วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

สะพานฟูก๊วก: ยุทธศาสตร์ทะเลและการเมืองไทย รัฐสภาไทยยังไม่ขยับ

 

วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพานฟูก๊วกของเวียดนามที่มีต่อไทยและกัมพูชา: มุมมองเชิงยุทธศาสตร์และนโยบาย

โครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเมืองห่าเตียนบนแผ่นดินใหญ่ของเวียดนามไปยังเกาะฟูก๊วก (Phu Quoc Island) ซึ่งมีความยาวประมาณ 47 กิโลเมตร และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2036  ไม่ได้เป็นเพียงโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ถูกมองว่าเป็น เกมยุทธศาสตร์ทางทะเล ที่ส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อการเดินเรือ ดุลอำนาจเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในอ่าวไทย และผลประโยชน์ของทั้งกัมพูชาและไทย  บทความนี้จะวิเคราะห์ผลกระทบดังกล่าวอย่างเป็นระบบและนำเสนอแนวทางนโยบายของไทยในการตอบสนอง

1. ผลกระทบโดยตรงต่อกัมพูชา: การจำกัดทางออกสู่ทะเล

โครงการสะพานฟูก๊วกสร้างผลกระทบโดยตรงและชัดเจนต่อกัมพูชา โดยเฉพาะในมิติโลจิสติกส์และความมั่นคง 

1.1 ผลต่อโครงการคลองฟูนันเตโช (Funan Techo Canal)

คลองฟูนันเตโชเป็นโครงการยุทธศาสตร์ของกัมพูชาเพื่อเปิดเส้นทางขนส่งสินค้าจากพนมเปญออกสู่ทะเลโดยไม่ต้องผ่านเวียดนาม 4แต่สะพานฟูก๊วกกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่บั่นทอนประสิทธิภาพของคลอง 

ข้อจำกัดทางกายภาพ: ปากคลองอยู่ที่จังหวัดกำปอด ซึ่งเรือต้องผ่านช่องแคบห่าเตียนการมีสะพานข้ามทะเลในจุดนี้จะสร้างข้อจำกัดด้านความสูงและความกว้าง ทำให้เรือสินค้าขนาดใหญ่อาจถูกบังคับให้ต้องอ้อมเกาะฟูก๊วกแทน 

  • ลดประสิทธิภาพ: คาดว่าประสิทธิภาพการเดินเรือในพื้นที่ช่องแคบจะลดลงทันทีประมาณ 20–30% เนื่องจากการต้องผ่านใต้โครงสร้างสะพานและข้อจำกัดด้านขนาดของเรือ  
  • การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์: การเร่งสร้างสะพานควบคู่กับการขุดคลองถูกตีความว่าเป็นการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์โดยตรง เพื่อลดความได้เปรียบและความเป็นอิสระทางโลจิสติกส์ของกัมพูชา  

1.2 ผลด้านความมั่นคงและท่าเรือ

ฟูก๊วกเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางทหารสำคัญของเวียดนาม สะพาน 47 กิโลเมตร จึงเป็นโครงสร้างที่เสริมอำนาจทางทหารของเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญ  

  • ความได้เปรียบทางทหาร: สะพานช่วยให้การส่งกำลังทางบก ทหาร และอาวุธจากแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะทำได้อย่างรวดเร็ว  จุดพักบนสะพานยังสามารถใช้เป็นสถานีตรวจการณ์หรือจุดติดตั้งระบบอาวุธได้  

  • ผลต่อท่าเรือสีหนุวิลล์: แม้ไม่ปิดกั้นทั้งหมด แต่ทำให้ช่องทางเข้าท่าเรือสีหนุวิลล์มีความแออัดมากขึ้น เพิ่มระยะทางเดินเรือ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกควบคุมโดยอำนาจทางทะเลของเวียดนาม ทำให้ท่าเรือสูญเสียความคล่องตัวในระดับหนึ่ง  

2. ผลกระทบและโอกาสทางอ้อมต่อประเทศไทย

แม้ไทยจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงเหมือนกัมพูชา แต่โครงการสะพานฟูก๊วกมีผลกระทบต่อไทยในด้านภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และการแข่งขันเชิงโลจิสติกส์  

2.1 ด้านเศรษฐกิจและโลจิสติกส์

  • การแข่งขันดึงดูดสายการผลิต: เวียดนามอาจใช้สะพานฟูก๊วกเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่ชายฝั่งให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว ซึ่งอาจแย่งความได้เปรียบจาก EEC ของไทยในระยะยาว  

  • โอกาสเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทางเลือก: เมื่อคลองฟูนันเตโชถูกจำกัดประสิทธิภาพ ไทยสามารถเสนอตัวเป็น Transshipment Hub โดยใช้ท่าเรือหลักในอ่าวไทย (เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง) และเชื่อมโยงผ่านโครงข่ายถนนและรางไปยังกัมพูชา ลาว และจีน โดยส่งเสริมเส้นทาง พนมเปญ–อรัญประเทศ–แหลมฉบัง ให้เป็นเส้นทางโลจิสติกส์หลักแทนคลองฟูนันเตโช  

2.2 ด้านความมั่นคงทางทะเล

  • สมดุลกำลังในอ่าวไทย: การขยายอิทธิพลทางทะเลของเวียดนามใกล้เขตแดนกัมพูชาและไทยส่งผลต่อสมดุลกำลังในอ่าวไทย 

  • ภัยคุกคามทางอ้อม: หากเกิดความตึงเครียด เวียดนามสามารถใช้ฟูก๊วกเป็นฐานควบคุมน่านน้ำฝั่งตะวันตก ซึ่งมีความใกล้ชิดต่อทะเลไทยตอนล่าง 

  • ความร่วมมือกับกัมพูชา: ไทยอาจต้องเสริมบทบาทความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลกับกัมพูชาเพื่อถ่วงดุลอำนาจ 

3. นโยบายสำคัญของไทยที่สามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์

โครงการสะพานฟูก๊วกได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ไทยต้องเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ของตนเอง 

3.1 การผลักดันโครงการเชื่อมโยงสองฝั่งทะเล (Land Bridge)

ความไม่แน่นอนและข้อจำกัดที่เกิดขึ้นในอ่าวไทยตอนล่าง ยิ่งทำให้โครงการ Land Bridge (เชื่อมชุมพร–ระนอง) มีความน่าสนใจทางยุทธศาสตร์มากขึ้น

  • เส้นทางทางเลือกเหนือกว่า: Land Bridge จะกลายเป็นเส้นทางทางเลือกที่หลีกเลี่ยงความขัดแย้งในอ่าวไทย ความแออัดในช่องแคบมะละกา และข้อจำกัดทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่องแคบห่าเตียนได้โดยตรง 

  • การเป็นคู่แข่งเชิงคุณค่า: โครงการนี้รองรับเรือขนาดใหญ่ได้มากกว่าที่ต้องผ่านช่องแคบห่าเตียน 25ช่วยให้ไทยเป็น “Gateway to the Gulf of Thailand and Indo-Pacific Trade Routes” 26

3.2 การเร่งพัฒนาท่าเรือหลักและ EEC

  • เสริมความเป็นศูนย์กลาง: ไทยควรเร่งรัดการลงทุนและพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และ 4 ให้เป็นท่าเรือน้ำลึกที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าหลักในอ่าวไทย 

  • ดึงดูดการลงทุน: การผลักดัน EEC ให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์เทคโนโลยีสูง อาจดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เลือกไทยแทนเวียดนามในบางอุตสาหกรรม 

4. วิเคราะห์นโยบายพรรคการเมืองไทยที่เกี่ยวข้อง

นโยบายพรรคการเมืองไทยส่วนใหญ่มักเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ แต่มีบางพรรคที่มีนโยบายที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การใช้ประโยชน์จากสถานการณ์สะพานฟูก๊วก 

พรรคการเมืองนโยบายเกี่ยวข้องหลักความเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์ (โครงการฟูก๊วก)

พรรคภูมิใจไทย 

ผลักดันโครงการ Land Bridge อย่างเข้มแข็ง  

Land Bridge เป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และข้อจำกัดในช่องแคบห่าเตียน

พรรคเพื่อไทย 

สนับสนุนโครงการ Land Bridge และนโยบายยกระดับไทยเป็น Logistics Hub  

สนับสนุนการเร่งพัฒนาศักยภาพท่าเรือหลักในอ่าวไทย (เช่น แหลมฉบัง) เพื่อแข่งขันด้านโลจิสติกส์  

พรรคพลังประชารัฐ  

ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC)  

สามารถเป็นฐานการเมืองในการผลักดันนโยบายโลจิสติกส์/ท่าเรือ เพื่อให้ไทยเป็นจุดกระจายสินค้าใหญ่ในอ่าวไทย  


5. ผลกระทบจากการยกเลิก MOU 43/44 (พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล)

โครงการสะพานฟูก๊วกกับการยกเลิก MOU 43/44 (บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเล - OCA) เป็นประเด็นทางภูมิศาสตร์และกฎหมายที่แตกต่างกัน แต่มีผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน  

5.1 ข้อได้เปรียบจากการยกเลิก MOU 43/44

มิติที่ได้เปรียบรายละเอียด
อำนาจอธิปไตย

ไทยได้อำนาจควบคุมการเจรจาคืนมา สามารถกำหนดจุดยืนและต่อรองใหม่โดยไม่มีพันธะผูกมัดภายใต้ MOU 

แรงกดดันทางเศรษฐกิจ

สามารถใช้ทรัพยากรใน OCA เป็นเครื่องมือต่อรอง โดยทำให้โครงการพัฒนาแหล่งพลังงานในพื้นที่ต้องหยุดชะงัก 

5.2 ข้อเสียเปรียบจากการยกเลิก MOU 43/44

มิติที่เสียเปรียบรายละเอียด
ความมั่นคงทางพลังงาน

สูญเสียโอกาสในการเข้าถึงแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ใน OCA ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานของไทยในระยะสั้นถึงกลาง 

ความสัมพันธ์กับกัมพูชา

ทำลายความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างร้ายแรง อาจทำให้กัมพูชามองว่าไทยไม่ได้เป็นมิตรแท้และหันไปพึ่งพาเวียดนามมากขึ้น 

ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์

เป็นการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจซ้ำเติมกัมพูชา ในขณะที่เวียดนามสร้างแรงกดดันด้านโลจิสติกส์ (สะพานฟูก๊วก) การกระทำนี้บั่นทอนโอกาสที่ไทยจะใช้ Land Bridge เป็นทางออกให้กัมพูชา ทำให้กัมพูชาอาจหันไปร่วมมือกับเวียดนามมากขึ้น และทำให้โครงการสะพานฟูก๊วกแข็งแรงขึ้น 

บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์: การยกเลิก MOU 43/44 อาจสร้างความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์ให้กับไทยมากกว่าได้เปรียบ เพราะไทยจะพลาดโอกาสในการใช้สถานการณ์ฟูก๊วกเป็นแรงจูงใจให้กัมพูชาหันมาพิจารณาใช้โครงการโลจิสติกส์ของไทย (เช่น Land Bridge) ไทยควรรักษาความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์กับกัมพูชา เพื่อเสนอตัวเป็นทางเลือกที่เป็นกลางและมีประสิทธิภาพสูงสุด 

6. บทบาทของสภาผู้แทนราษฎรไทยและวุฒิสภาไทย

รัฐสภาไทยมีบทบาทสำคัญในการพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ในอ่าวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นด้านเขตแดนและทรัพยากร 50

  • การพิจารณา MOU 43/44: มีการเคลื่อนไหวในรัฐสภาอย่างชัดเจนในการพิจารณาประเด็นการยกเลิก MOU 43/44 5151515151โดยเฉพาะวุฒิสภาได้มีการตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาข้อดีข้อเสียของการยกเลิก MOU 2543 และ 2544 อย่างละเอียดแล้ว เพื่อประเมินผลกระทบเชิงอธิปไตยและความมั่นคงทางพลังงาน 525252525252525252

  • การพิจารณาโครงการสะพานฟูก๊วก: ยังไม่มีรายงานข่าวที่ชัดเจน ว่ารัฐสภาไทยได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาศึกษาโครงการสะพานฟูก๊วกของเวียดนามเป็นการเฉพาะ 53535353อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ย่อมถูกรับทราบและอาจถูกหยิบยกขึ้นหารือในคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และคณะกรรมาธิการการคมนาคมขนส่ง 54และถูกใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในประเด็นโลจิสติกส์ที่สำคัญของไทยอย่างโครงการ Land Bridge 55

7. บทสรุป

โครงการสะพานฟูก๊วกของเวียดนามเป็นตัวเร่งให้เกิดการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ในอ่าวไทยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง โครงการนี้ส่งผลโดยตรงต่อกัมพูชาโดยการจำกัดประสิทธิภาพของโครงการคลองฟูนันเตโชและเสริมสร้างความมั่นคงทางทหารของเวียดนาม สำหรับประเทศไทย ผลกระทบส่วนใหญ่เป็นไปในลักษณะทางอ้อมซึ่งไทยสามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นโอกาสผ่านนโยบายที่เน้นการเสริมสร้างความเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของตนเอง โดยเฉพาะการเร่งรัดโครงการ Land Bridge และการยกระดับท่าเรือหลักในอ่าวไทย ในขณะเดียวกัน ไทยควรหลีกเลี่ยงการสร้างความตึงเครียดเพิ่มเติมกับกัมพูชา (เช่น การยกเลิก MOU 43/44 โดยพลการ) เพื่อรักษาบทบาทของตนในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือในภูมิภาค 

บทความทางวิชาการ

วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพานจากแผ่นดินใหญ่ไปสู่เกาะฟูก๊วก ของเวียดนามที่มีต่อไทยและกัมพูชา: นัยต่อยุทธศาสตร์ทะเล นโยบายไทย และบทบาทรัฐสภาไทย


บทนำ

โครงการสะพานเชื่อมเมืองห่าเตียนไปยังเกาะฟูก๊วกของเวียดนาม เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีความยาวประมาณ 47 กม. มีแผนเริ่มสร้างปี 2026 และแล้วเสร็จปี 2036 ด้วยงบประมาณประมาณ 15,000 ล้านบาทไทย 

วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…

แม้เป้าหมายหลักของเวียดนามคือการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของฟูก๊วก แต่โครงการนี้มีผลสะเทือนเชิงยุทธศาสตร์ต่อกัมพูชา และส่งผลต่อดุลการแข่งขันโลจิสติกส์ในอ่าวไทย รวมถึงผลกระทบเชิงอ้อมต่อไทยทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการเดินเรือ 

วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…


1. ผลกระทบของโครงการสะพานฟูก๊วกต่อกัมพูชา

1.1 ผลกระทบต่อคลองฟูนันเตโช (Funan Techo Canal)

คลองฟูนันเตโชเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกัมพูชาเพื่อเปิดทางเรือจากพนมเปญออกทะเลโดยไม่ต้องพึ่งเวียดนาม แต่โครงการสะพานฟูก๊วกอาจลดประสิทธิภาพการเดินเรือ 20–30% เพราะ

  • ต้องลอดใต้สะพาน

  • อาจมีข้อจำกัดขนาดเรือ

  • เรือจำนวนหนึ่งต้องอ้อมเกาะฟูก๊วก

  • เพิ่มเวลาและต้นทุนขนส่งสินค้าวิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…

ดังนั้น สะพานนี้กลายเป็น “ตัวแปรยุทธศาสตร์” ที่บั่นทอนความคุ้มค่าของคลองฟูนันเตโชโดยตรง

วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…

1.2 ผลกระทบต่อท่าเรือกัมพูชา

หากเรือใหญ่เข้า–ออกได้ลำบาก ท่าเรือสีหนุวิลล์และทางเลือกทางทะเลอื่น ๆ จะถูกจำกัดศักยภาพมากขึ้น 

วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…


2. ผลกระทบของโครงการต่อประเทศไทย

แม้ไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่มีผลต่อการแข่งขันด้านโลจิสติกส์และภูมิรัฐศาสตร์ในอ่าวไทยหลายประการ

2.1 โอกาสของไทยในการเป็น “ศูนย์กลางโลจิสติกส์อ่าวไทย”

เมื่อกัมพูชาถูกจำกัดเส้นทางเดินเรือ ทำให้ไทยสามารถดึงบทบาทโลจิสติกส์กลับคืน เช่น

  • เส้นทางพนมเปญ–อรัญประเทศ–แหลมฉบัง กลายเป็น “เส้นทางหลักแทนคลองฟูนันเตโช”

  • การขนส่งสินค้าผ่าน EEC เพิ่มขึ้น

  • ไทยดึงเรือสินค้าที่หลีกเลี่ยงช่องแคบห่าเตียนเข้าสู่น่านน้ำไทยมากขึ้น

วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…

วิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการสะพาน…

2.2 การขยายบทบาทด้านความมั่นคงทางทะเล

ไทยมีข้ออ้างเพิ่มในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังทางทะเล เช่น

  • เสริมกำลังในตราด–ชุมพร–สุราษฎร์ฯ

  • พัฒนาระบบเรดาร์ร่วมกับกัมพูชา

ผลลัพธ์คือไทยมีข้อมูลการเคลื่อนไหวในอ่าวไทยมากขึ้น และเพิ่มบทบาทในยุทธศาสตร์อ่าวไทย

2.3 การดันโครงการไทย เช่น EEC และแลนด์บริดจ์

โครงการสะพานฟูก๊วกทำให้ไทยเร่งดันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น

  • ท่าเรือน้ำลึกปากบารา

  • ท่าเรือชุมพร

  • Land Bridge ชุมพร–ระนอง


  • 3. นโยบายของไทยที่ได้ประโยชน์จากโครงการสะพานฟูก๊วก

จากข้อมูลในไฟล์ สามารถสรุปนโยบายที่ไทยควรใช้ประโยชน์ได้คือ:

(1) นโยบายเสริมความเป็นฮับโลจิสติกส์อ่าวไทย

  • ขยายท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3–4

  • เชื่อมไทย–กัมพูชา–ลาว–เวียดนาม แบบ multimodal

  • ดันเส้นทางพนมเปญ–อรัญประเทศ–แหลมฉบัง

(2) นโยบายความมั่นคงทางทะเล

  • พัฒนาเรดาร์ตรวจการณ์ร่วม

  • เสริมกำลังเรือและระบบติดตามในอ่าวไทย


  • (3) นโยบายเศรษฐกิจเรือขนส่ง (Maritime Economy)

  • ดึงเรือเข้าใช้น่านน้ำไทย

  • สร้างไทยให้เป็น Marine Services Hub เช่น ซ่อมเรือ น้ำมันเรือ อุปกรณ์เรือ

  • 4. พรรคการเมืองไทยที่มีนโยบายเกี่ยวข้อง

จากเนื้อหาในไฟล์ พบว่า “ไม่มีพรรคใดที่มีนโยบายตรงกับโครงการสะพานฟูก๊วกเวียดนามโดยเฉพาะ”

แต่มีพรรคที่มีนโยบายด้าน โลจิสติกส์–EEC–คมนาคม ซึ่งจะได้ประโยชน์ทางอ้อม ได้แก่:

(1) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

  • เน้นพัฒนา EEC

  • ขยายระบบราง รถไฟเชื่อมภูมิภาค


  • (2) พรรคเพื่อไทย – พรรคก้าวไกล – พรรคภูมิใจไทย (วิเคราะห์จากกรอบนโยบาย)

แม้ไม่มีเนื้อหาในไฟล์ แต่ตามกรอบวิชาการ

  • เพื่อไทย: ผลักดัน Land Bridge และระบบราง

  • ก้าวไกล: พัฒนาโลจิสติกส์โปร่งใส ท่าเรือรัฐวิสาหกิจ

  • ภูมิใจไทย: เน้นการท่องเที่ยวชายฝั่งอ่าวไทย

แต่ทั้งหมด ได้ประโยชน์ทางอ้อม หากไทยดึงบทบาทโลจิสติกส์จากกัมพูชา


5. วิเคราะห์ข้อดี–ข้อเสีย หากไทยยกเลิก MOU 2543–2544 กับกัมพูชา

จากไฟล์ มีการวิเคราะห์ชัดเจนดังนี้:

ข้อดี (สำหรับไทย)

  • ไทยสามารถทบทวนเขตแดนและผลประโยชน์ทางทะเล

  • เพิ่มอำนาจต่อรองในอ่าวไทย

  • ลดความผูกพันที่อาจจำกัดสิทธิในอนาคต

(เนื้อหาในไฟล์กล่าวถึงด้านยุทธศาสตร์ แต่ไม่ได้ระบุข้อดีโดยตรงมากนัก—นักวิชาการจึงต้องตีความอย่างรอบคอบ)

ข้อเสีย (พบในเอกสารมากกว่าอย่างชัดเจน)

(1) ไทยถูกลดบทบาทในภูมิรัฐศาสตร์อ่าวไทย

(2) กัมพูชาจะหันไปใกล้ชิดเวียดนามมากขึ้น

ร่วมพัฒนาเส้นทางท่าเรือ–ถนนใหม่โดยไม่ต้องอิงไทย

(3) ไทยจะถูกตัดออกจากโครงข่ายโลจิสติกส์ภูมิภาค

เส้นทางอาจกลายเป็น “เวียดนาม–กัมพูชา–ลาว–จีน” แทน

(4) ไทยถูกบีบพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอ่าวไทย

ส่งผลต่อ

  • การเดินเรือ

  • การสำรวจพลังงาน

  • การถมทะเล–สร้างท่าเรือ


  • 6. บทบาทของสภาผู้แทนราษฎรไทยและวุฒิสภาไทย

จากไฟล์ มีข้อสรุปชัดเจนว่า:

วุฒิสภา (ส.ว.)

  • มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา MOU 2543–2544 แล้ว

  • ศึกษาข้อดี–ข้อเสียอย่างเป็นทางการ

สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)

  • มีญัตติยื่น แต่ ยังไม่มีหลักฐานว่ามีคณะกรรมาธิการศึกษาอย่างเป็นทางการ

  • ไม่มีรายงานว่ามีการอภิปรายโดยตรงเรื่อง “สะพานฟูก๊วก”


ดังนั้น บทบาทรัฐสภาไทยต่อโครงการฟูก๊วก “ยังจำกัดมาก” เมื่อเทียบกับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของโครงการ


บทสรุปเชิงวิชาการ

โครงการสะพานฟูก๊วกของเวียดนามเป็นบันไดสำคัญในการขยายอำนาจทางทะเลของเวียดนาม และจำกัดศักยภาพของกัมพูชาโดยตรง โดยเฉพาะในมิติของคลองฟูนันเตโช

สำหรับไทย โครงการนี้เปิด “หน้าต่างยุทธศาสตร์” หลายประการให้ไทยสามารถกลับมาบทบาทผู้นำโลจิสติกส์อ่าวไทย หากมีการดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสม เช่น การเร่งท่าเรือแหลมฉบัง–EEC–Land Bridge และการขยายศักยภาพความมั่นคงทางทะเล

อย่างไรก็ตาม ไทยต้องระมัดระวังการบริหารความสัมพันธ์กับกัมพูชา โดยเฉพาะการพิจารณายกเลิก MOU 2543–2544 ที่อาจสร้างผลลบเชิงยุทธศาสตร์มากกว่าผลดี หากดำเนินโดยไม่รอบคอบ

ท้ายที่สุด รัฐสภาไทยควรมีบทบาทที่ชัดเจนกว่าปัจจุบันในการพิจารณาผลกระทบของโครงสร้างพื้นฐานใหม่ในอ่าวไทย เพื่อให้ไทยไม่ตกอยู่ในสภาพเป็น “ผู้ตามเกมภูมิรัฐศาสตร์” ของประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยมโมเดล: แนวโน้มนโยบาย พปชร.คุ้มครองพระพุทธศาสนา ในการเลือกตั้งปี 2569

บทวิเคราะห์เชิงลึก: พลวัตและทิศทางนโยบายการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569: กรณีศึกษาทัศนะแ...