงเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากผู้นำต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการ ตัดสินใจที่รวดเร็ว การ สื่อสารที่ชัดเจน และการ บูรณาการทรัพยากร อย่างเป็นระบบ (Single Command)
กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิเคราะห์นี้คือ ภาวะผู้นำในภาวะวิกฤต (Crisis Leadership) ซึ่งเน้นไปที่องค์ประกอบหลัก 4 ประการ ได้แก่:
การกำหนดวิสัยทัศน์และการสื่อสาร: ความสามารถในการประเมินความรุนแรงและกำหนดทิศทางในการแก้ไขปัญหา
การตัดสินใจและการดำเนินการ: ความรวดเร็วและเด็ดขาดในการสั่งการและการจัดสรรทรัพยากร
การบูรณาการและความร่วมมือ: การหลอมรวมหน่วยงานราชการและภาคส่วนต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ
ความรับผิดชอบและความยืดหยุ่น: การแสดงความรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นและความสามารถในการปรับเปลี่ยนแผนเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง
2. การวิเคราะห์ภาวะผู้นำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ ปี 2568
2.1 การตัดสินใจและการจัดตั้งศูนย์บัญชาการ
ในการรับมือกับวิกฤต นายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการและมอบหมายภารกิจที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า (ศป.กฉ.ส่วนหน้า) และการระดมสรรพกำลังจากกองทัพ รวมถึงการใช้ เรือหลวงจักรีนฤเบศ เข้าช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตาม มีข้อวิจารณ์ว่าการสั่งการและการมอบอำนาจให้แก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในการคุมสถานการณ์อาจสะท้อนถึงการ โยนอำนาจ (Delegation) หรือขาดความชัดเจนในการเป็น ผู้สั่งการสูงสุด (Ultimate Single Commander) ในทางปฏิบัติ ทำให้เกิดความล่าช้าในการบูรณาการหน่วยงานพลเรือน
2.2 ประสิทธิภาพในการบูรณาการหน่วยงาน
อุปสรรคสำคัญที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางคือปัญหา การบูรณาการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งมีมากกว่า 30 หน่วยงาน ตามข้อสังเกตของนักวิชาการ การขาดหน่วยงานถาวรที่เป็นมืออาชีพ ในการรับมือภัยพิบัติโดยตรง และการทำงานแบบ ต่างคนต่างทำ เป็นจุดอ่อนที่ภาวะผู้นำต้องเข้ามาแก้ไขด้วยการใช้กลไก Single Command ที่เข้มแข็งและมีอำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จ แต่ในสถานการณ์จริงดูเหมือนว่าความพยายามในการบูรณาการยังไม่เป็นผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร
2.3 รูปแบบการสื่อสารและความเชื่อมั่นสาธารณะ
ในช่วงวิกฤต การสื่อสารที่ชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นมีความสำคัญอย่างยิ่ง การแสดงออกของนายกรัฐมนตรีในบางช่วงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น ผู้นำสายสุขนิยม ที่อาจประเมินสถานการณ์ต่ำกว่าความเป็นจริง หรือขาดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความวิกฤตของสถานการณ์ "ฝน 300 ปี" ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการรักษา ความน่าเชื่อถือ (Credibility) ในภาวะที่ประชาชนต้องการความมั่นใจจากผู้นำสูงสุด
3. บทสรุปและข้อเสนอแนะ
การวิเคราะห์ภาวะผู้นำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ ปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึง ความพยายามในการใช้กลไกการช่วยเหลือฉุกเฉิน ของรัฐบาล แต่ก็เผยให้เห็นถึง จุดอ่อนเชิงโครงสร้าง ในการบริหารจัดการวิกฤตของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการ บูรณาการ และการ ตัดสินใจที่รวดเร็ว เพื่อให้ "คำสั่งเร็วกว่าอัตราการเพิ่มของภัยพิบัติ"
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำในภาวะวิกฤต:
จัดตั้งศูนย์บัญชาการวิกฤตถาวร: ควรมีการจัดตั้ง หน่วยงานมืออาชีพถาวร ที่มีอำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จในภาวะวิกฤต (คล้ายโมเดลผู้ว่าฯ หมูป่า) โดยให้มีนายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจชัดเจนเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุด
ใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เป็นฐาน: ผู้นำควรให้ความสำคัญกับการใช้ แบบจำลองฝนและระดับน้ำ อย่างจริงจัง เพื่อให้การตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของ วิทยาศาสตร์มากกว่าการเมือง
ปรับปรุงการสื่อสาร: ผู้นำควรใช้รูปแบบการสื่อสารที่ ตรงไปตรงมา ชัดเจน และสะท้อนความตระหนักในความรุนแรงของวิกฤต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการอพยพและเตรียมพร้อม

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น