บทนำ
การเมืองไทยในทศวรรษ 2020–2030 เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง ทั้งด้านเศรษฐกิจดิจิทัล อาชญากรรมไซเบอร์ การแข่งขันของมหาอำนาจโลก และกระแสความคาดหวังใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่เรียกร้อง “การเมืองแบบมีศักยภาพจริง” มากกว่าการเมืองเชิงสัญลักษณ์ พรรคประชาชน (People’s Party) เป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่พยายามตอบโจทย์ยุคสมัย ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ “ไทย.ทัน.โลก” และพยายามนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ผสานความมั่นคงใหม่ เศรษฐกิจใหม่ และการทูตเชิงรุก
บทความนี้วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ที่พรรคประชาชนใช้ในเวทีเสวนา “รีชาร์จประชาชน” (22 พฤศจิกายน 2568) เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใดแนวนโยบายเหล่านี้จึงสามารถ “โดนใจคนรุ่นใหม่” ทั้งในมิติความปลอดภัยดิจิทัล ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และบทบาทของไทยในเวทีภูมิรัฐศาสตร์โลก
1. ยุทธศาสตร์ความมั่นคงใหม่: สแกมเมอร์–ทุนเทา–ฟอกเงิน กับการปกป้องอนาคตประชาชน
1.1 การนิยามภัยใหม่ในโลกดิจิทัล
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ฉายภาพ “สแกมเมอร์ 101” ด้วยการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างถึงเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามพรมแดนในกัมพูชามากกว่า 60 จุด มูลค่าปีละกว่า 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และผลกระทบต่อไทยที่สูญเงินกว่า 115,300 ล้านบาทต่อปี ทำให้เห็นว่าอาชญากรรมไซเบอร์มิใช่เรื่องรายบุคคล หากเป็น “ภัยไฮบริด” ที่ทำลายเศรษฐกิจ ความมั่นคง และความเชื่อมั่นต่อระบบรัฐไทย
การฉายภาพลักษณะนี้สอดคล้องกับความกังวลของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตในโลกออนไลน์ มีความเสี่ยงจากคอลเซนเตอร์ เว็บไซต์ปลอม อีวอลเล็ต และบัญชีม้า การนิยามปัญหาเช่นนี้ทำให้พรรคประชาชนสามารถ “เชื่อมประเด็นใหญ่กับชีวิตประจำวันของประชาชน” ซึ่งเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการจากนักการเมืองยุคใหม่
1.2 ข้อเสนอ 5 แนวทาง กับหลักคิดแบบเทคโนแครต
ข้อเสนอยกระดับกฎหมายไซเบอร์ การบังคับ ธปท.–กสทช.–ก.ต.ล. ร่วมรับผิดชอบคดีสแกม ตลอดจนยึดหลัก “Follow the money” ในการยึดทรัพย์ก่อนสืบคดี ล้วนสะท้อนแนวคิด “รัฐบาลเชิงระบบ (systemic governance)” แบบที่คนรุ่นใหม่คาดหวัง — คือเป็นการเมืองที่ทำงานตามหลักฐาน ข้อมูล และประสิทธิภาพ มากกว่าอคติทางการเมืองหรือการใช้อำนาจแบบเดิม
2. ยุทธศาสตร์การต่างประเทศ: ไม่เลือกข้าง แต่เลือกผลประโยชน์ของคนไทย
2.1 โลกเข้าสู่ยุค Disengagement และเกมมหาอำนาจแบบใหม่
ดร.ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ วิเคราะห์มิติภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ว่าโลกกำลังอยู่ในยุคที่มหาอำนาจ “ถอยห่างกติกา” และแข่งขันกันครอบงำห่วงโซ่อุปทาน เช่น เซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์ ทำให้ประเทศขนาดกลางอย่างไทยถูกบีบให้ “เลือกข้าง” ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมากขึ้น
พรรคประชาชนจึงเสนอแนวคิด “ไทยไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง แต่ต้องมีอำนาจพอที่จะไม่เลือกข้าง” ซึ่งสอดคล้องกับความคิดทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ “อธิปไตยทางยุทธศาสตร์ (strategic autonomy)” และการยืนหยัดบนหลักการของตนเอง
2.2 4 เงื่อนไขสร้างอำนาจต่อรองของประเทศ
-
ความชอบธรรมทางการเมือง
-
ความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ ลดเหลื่อมล้ำ
-
ใช้ค่านิยมสากลเป็นอำนาจต่อรอง
-
ใช้กลไกอาเซียนเชิงรุกเพื่อสร้าง bargaining power ร่วม
แนวคิดนี้โดดเด่นเพราะไม่ใช่เพียงการเสนอค่านิยม แต่เสนอ “มาตรการสร้างพลังต่อรอง” ซึ่งคนรุ่นใหม่มักมองหานโยบายที่จับต้องได้ มากกว่าภาษาการทูตเชิงพิธีการแบบเดิม
3. ยุทธศาสตร์ความมั่นคงรูปแบบใหม่ (Hybrid Warfare): ปัญหาที่เชื่อมโยงทั้งประเทศ
นายรังสิมันต์ โรม เสนอคำอธิบายเชิงโครงสร้างของ “hybrid warfare” ที่เชื่อมโยงอาชญากรรมไซเบอร์ ทุนเทา เครือข่ายข้าราชการ และผลประโยชน์ข้ามชาติ ทำให้เห็นว่าไทยไม่ได้เผชิญเพียงภัยออนไลน์ แต่เผชิญ “ระบบสนับสนุนอาชญากรรมจากภายใน”
3 ยุทธศาสตร์พลิกสแกมเมอร์เป็นโอกาส
ชั้นที่ 1: ภายในประเทศ – ทำให้ไทยยากจะถูกยึดโดยทุนสีเทา
ตั้ง War Room ต้านสแกมเมอร์, ยกระดับ KYC/AML, ยึดทรัพย์อย่างเชิงรุก
ชั้นที่ 2: ระดับชายแดน–ภูมิภาค
สร้างกลไกความร่วมมือแม่โขง, ASEANAPOL และทวิภาคีกับเพื่อนบ้าน เช่น ปอยเปต–สีหนุวิลล์
ชั้นที่ 3: เวทีโลก
ผลักดันศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์อาเซียน และตั้งทีมสอบสวนร่วม (Joint Investigation Team) กับประเทศมหาอำนาจ
มุมมองลักษณะนี้สอดคล้องกับกรอบคิด “ความมั่นคงแบบองค์รวม” (comprehensive security) ที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคยในยุคดิจิทัล และตอบโจทย์ความต้องการให้ไทยมีบทบาทในภูมิภาคอย่างสร้างสรรค์
4. ยุทธศาสตร์การทูตเชิงศักดิ์ศรี: โปรไทย ไม่โปรสหรัฐ/จีน
นายพิศาล มาณวพัฒน์ เสนอกรอบคิด “การทูตแบบสง่างาม” ซึ่งเน้น 3 ประเด็นที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ คือ
-
ต่อต้านคอร์รัปชันเชิงระบบ
-
สร้างภาพลักษณ์ประเทศที่มีหลักการและศักดิ์ศรี
-
ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People-centered foreign policy)
การวิเคราะห์ความสำคัญของกระทรวงต่างประเทศในฐานะกระทรวง “เกรด A Platinum” เป็นจุดยืนที่สะท้อนว่าพรรคประชาชนมอง “การทูตเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ” ซึ่งตรงกับความคาดหวังคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นการต่างประเทศเชื่อมโยงกับโอกาสทางเศรษฐกิจมากกว่าอดีต
5. เหตุผลเชิงยุทธศาสตร์: ทำไมพรรคประชาชนจึงโดนใจคนรุ่นใหม่
จากการวิเคราะห์เนื้อหาทั้งหมด สามารถสรุปเหตุผลได้ดังนี้
5.1 เสนอวิธีแก้ปัญหาแบบ Evidence-based Policy
ไม่ใช่คำขวัญทางการเมือง แต่เสนอข้อมูล ปัญหาเชิงระบบ และกลไกแก้ไขชัดเจน
5.2 ให้ความสำคัญกับภัยยุคใหม่ที่กระทบชีวิตคนรุ่นใหม่โดยตรง
เช่น อาชญากรรมออนไลน์ การฟอกเงิน การเข้าถึงเทคโนโลยี ความมั่นคงทางข้อมูล
5.3 มองการทูตเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจสมัยใหม่
ไม่ใช่เพียงความสัมพันธ์เชิงพิธีการ แต่เป็นยุทธศาสตร์สร้างอำนาจต่อรอง
5.4 เสนอ “ไทยเป็นผู้นำภูมิภาคได้จริง” ไม่ใช่แค่ในวาทกรรม
เป็นกรอบความคิดแบบผู้นำยุคใหม่ที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ
5.5 มีวิสัยทัศน์แบบ Proactive Nation
จากผู้ถูกกระทำเป็นผู้กำหนดเกมในภูมิภาค เช่น นำประเด็นสแกมเมอร์ขึ้นเวทีโลก
สรุป
ยุทธศาสตร์ของพรรคประชาชนที่นำเสนอในกิจกรรม “รีชาร์จประชาชน” แสดงให้เห็นลักษณะสำคัญของการเมืองแบบใหม่ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การวิเคราะห์ปัญหาที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงของประชาชน การเสนอวิธีแก้อย่างมีระบบ การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก และการยืนหยัดบนผลประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทั้งหมดนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคประชาชนเป็น “พรรคแห่งอนาคต” ที่มีความสามารถเชิงยุทธศาสตร์ และสอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาความหวังใหม่ทางการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น