วิเคราะห์มุมมองสื่อตะวันตกต่อสมณสารูปของพระสงฆ์ในเอเชีย: "นิพพานรอไว้ก่อน" และบทบาทที่เปลี่ยนไป
บทนำ: ภาพลักษณ์แห่ง "อหิงสา" ในสายตาตะวันตก
ในอดีต ภาพลักษณ์ของ พระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนาสายเถรวาทและมหายานที่ปรากฏต่อสายตาชาวตะวันตกคือสัญลักษณ์แห่ง สันติวิธี, ความสงบภายใน, และหลักการ "อหิงสา" (Ahimsa) หรือการไม่ทำร้าย . การปฏิบัติธรรมอย่างเงียบสงบ การนั่งสมาธิ และการตอบโต้ต่อความรุนแรงอย่างสันติของผู้นำจิตวิญญาณ เช่น องค์ทะไลลามะ ได้สร้างชื่อเสียงให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ปราศจากความรุนแรง (non-violence) และความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม รายงานของสื่อตะวันตกในช่วงหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้นำเสนอภาพที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง บทความนี้จะวิเคราะห์มุมมองและข้อวิจารณ์ของสื่อตะวันตก โดยเน้นที่การรายงานของ เดอะการ์เดียน (The Guardian) ต่อการผงาดขึ้นของ "พุทธนิยมหัวรุนแรง" (Buddhist extremism) และการเข้าสู่สนามการเมืองของพระสงฆ์ในภูมิภาคเอเชีย
พระสงฆ์กับบทบาทสมมติที่จำเป็นต้องแสดงและการวิจารณ์จากสื่อตะวันตก
สื่อตะวันตกตั้งข้อสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงบทบาทของพระสงฆ์จากผู้แสวงหาการบรรลุ นิพพาน ตามหลักการของพุทธศาสนาเถรวาท มาเป็น แกนนำหลักของการเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ชาตินิยม โดยมีการวิจารณ์อย่างรุนแรงภายใต้แนวคิดที่ว่า “Attaining nirvana can wait” หรือ "นิพพานรอไว้ก่อน" ซึ่งสื่อว่าพระสงฆ์ได้ละทิ้งเป้าหมายทางธรรมเพื่อเป้าหมายทางโลกและอำนาจทางการเมืองเป็นหลัก
1. การผงาดขึ้นของพุทธนิยมหัวรุนแรงในเอเชีย
ศรีลังกาและเมียนมาร์: รายงานระบุว่าในประเทศเหล่านี้ พระสงฆ์ได้กลายเป็นผู้นำของการเคลื่อนไหวที่นำไปสู่การ สนับสนุนให้เกิดความเกลียดชังทางศาสนา และการใช้ความรุนแรงต่อชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะ ชาวมุสลิม
ใน ศรีลังกา พระสงฆ์ห่มจีวรถูกมองเป็นสัญลักษณ์แห่งความน่ากลัวต่อชนกลุ่มน้อย หลังกลุ่มหัวรุนแรง เช่น Bodu Bala Sena (BBS) หรือกองทัพพลังชาวพุทธ ออกมาเรียกร้องให้ปกป้องชาวพุทธและสนับสนุนให้มีการปฏิบัติพิเศษต่อนักเรียนชาวพุทธ เช่น การสั่งห้ามการปฏิบัติของชาวมุสลิมบางประการ
ใน เมียนมาร์ พระอย่าง Ashin Wirathu ได้นำการเคลื่อนไหวต่อต้านชาวมุสลิมโรฮิงญา ซึ่งถูกมองว่าเป็นการแสวงหาอำนาจเหนือกว่าในพื้นที่ ไม่ใช่การมุ่งหน้าสู่นิพพานตามหลักการ
ผลกระทบทางสังคม: เหตุการณ์ความรุนแรงที่โคลัมโบ ศรีลังกา ในปี 2014 ที่ม็อบพุทธชาตินิยมเข้าบุกทำลายทรัพย์สินของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม เป็นตัวอย่างที่สื่อตะวันตกยกมาเน้นย้ำถึงผลพวงที่รุนแรงจากการเคลื่อนไหวเหล่านี้
2. พระสงฆ์กับการเมืองและ "พระสงคราม" (War Monk)
การเข้าสู่สนามการเมืองโดยตรง: สื่อตะวันตกชี้ว่าพระสงฆ์บางรูปไม่ได้จำกัดบทบาทแค่การประท้วง แต่ได้เข้าสู่การเมืองอย่างเป็นทางการ เช่น พระ Athuraliye Rathana Thero ที่ร่วมก่อตั้งพรรค Jathika Hela Urumaya (JHU) ในศรีลังกา
การเรียกร้องทางทหาร: แทนที่จะส่งเสริมสันติภาพ พระสงฆ์ชื่อดังหลายรูปกลับออกมาผลักดันให้มีการ ปฏิบัติทางกำลังทหารมากขึ้น ทำให้สื่อศรีลังกาเรียกพระเหล่านี้ว่า “พระสงคราม” (war monk)
บริบทความขัดแย้ง: ในกรณีของ กัมพูชา ก็มีการรายงานถึงการสั่งให้พระสงฆ์เดินทางไปให้กำลังใจทหารในพื้นที่ชายแดนที่มีความขัดแย้งกับไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการใช้สถานะของพระสงฆ์เพื่อเป้าหมายทางชาตินิยมและภูมิรัฐศาสตร์
ข้อสรุปและมุมมองวิเคราะห์ของสื่อตะวันตก
เดอะการ์เดียนสรุปว่าการกระทำของแกนนำพระสงฆ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าตกใจสำหรับโลกตะวันตก เพราะมันขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของศาสนาพุทธที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุค 60s ที่เน้นเรื่องการนั่งนิ่งสงบและการทำสมาธิ
คำถามต่อหลักการ "อหิงสา": คำถามสำคัญที่สื่อตะวันตกตั้งขึ้นคือ "เกิดอะไรขึ้นกับศาสนาพุทธ" ในประเทศเหล่านี้ และหลักการเดียวที่อยู่เหนือทั้งหมดอย่าง "อหิงสา" ที่พระ Walpola Rahula เคยแปลว่าไม่ใช่แค่การเลี่ยงการทำร้าย แต่รวมถึงการป้องกันความรุนแรงที่มาจากผู้อื่นด้วย
อิทธิพลจากยุคอาณานิคม: นักข่าวเดอะการ์เดียนวิเคราะห์ว่าปรากฏการณ์ ขบวนการพุทธติดอาวุธ เหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลมาจาก ยุคการล่าอาณานิคม ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่จุดประกายความรู้สึกชาตินิยมที่รุนแรง
การหลงทางระหว่างทาง: สื่ออังกฤษสรุปด้วยคำถามเชิงปรัชญาที่ว่า พระสงฆ์เหล่านี้แตกต่างเป็นอย่างมากจากนักบวชและนักการศาสนาที่ตั้งหน้าเพื่อเป้าหมายสูงสุด (นิพพาน) แต่บางทีกลับ หลงทางระหว่างนั้น หรือไม่? พร้อมทิ้งท้ายว่าในโลกที่เปลี่ยนแปลงด้วยปัจจัยความขัดแย้งและความกลัว ไม่มีคำปวารณาทางศาสนาใด ๆ จะปลอดภัยจาก แรงดึงดูดทางการเมือง
การวิเคราะห์ของสื่อตะวันตกแสดงให้เห็นถึงความกังวลอย่างลึกซึ้งต่อการผสมผสานศาสนาเข้ากับการเมืองชาตินิยมที่รุนแรง ซึ่งบิดเบือนแก่นแท้ของพุทธศาสนาในสายตาของโลกภายนอก โดยมองว่าพระสงฆ์ได้สวม "บทบาทสมมติ" ที่จำเป็นต้องแสดงเพื่อเป้าหมายทางโลกและอำนาจเหนือกว่าในสังคม แทนที่จะเป็นบทบาทของผู้แสวงหาความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร.

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น