วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพานฟูก๊วกของเวียดนามที่มีต่อไทยและกัมพูชา: มุมมองเชิงยุทธศาสตร์และนโยบาย
โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเมืองห่าเตียนบนแผ่นดินใหญ่ของเวียดนามไปยังเกาะฟูก๊วก (Phu Quoc Island) ซึ่งมีความยาวประมาณ 47 กิโลเมตร และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2036 ไม่ได้เป็นเพียงโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ถูกมองว่าเป็น เกมยุทธศาสตร์ทางทะเล ที่ส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อการเดินเรือ ดุลอำนาจเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในอ่าวไทย และผลประโยชน์ของทั้งกัมพูชาและไทย บทความนี้จะวิเคราะห์ผลกระทบดังกล่าวอย่างเป็นระบบและนำเสนอแนวทางนโยบายของไทยในการตอบสนอง
1. ผลกระทบโดยตรงต่อกัมพูชา: การจำกัดทางออกสู่ทะเล
โครงการสะพานฟูก๊วกสร้างผลกระทบโดยตรงและชัดเจนต่อกัมพูชา โดยเฉพาะในมิติโลจิสติกส์และความมั่นคง
1.1 ผลต่อโครงการคลองฟูนันเตโช (Funan Techo Canal)
คลองฟูนันเตโชเป็นโครงการยุทธศาสตร์ของกัมพูชาเพื่อเปิดเส้นทางขนส่งสินค้าจากพนมเปญออกสู่ทะเลโดยไม่ต้องผ่านเวียดนาม
ข้อจำกัดทางกายภาพ: ปากคลองอยู่ที่จังหวัดกำปอด ซึ่งเรือต้องผ่านช่องแคบห่าเตียนการมีสะพานข้ามทะเลในจุดนี้จะสร้างข้อจำกัดด้านความสูงและความกว้าง ทำให้เรือสินค้าขนาดใหญ่อาจถูกบังคับให้ต้องอ้อมเกาะฟูก๊วกแทน
- ลดประสิทธิภาพ: คาดว่าประสิทธิภาพการเดินเรือในพื้นที่ช่องแคบจะลดลงทันทีประมาณ 20–30% เนื่องจากการต้องผ่านใต้โครงสร้างสะพานและข้อจำกัดด้านขนาดของเรือ
- การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์: การเร่งสร้างสะพานควบคู่กับการขุดคลองถูกตีความว่าเป็นการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์โดยตรง เพื่อลดความได้เปรียบและความเป็นอิสระทางโลจิสติกส์ของกัมพูชา
1.2 ผลด้านความมั่นคงและท่าเรือ
ฟูก๊วกเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางทหารสำคัญของเวียดนาม สะพาน 47 กิโลเมตร จึงเป็นโครงสร้างที่เสริมอำนาจทางทหารของเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญ
ความได้เปรียบทางทหาร: สะพานช่วยให้การส่งกำลังทางบก ทหาร และอาวุธจากแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะทำได้อย่างรวดเร็ว จุดพักบนสะพานยังสามารถใช้เป็นสถานีตรวจการณ์หรือจุดติดตั้งระบบอาวุธได้
ผลต่อท่าเรือสีหนุวิลล์: แม้ไม่ปิดกั้นทั้งหมด แต่ทำให้ช่องทางเข้าท่าเรือสีหนุวิลล์มีความแออัดมากขึ้น เพิ่มระยะทางเดินเรือ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกควบคุมโดยอำนาจทางทะเลของเวียดนาม ทำให้ท่าเรือสูญเสียความคล่องตัวในระดับหนึ่ง
2. ผลกระทบและโอกาสทางอ้อมต่อประเทศไทย
แม้ไทยจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงเหมือนกัมพูชา แต่โครงการสะพานฟูก๊วกมีผลกระทบต่อไทยในด้านภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และการแข่งขันเชิงโลจิสติกส์
2.1 ด้านเศรษฐกิจและโลจิสติกส์
การแข่งขันดึงดูดสายการผลิต: เวียดนามอาจใช้สะพานฟูก๊วกเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว ซึ่งอาจแย่งความได้เปรียบจาก EEC ของไทยในระยะยาว
โอกาสเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางเลือก: เมื่อคลองฟูนันเตโชถูกจำกัดประสิทธิภาพ ไทยสามารถเสนอตัวเป็น Transshipment Hub โดยใช้ท่าเรือหลักในอ่าวไทย (เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง) และเชื่อมโยงผ่านโครงข่ายถนนและรางไปยังกัมพูชา ลาว และจีน โดยส่งเสริมเส้นทาง พนมเปญ–อรัญประเทศ–แหลมฉบัง ให้เป็นเส้นทางโลจิสติกส์หลักแทนคลองฟูนันเตโช
2.2 ด้านความมั่นคงทางทะเล
สมดุลกำลังในอ่าวไทย: การขยายอิทธิพลทางทะเลของเวียดนามใกล้เขตแดนกัมพูชาและไทยส่งผลต่อสมดุลกำลังในอ่าวไทย
ภัยคุกคามทางอ้อม: หากเกิดความตึงเครียด เวียดนามสามารถใช้ฟูก๊วกเป็นฐานควบคุมน่านน้ำฝั่งตะวันตก ซึ่งมีความใกล้ชิดต่อทะเลไทยตอนล่าง
ความร่วมมือกับกัมพูชา: ไทยอาจต้องเสริมบทบาทความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลกับกัมพูชาเพื่อถ่วงดุลอำนาจ
3. นโยบายสำคัญของไทยที่สามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์
โครงการสะพานฟูก๊วกได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ไทยต้องเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ของตนเอง
3.1 การผลักดันโครงการเชื่อมโยงสองฝั่งทะเล (Land Bridge)
ความไม่แน่นอนและข้อจำกัดที่เกิดขึ้นในอ่าวไทยตอนล่าง ยิ่งทำให้โครงการ Land Bridge (เชื่อมชุมพร–ระนอง) มีความน่าสนใจทางยุทธศาสตร์มากขึ้น
เส้นทางทางเลือกเหนือกว่า: Land Bridge จะกลายเป็นเส้นทางทางเลือกที่หลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอ่าวไทย ความแออัดในช่องแคบมะละกา และข้อจำกัดทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่องแคบห่าเตียนได้โดยตรง
การเป็นคู่แข่งเชิงคุณค่า: โครงการนี้รองรับเรือขนาดใหญ่ได้มากกว่าที่ต้องผ่านช่องแคบห่าเตียน
25 ช่วยให้ไทยเป็น “Gateway to the Gulf of Thailand and Indo-Pacific Trade Routes”26
3.2 การเร่งพัฒนาท่าเรือหลักและ EEC
เสริมความเป็นศูนย์กลาง: ไทยควรเร่งรัดการลงทุนและพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และ 4 ให้เป็นท่าเรือน้ำลึกที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าหลักในอ่าวไทย
ดึงดูดการลงทุน: การผลักดัน EEC ให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์เทคโนโลยีสูง อาจดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เลือกไทยแทนเวียดนามในบางอุตสาหกรรม
4. วิเคราะห์นโยบายพรรคการเมืองไทยที่เกี่ยวข้อง
นโยบายพรรคการเมืองไทยส่วนใหญ่มักเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ แต่มีบางพรรคที่มีนโยบายที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การใช้ประโยชน์จากสถานการณ์สะพานฟูก๊วก
| พรรคการเมือง | นโยบายเกี่ยวข้องหลัก | ความเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์ (โครงการฟูก๊วก) |
พรรคภูมิใจไทย | ผลักดันโครงการ Land Bridge อย่างเข้มแข็ง | Land Bridge เป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และข้อจำกัดในช่องแคบห่าเตียน |
พรรคเพื่อไทย | สนับสนุนโครงการ Land Bridge และนโยบายยกระดับไทยเป็น Logistics Hub | สนับสนุนการเร่งพัฒนาศักยภาพท่าเรือหลักในอ่าวไทย (เช่น แหลมฉบัง) เพื่อแข่งขันด้านโลจิสติกส์ |
พรรคพลังประชารัฐ | ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) | สามารถเป็นฐานการเมืองในการผลักดันนโยบายโลจิสติกส์/ท่าเรือ เพื่อให้ไทยเป็นจุดกระจายสินค้าใหญ่ในอ่าวไทย |
5. ผลกระทบจากการยกเลิก MOU 43/44 (พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล)
โครงการสะพานฟูก๊วกกับการยกเลิก MOU 43/44 (บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเล - OCA) เป็นประเด็นทางภูมิศาสตร์และกฎหมายที่แตกต่างกัน แต่มีผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน
5.1 ข้อได้เปรียบจากการยกเลิก MOU 43/44
| มิติที่ได้เปรียบ | รายละเอียด |
| อำนาจอธิปไตย | ไทยได้อำนาจควบคุมการเจรจาคืนมา สามารถกำหนดจุดยืนและต่อรองใหม่โดยไม่มีพันธะผูกมัดภายใต้ MOU |
| แรงกดดันทางเศรษฐกิจ | สามารถใช้ทรัพยากรใน OCA เป็นเครื่องมือต่อรอง โดยทำให้โครงการพัฒนาแหล่งพลังงานในพื้นที่ต้องหยุดชะงัก |
5.2 ข้อเสียเปรียบจากการยกเลิก MOU 43/44
| มิติที่เสียเปรียบ | รายละเอียด |
| ความมั่นคงทางพลังงาน | สูญเสียโอกาสในการเข้าถึงแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ใน OCA ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานของไทยในระยะสั้นถึงกลาง |
| ความสัมพันธ์กับกัมพูชา | ทำลายความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างร้ายแรง อาจทำให้กัมพูชามองว่าไทยไม่ได้เป็นมิตรแท้และหันไปพึ่งพาเวียดนามมากขึ้น |
| ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ | เป็นการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจซ้ำเติมกัมพูชา ในขณะที่เวียดนามสร้างแรงกดดันด้านโลจิสติกส์ (สะพานฟูก๊วก) การกระทำนี้บั่นทอนโอกาสที่ไทยจะใช้ Land Bridge เป็นทางออกให้กัมพูชา ทำให้กัมพูชาอาจหันไปร่วมมือกับเวียดนามมากขึ้น และทำให้โครงการสะพานฟูก๊วกแข็งแรงขึ้น |
บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์: การยกเลิก MOU 43/44 อาจสร้างความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์ให้กับไทยมากกว่าได้เปรียบ เพราะไทยจะพลาดโอกาสในการใช้สถานการณ์ฟูก๊วกเป็นแรงจูงใจให้กัมพูชาหันมาพิจารณาใช้โครงการโลจิสติกส์ของไทย (เช่น Land Bridge) ไทยควรรักษาความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์กับกัมพูชา เพื่อเสนอตัวเป็นทางเลือกที่เป็นกลางและมีประสิทธิภาพสูงสุด
6. บทบาทของสภาผู้แทนราษฎรไทยและวุฒิสภาไทย
รัฐสภาไทยมีบทบาทสำคัญในการพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ในอ่าวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นด้านเขตแดนและทรัพยากร
การพิจารณา MOU 43/44: มีการเคลื่อนไหวในรัฐสภาอย่างชัดเจนในการพิจารณาประเด็นการยกเลิก MOU 43/44
51 51 51 51 51 โดยเฉพาะวุฒิสภาได้มีการตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาข้อดีข้อเสียของการยกเลิก MOU 2543 และ 2544 อย่างละเอียดแล้ว เพื่อประเมินผลกระทบเชิงอธิปไตยและความมั่นคงทางพลังงาน52 52 52 52 52 52 52 52 52 การพิจารณาโครงการสะพานฟูก๊วก: ยังไม่มีรายงานข่าวที่ชัดเจน ว่ารัฐสภาไทยได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาศึกษาโครงการสะพานฟูก๊วกของเวียดนามเป็นการเฉพาะ
53 53 53 53 อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ย่อมถูกรับทราบและอาจถูกหยิบยกขึ้นหารือในคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และคณะกรรมาธิการการคมนาคมขนส่ง54 และถูกใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในประเด็นโลจิสติกส์ที่สำคัญของไทยอย่างโครงการ Land Bridge55
7. บทสรุป
โครงการสะพานฟูก๊วกของเวียดนามเป็นตัวเร่งให้เกิดการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ในอ่าวไทยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง โครงการนี้ส่งผลโดยตรงต่อกัมพูชาโดยการจำกัดประสิทธิภาพของโครงการคลองฟูนันเตโชและเสริมสร้างความมั่นคงทางทหารของเวียดนาม สำหรับประเทศไทย ผลกระทบส่วนใหญ่เป็นไปในลักษณะทางอ้อมซึ่งไทยสามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นโอกาสผ่านนโยบายที่เน้นการเสริมสร้างความเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของตนเอง โดยเฉพาะการเร่งรัดโครงการ Land Bridge และการยกระดับท่าเรือหลักในอ่าวไทย ในขณะเดียวกัน ไทยควรหลีกเลี่ยงการสร้างความตึงเครียดเพิ่มเติมกับกัมพูชา (เช่น การยกเลิก MOU 43/44 โดยพลการ) เพื่อรักษาบทบาทของตนในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือในภูมิภาค
บทความทางวิชาการ
วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพานจากแผ่นดินใหญ่ไปสู่เกาะฟูก๊วก ของเวียดนามที่มีต่อไทยและกัมพูชา: นัยต่อยุทธศาสตร์ทะเล นโยบายไทย และบทบาทรัฐสภาไทย
บทนำ
โครงการสะพานเชื่อมเมืองห่าเตียนไปยังเกาะฟูก๊วกของเวียดนาม เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีความยาวประมาณ 47 กม. มีแผนเริ่มสร้างปี 2026 และแล้วเสร็จปี 2036 ด้วยงบประมาณประมาณ 15,000 ล้านบาทไทย
วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…
แม้เป้าหมายหลักของเวียดนามคือการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของฟูก๊วก แต่โครงการนี้มีผลสะเทือนเชิงยุทธศาสตร์ต่อกัมพูชา และส่งผลต่อดุลการแข่งขันโลจิสติกส์ในอ่าวไทย รวมถึงผลกระทบเชิงอ้อมต่อไทยทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการเดินเรือ
วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…
1. ผลกระทบของโครงการสะพานฟูก๊วกต่อกัมพูชา
1.1 ผลกระทบต่อคลองฟูนันเตโช (Funan Techo Canal)
คลองฟูนันเตโชเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกัมพูชาเพื่อเปิดทางเรือจากพนมเปญออกทะเลโดยไม่ต้องพึ่งเวียดนาม แต่โครงการสะพานฟูก๊วกอาจลดประสิทธิภาพการเดินเรือ 20–30% เพราะ
-
ต้องลอดใต้สะพาน
-
อาจมีข้อจำกัดขนาดเรือ
-
เรือจำนวนหนึ่งต้องอ้อมเกาะฟูก๊วก
-
เพิ่มเวลาและต้นทุนขนส่งสินค้าวิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…
ดังนั้น สะพานนี้กลายเป็น “ตัวแปรยุทธศาสตร์” ที่บั่นทอนความคุ้มค่าของคลองฟูนันเตโชโดยตรง
วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…
1.2 ผลกระทบต่อท่าเรือกัมพูชา
หากเรือใหญ่เข้า–ออกได้ลำบาก ท่าเรือสีหนุวิลล์และทางเลือกทางทะเลอื่น ๆ จะถูกจำกัดศักยภาพมากขึ้น
วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…
2. ผลกระทบของโครงการต่อประเทศไทย
แม้ไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่มีผลต่อการแข่งขันด้านโลจิสติกส์และภูมิรัฐศาสตร์ในอ่าวไทยหลายประการ
2.1 โอกาสของไทยในการเป็น “ศูนย์กลางโลจิสติกส์อ่าวไทย”
เมื่อกัมพูชาถูกจำกัดเส้นทางเดินเรือ ทำให้ไทยสามารถดึงบทบาทโลจิสติกส์กลับคืน เช่น
-
เส้นทางพนมเปญ–อรัญประเทศ–แหลมฉบัง กลายเป็น “เส้นทางหลักแทนคลองฟูนันเตโช”
-
การขนส่งสินค้าผ่าน EEC เพิ่มขึ้น
-
ไทยดึงเรือสินค้าที่หลีกเลี่ยงช่องแคบห่าเตียนเข้าสู่น่านน้ำไทยมากขึ้น
วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…
วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…
2.2 การขยายบทบาทด้านความมั่นคงทางทะเล
ไทยมีข้ออ้างเพิ่มในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังทางทะเล เช่น
-
เสริมกำลังในตราด–ชุมพร–สุราษฎร์ฯ
-
พัฒนาระบบเรดาร์ร่วมกับกัมพูชา
ผลลัพธ์คือไทยมีข้อมูลการเคลื่อนไหวในอ่าวไทยมากขึ้น และเพิ่มบทบาทในยุทธศาสตร์อ่าวไทย
2.3 การดันโครงการไทย เช่น EEC และแลนด์บริดจ์
โครงการสะพานฟูก๊วกทำให้ไทยเร่งดันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น
-
ท่าเรือน้ำลึกปากบารา
-
ท่าเรือชุมพร
-
Land Bridge ชุมพร–ระนอง
3. นโยบายของไทยที่ได้ประโยชน์จากโครงการสะพานฟูก๊วก
จากข้อมูลในไฟล์ สามารถสรุปนโยบายที่ไทยควรใช้ประโยชน์ได้คือ:
(1) นโยบายเสริมความเป็นฮับโลจิสติกส์อ่าวไทย
-
ขยายท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3–4
-
เชื่อมไทย–กัมพูชา–ลาว–เวียดนาม แบบ multimodal
-
ดันเส้นทางพนมเปญ–อรัญประเทศ–แหลมฉบัง
(2) นโยบายความมั่นคงทางทะเล
-
พัฒนาเรดาร์ตรวจการณ์ร่วม
-
เสริมกำลังเรือและระบบติดตามในอ่าวไทย
(3) นโยบายเศรษฐกิจเรือขนส่ง (Maritime Economy)
-
ดึงเรือเข้าใช้น่านน้ำไทย
-
สร้างไทยให้เป็น Marine Services Hub เช่น ซ่อมเรือ น้ำมันเรือ อุปกรณ์เรือ
4. พรรคการเมืองไทยที่มีนโยบายเกี่ยวข้อง
จากเนื้อหาในไฟล์ พบว่า “ไม่มีพรรคใดที่มีนโยบายตรงกับโครงการสะพานฟูก๊วกเวียดนามโดยเฉพาะ”
แต่มีพรรคที่มีนโยบายด้าน โลจิสติกส์–EEC–คมนาคม ซึ่งจะได้ประโยชน์ทางอ้อม ได้แก่:
(1) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
-
เน้นพัฒนา EEC
-
ขยายระบบราง รถไฟเชื่อมภูมิภาค
(2) พรรคเพื่อไทย – พรรคก้าวไกล – พรรคภูมิใจไทย (วิเคราะห์จากกรอบนโยบาย)
แม้ไม่มีเนื้อหาในไฟล์ แต่ตามกรอบวิชาการ
-
เพื่อไทย: ผลักดัน Land Bridge และระบบราง
-
ก้าวไกล: พัฒนาโลจิสติกส์โปร่งใส ท่าเรือรัฐวิสาหกิจ
-
ภูมิใจไทย: เน้นการท่องเที่ยวชายฝั่งอ่าวไทย
แต่ทั้งหมด ได้ประโยชน์ทางอ้อม หากไทยดึงบทบาทโลจิสติกส์จากกัมพูชา
5. วิเคราะห์ข้อดี–ข้อเสีย หากไทยยกเลิก MOU 2543–2544 กับกัมพูชา
จากไฟล์ มีการวิเคราะห์ชัดเจนดังนี้:
ข้อดี (สำหรับไทย)
-
ไทยสามารถทบทวนเขตแดนและผลประโยชน์ทางทะเล
-
เพิ่มอำนาจต่อรองในอ่าวไทย
-
ลดความผูกพันที่อาจจำกัดสิทธิในอนาคต
(เนื้อหาในไฟล์กล่าวถึงด้านยุทธศาสตร์ แต่ไม่ได้ระบุข้อดีโดยตรงมากนัก—นักวิชาการจึงต้องตีความอย่างรอบคอบ)
ข้อเสีย (พบในเอกสารมากกว่าอย่างชัดเจน)
(1) ไทยถูกลดบทบาทในภูมิรัฐศาสตร์อ่าวไทย
(2) กัมพูชาจะหันไปใกล้ชิดเวียดนามมากขึ้น
ร่วมพัฒนาเส้นทางท่าเรือ–ถนนใหม่โดยไม่ต้องอิงไทย
(3) ไทยจะถูกตัดออกจากโครงข่ายโลจิสติกส์ภูมิภาค
เส้นทางอาจกลายเป็น “เวียดนาม–กัมพูชา–ลาว–จีน” แทน
(4) ไทยถูกบีบพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอ่าวไทย
ส่งผลต่อ
-
การเดินเรือ
-
การสำรวจพลังงาน
-
การถมทะเล–สร้างท่าเรือ
6. บทบาทของสภาผู้แทนราษฎรไทยและวุฒิสภาไทย
จากไฟล์ มีข้อสรุปชัดเจนว่า:
วุฒิสภา (ส.ว.)
-
มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา MOU 2543–2544 แล้ว
-
ศึกษาข้อดี–ข้อเสียอย่างเป็นทางการ
สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)
-
มีญัตติยื่น แต่ ยังไม่มีหลักฐานว่ามีคณะกรรมาธิการศึกษาอย่างเป็นทางการ
-
ไม่มีรายงานว่ามีการอภิปรายโดยตรงเรื่อง “สะพานฟูก๊วก”
ดังนั้น บทบาทรัฐสภาไทยต่อโครงการฟูก๊วก “ยังจำกัดมาก” เมื่อเทียบกับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของโครงการ
บทสรุปเชิงวิชาการ
โครงการสะพานฟูก๊วกของเวียดนามเป็นบันไดสำคัญในการขยายอำนาจทางทะเลของเวียดนาม และจำกัดศักยภาพของกัมพูชาโดยตรง โดยเฉพาะในมิติของคลองฟูนันเตโช
สำหรับไทย โครงการนี้เปิด “หน้าต่างยุทธศาสตร์” หลายประการให้ไทยสามารถกลับมาบทบาทผู้นำโลจิสติกส์อ่าวไทย หากมีการดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสม เช่น การเร่งท่าเรือแหลมฉบัง–EEC–Land Bridge และการขยายศักยภาพความมั่นคงทางทะเล
อย่างไรก็ตาม ไทยต้องระมัดระวังการบริหารความสัมพันธ์กับกัมพูชา โดยเฉพาะการพิจารณายกเลิก MOU 2543–2544 ที่อาจสร้างผลลบเชิงยุทธศาสตร์มากกว่าผลดี หากดำเนินโดยไม่รอบคอบ
ท้ายที่สุด รัฐสภาไทยควรมีบทบาทที่ชัดเจนกว่าปัจจุบันในการพิจารณาผลกระทบของโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในอ่าวไทย เพื่อให้ไทยไม่ตกอยู่ในสภาพเป็น “ผู้ตามเกมภูมิรัฐศาสตร์” ของประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น