@siampongsnews ผลงานประวิตรกับการบริหารจัดการน้ำท่วม-แล้ง สื่อถึงบทความนี้เสนอการวิเคราะห์ผลงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำของชาติ ตลอดระยะเวลา 9 ปีของรัฐบาล โดยพิจารณาจากข้อมูลนโยบายและการสื่อสารสาธารณะของพรรคพลังประชารัฐเป็นหลัก การวิเคราะห์มุ่งเน้นไปที่มิติเชิงโครงสร้าง การบูรณาการหน่วยงาน และนโยบาย 3 ระยะ (สั้น กลาง ยาว) ในการรับมือปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งอย่างยั่งยืน ผู้เขียนได้ใช้กรอบแนวคิดการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ (IWRM) เพื่อประเมินว่าผลงานด้านการสร้างอ่างเก็บน้ำ การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ และการจัดตั้งกลไกช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น มีความสอดคล้องกับหลักการจัดการน้ำที่เป็นระบบหรือไม่ บทความยอมรับว่า มีการลดความเสียหายในบางพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ระบุถึงข้อจำกัดและความท้าทายที่ยังคงอยู่ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความจำเป็นในการประเมินที่เป็นอิสระจากข้อมูลทางการเมือง โดยสรุป ผลงานที่นำเสนอถือเป็นมรดกทางนโยบายที่มีผลยาวนาน แต่ยังต้องการการปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นในอนาคต
♬ เสียงต้นฉบับ - siampongsnews
วิเคราะห์ผลงานการแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
บทคัดย่อ
บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ผลงานและบทบาทของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้ดูแลการบริหารจัดการน้ำระดับประเทศในช่วงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ตลอดระยะเวลา 9 ปีของรัฐบาล โดยอาศัยข้อมูลเชิงนโยบายและการสื่อสารสาธารณะของพรรคพลังประชารัฐเป็นกรณีศึกษา การวิเคราะห์ครอบคลุมมิติเชิงโครงสร้างการจัดการน้ำ นโยบายเชิงปฏิบัติการ และผลสัมฤทธิ์ด้านการป้องกันปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งแบบยั่งยืน ตลอดจนประเมินความท้าทายของการบริหารจัดการน้ำในระดับประเทศในอนาคต
1. บทนำ
ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งเป็นประเด็นสำคัญทางนโยบายสาธารณะของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประชาชน การจัดการน้ำจึงต้องดำเนินอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งปัจจัยธรรมชาติ การใช้ประโยชน์ที่ดิน การพัฒนาเมือง และสภาพภูมิอากาศโลก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและประธานกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายและจัดการน้ำระดับประเทศ พรรคพลังประชารัฐได้นำเสนอผลงานดังกล่าวเป็นจุดเด่นหนึ่งของพรรค โดยระบุถึงความสำเร็จในการลดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากและภัยแล้งในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล
2. กรอบแนวคิดการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ
การวิเคราะห์ผลงานของผู้นำทางการเมืองด้านการจัดการน้ำจำเป็นต้องอาศัยกรอบคิดแบบบูรณาการ (Integrated Water Resources Management: IWRM) ซึ่งประกอบด้วย
-
การบริหารจัดการเชิงพื้นที่ (Area-based Management)
มุ่งเน้นบริหารน้ำตามลุ่มน้ำและบริบทพื้นที่ -
การบูรณาการหน่วยงานรัฐ
การจัดการน้ำเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง เช่น ทส., มท., กษ., คมนาคม ฯลฯ -
การบริหารจัดการเชิงเวลา
จำแนกเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว -
การมีส่วนร่วมของชุมชนและความร่วมมือเอกชน
ช่วยให้ระบบน้ำยั่งยืนและลดความเสี่ยง
บทความนี้ใช้กรอบดังกล่าวในการประเมินผลงานที่อ้างถึงของพล.อ.ประวิตร
3. วิเคราะห์ผลงานการจัดการน้ำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
3.1 การจัดตั้งกลไกประสานงานและศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
กรณีศึกษาล่าสุด ได้แก่
-
การเปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐภาคใต้
-
การตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจ.นครศรีธรรมราช
-
การสั่งการเร่งด่วนให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และทีมงานลงพื้นที่ช่วยเหลือ
แม้กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงานการเมือง แต่สะท้อนภาพลักษณ์ความต่อเนื่องของบทบาทด้านภัยพิบัติของพล.อ.ประวิตรในฐานะผู้ประสานงานด้านน้ำระดับชาติ
3.2 การวางระบบแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งแบบ 3 ระยะ
จากข้อมูลของพรรคพลังประชารัฐ ผลงานสำคัญประกอบด้วย
-
ระยะสั้น
-
การเร่งระบายน้ำ
-
เสริมระบบป้องกันน้ำท่วมเฉพาะหน้า
-
จัดตั้งศูนย์อำนวยการน้ำในช่วงฤดูฝนและฤดูแล้ง
-
-
ระยะกลาง
-
การสร้างและปรับปรุงอ่างเก็บน้ำ
-
การบริหารจัดการเขื่อนให้สามารถพร่องน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ระบบชลประทานเชิงพื้นที่
-
-
ระยะยาว
-
นโยบายอนุรักษ์ป่าไม้และป่าต้นน้ำ
-
การแก้ปัญหาการบุกรุกป่า
-
การปลูกป่าเพื่อเป็น “ปราการซับน้ำ”
-
การสร้างอ่างเก็บน้ำบนพื้นที่สูง เพื่อรองรับฤดูแล้งและฤดูฝน
-
แนวคิดนี้สอดคล้องกับโมเดลการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืนตาม IWRM
3.3 การใช้ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิช่วยกำหนดนโยบาย
การจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ วิศวกรป้องกันน้ำท่วม นักป่าไม้ และหน่วยงานวิจัยมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพทางเทคนิคของนโยบาย ทำให้เกิดการบูรณาการในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ
3.4 การป้องกันน้ำท่วมซ้ำซากและภัยแล้งตามที่พรรคอ้างถึง
พรรคพลังประชารัฐระบุว่า
-
ตลอด 9 ปีของรัฐบาล พล.อ.ประวิตรดูแลเรื่องน้ำอย่างใกล้ชิด
-
มีผลให้ ประชาชนไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากและภัยแล้งรุนแรง
โดยแม้ในเชิงข้อเท็จจริงบางพื้นที่ของประเทศยังเผชิญปัญหาน้ำท่วมตามฤดูกาล แต่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำ ถนนคันกั้นน้ำ และระบบพร่องน้ำ ก็มีผลช่วยลดความเสียหายในหลายพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ
4. การประเมินผลงานในมิติต่าง ๆ
4.1 มิติความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
การอนุรักษ์ป่า การปลูกป่า และการจัดการพื้นที่ต้นน้ำเป็นจุดแข็งสำคัญของยุทธศาสตร์ที่พล.อ.ประวิตรสนับสนุน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการจัดการน้ำตามธรรมชาติ (Nature-based Solutions)
4.2 มิติความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
การบูรณาการข้อมูลน้ำจากหน่วยงาน เช่น กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และกรมอุตุนิยมวิทยา ช่วยให้การตัดสินใจ “พร่องน้ำล่วงหน้า” มีประสิทธิภาพมากขึ้น
4.3 มิติประสิทธิผล (Effectiveness)
การลดความเสียหายจากน้ำท่วมบางลุ่มน้ำ เช่น ลุ่มเจ้าพระยา ปากพนัง ป่าสัก มีรายงานผลลัพธ์เชิงประจักษ์ว่าได้รับผลกระทบน้อยลงเมื่อเทียบกับทศวรรษก่อนหน้า แม้จะยังมีเหตุการณ์เฉพาะพื้นที่อยู่บ้าง
4.4 มิติความต่อเนื่องของนโยบาย
ผลงานหลายด้านเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาว เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ การแก้ปัญหาป่าต้นน้ำ ซึ่งต้องการเวลาหลายปีในการเห็นผล ทำให้ปรากฏเป็นมรดกทางนโยบายที่มีผลยาวนานหลังสิ้นสุดวาระ
5. ข้อจำกัดและความท้าทาย
แม้ผลงานที่พรรคเสนอมีจุดแข็ง แต่ยังมีข้อพิจารณาเพิ่มเติม เช่น
-
ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งยังคงเกิดขึ้นในบางพื้นที่ เนื่องจากภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
-
โครงการบางส่วนต้องใช้งบประมาณสูง และต้องการความโปร่งใสในการดำเนินงาน
-
การใช้ข้อมูลทางการเมืองนำเสนอผลงานอาจมีอคติ จึงควรมีการประเมินโดยหน่วยงานวิชาการอิสระ
-
ผลกระทบจาก Climate Change รุนแรงขึ้น ทำให้การจัดการน้ำต้องปรับตัวตลอดเวลา
6. บทสรุป
ผลงานด้านการจัดการน้ำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในช่วงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีสามารถมองได้ว่ามีความสำคัญในมิติเชิงโครงสร้าง ทั้งด้านการวางระบบการบริหารจัดการน้ำ การสร้างอ่างเก็บน้ำ การแก้ปัญหาป่าต้นน้ำ และการบูรณาการหน่วยงาน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ IWRM และตอบโจทย์การแก้ปัญหาเชิงพื้นที่อย่างเป็นระบบ
อย่างไรก็ตาม การประเมินผลงานจำเป็นต้องใช้ข้อมูลหลากหลายด้านประกอบ ทั้งสถิติภัยพิบัติ งบประมาณ การบริหารจัดการเชิงนโยบาย และบริบททางภูมิอากาศ
หากพรรคพลังประชารัฐนำผลงานดังกล่าวมาสานต่อในอนาคต จุดแข็งที่สำคัญคือประสบการณ์และโครงสร้างที่วางไว้แล้ว ขณะที่ความท้าทายสำคัญคือการรับมือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและความคาดหวังของประชาชนที่สูงขึ้นต่อการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น