วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

พลังประชารัฐจัดทัพใหม่: ตรีนุชกับยุทธศาสตร์เลือกตั้ง


วิเคราะห์พรรคพลังประชารัฐปรับโครงสร้างใหม่: กรณีศึกษาการแต่งตั้งนางสาวตรีนุช เทียนทอง เป็นเลขาธิการพรรค

บทคัดย่อ

บทความนี้วิเคราะห์การปรับโครงสร้างครั้งสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 3/2568 ซึ่งมีการแต่งตั้ง นางสาวตรีนุช เทียนทอง เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ พร้อมจัดทัพผู้บริหารชุดใหญ่กว่า 22 ตำแหน่ง การปรับโครงสร้างครั้งนี้สะท้อนการวางยุทธศาสตร์เพื่อเตรียมเลือกตั้ง 2569 การปรับภาพลักษณ์ และตอบโจทย์ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่กำลังเป็นแรงขับเคลื่อนทางการเมืองสำคัญ


1. บทนำ: ความจำเป็นของการปรับโครงสร้างพรรคการเมืองในยุค 2569

ก่อนการเลือกตั้งปี 2569 การเมืองไทยเผชิญภาวะ “ความปั่นป่วนเชิงโครงสร้าง” (structural turbulence) ทั้งด้านเทคโนโลยี แพลตฟอร์มดิจิทัล พฤติกรรมการสื่อสาร การเมืองออนไลน์ และการเติบโตของฐานเสียงคนรุ่นใหม่ที่มีค่านิยม ความคาดหวัง และ pain points ต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง 

พรรคการเมืองใหญ่ รวมถึงพลังประชารัฐ จึงจำเป็นต้องปรับตัวทั้งด้านผู้นำ นโยบาย และโครงสร้างภายใน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและฟื้นความน่าสนใจ ต่อกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


2. ภาพรวมการประชุมใหญ่พลังประชารัฐ: การจัดทัพใหม่และการแต่งตั้งบริหารชุดใหญ่

พรรคพลังประชารัฐจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 3/2568 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ที่ประชุมมีมติปรับโครงสร้างใหม่ ดังนี้

2.1 แต่งตั้งนางสาวตรีนุช เทียนทอง เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่

การแต่งตั้ง ตรีนุช เทียนทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สะท้อนความต้องการเพิ่ม ภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ–ซอฟต์พาวเวอร์ทางการเมือง และสร้างสมดุลระหว่างรุ่นเก่า–รุ่นใหม่ภายในพรรค

2.2 การเลือกกรรมการบริหารชุดใหญ่กว่า 22 คน

ประกอบด้วยหัวหน้าพรรค เลขาธิการ รองหัวหน้า เหรัญญิก และกรรมการบริหารหลายด้าน ครอบคลุมตัวแทนทุกภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมส่งผู้สมัคร ส.ส. ทุกภาคทั่วประเทศ

2.3 การตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครเลือกตั้ง

คณะกรรมการสรรหา 5 คน โดยมีตรีนุชร่วมเป็นหนึ่งในผู้กำหนดกลยุทธ์การคัดเลือกผู้สมัคร สะท้อนบทบาทสำคัญในงานยุทธศาสตร์ของพรรค

2.4 การเตรียมเสนอบุคคลชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 1–3 รายชื่อ

โดยมีชื่อ พล.อ.ประวิตร ในบัญชีแน่นอน และพรรคอาจเสนอบุคคลอื่นร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเมือง


3. การแต่งตั้งตรีนุช เทียนทอง: ความหมายเชิงยุทธศาสตร์

การแต่งตั้งตรีนุชเป็นเลขาธิการพรรคมีความสำคัญในหลายมิติ

3.1 การส่งสัญญาณ “รีแบรนด์พรรค” เพื่อลดภาพจำการเมืองแบบเดิม

จากงานวิจัยพบว่าพรรคใหญ่ของไทยมีภาพจำ “การเมืองแบบเดิม–รวมศูนย์–สื่อสารช้า” ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ 

ตรีนุชซึ่งมีภาพลักษณ์ “มืออาชีพ–ปรับตัวสูง–ทำงานกับนโยบายการศึกษาและอนาคตใหม่” จึงช่วยลดภาพจำดังกล่าว

3.2 การตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ผ่านนโยบายและทิศทางใหม่ของพรรค

คนรุ่นใหม่ (เจน Z–Y รุ่นปลาย) คาดหวังต่อพรรคการเมืองดังนี้

  • ความโปร่งใส–ตรวจสอบได้

  • การสื่อสารกระชับและทันสมัย

  • นโยบายการศึกษา นวัตกรรม และเศรษฐกิจใหม่

  • นโยบายสิ่งแวดล้อมคุณภาพชีวิตเมือง

  • โครงสร้างรัฐแบบเปิด (Open State)

ตรีนุชมีประสบการณ์ด้านการศึกษา และเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันการศึกษาเชิงนวัตกรรม ซึ่งเป็นจุดสนใจหลักของคนรุ่นใหม่ จึงช่วยยกระดับนโยบายพรรคให้สอดคล้องกับกระแสในปี 2569

3.3 ความสามารถทางการเมืองเชิงสถาบัน

ตำแหน่งเลขาธิการคือ “เสาหลักด้านยุทธศาสตร์–โครงสร้าง–ปฏิบัติการเลือกตั้ง” การที่พปชร.มอบตำแหน่งนี้ให้ตรีนุช สะท้อนความเชื่อมั่นในความสามารถต่อไปนี้

  • ประสานงานภายในพรรค

  • วางยุทธศาสตร์หาเสียง

  • ทำงานเชิงนโยบาย

  • สื่อสารกับสาธารณะในเชิงสถาบัน


4. การปรับโครงสร้างพรรคกับบริบทการเมืองไทยในยุคคนรุ่นใหม่

จากเอกสาร คนรุ่นใหม่.docx สามารถเชื่อมโยงการปรับโครงสร้างของพปชร. กับพฤติกรรม–ความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ได้ดังนี้

4.1 พรรคการเมืองต้องแข่งขันใน “สนามของข้อมูล–แพลตฟอร์มดิจิทัล”

TikTok, X, YouTube และ Meme Politics มีบทบาทสำคัญในการกำหนดวาทกรรมทางการเมืองและภาพลักษณ์ของพรรคในยุคนี้

การมีผู้นำรุ่นใหม่ขึ้นในโครงสร้างพรรคจึงช่วยปรับภาษา วิธีสื่อสาร และ narrative ให้เข้ากับแพลตฟอร์มเหล่านี้

4.2 พรรคใหญ่ต้องแก้ภาพจำเดิมเพื่อดึงฐานเสียง Z–Y

งานวิจัยชี้ว่า พรรคใหญ่ถูกมองว่า

  • รวมศูนย์

  • สื่อสารแบบราชการ

  • ปรับตัวช้า
    ซึ่งทำให้เสียคะแนนจากกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างมาก

    การดึงตรีนุชเข้ามามีบทบาทบริหาร ช่วยลดช่องว่างระหว่างพรรคกับคนรุ่นใหม่

4.3 เนื้อหานโยบายต้องตอบโจทย์ “5 เสา” ของคนรุ่นใหม่

  1. เศรษฐกิจ–โอกาสใหม่

  2. การศึกษา 5.0

  3. รัฐโปร่งใส

  4. สิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียม

  5. สิ่งแวดล้อม–คุณภาพชีวิตใหม่ 

ซึ่งล้วนเป็นประเด็นที่ตรีนุชสามารถผลักดันได้ในระดับนโยบาย


5. ผลกระทบต่ออนาคตการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ

การปรับโครงสร้างครั้งนี้อาจส่งผลต่ออนาคตของพรรคใน 4 ประการสำคัญ

5.1 เพิ่มความคล่องตัวของโครงสร้างพรรค

การจัดทัพผู้บริหารใหม่ 22 ราย ช่วยให้พรรคมีระบบปฏิบัติการเลือกตั้งที่แข็งแรงขึ้นในทุกภูมิภาค

5.2 สร้างความแข็งแกร่งในการสื่อสารนโยบายสู่คนรุ่นใหม่

การมีผู้นำรุ่นใหม่ผสมกับรุ่นเก่า ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ให้ “ทันสมัย–น่าเชื่อถือ–ตรวจสอบได้”

5.3 วางรากฐานสู่การเสนอบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี

การประกาศว่าจะเสนอชื่อ 1–3 รายชื่อ และยืนยันมีชื่อพล.อ.ประวิตรในบัญชี เป็นกลยุทธ์รักษาฐานเสียงเดิม ขณะเดียวกันอาจเปิดโอกาสเพิ่มผู้สมัครเพื่อดึงกลุ่มเสียงใหม่

5.4 การแข่งขันกับพรรคเกิดใหม่

พรรคเกิดใหม่มีความได้เปรียบด้าน narrative และการสื่อสารเข้าถึง Z–Y ได้ดีมากกว่า

พปชร.ต้องรีแบรนด์อย่างจริงจังจึงจะสามารถแข่งขันได้ในสนามเลือกตั้ง 2569


6. บทสรุป

การปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐและการแต่งตั้งนางสาวตรีนุช เทียนทองเป็นเลขาธิการพรรคเป็นสัญญาณของความพยายามสร้าง พลังใหม่ทางยุทธศาสตร์ ของพรรค เพื่อตอบสนองบริบทการเมืองที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะฐานเสียงคนรุ่นใหม่ที่มีบทบาทกำหนดผลการเลือกตั้งมากขึ้นเรื่อย ๆ

การปรับโครงสร้างครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการจัดทัพภายใน แต่เป็นการปรับตัวต่อ “ภูมิทัศน์การเมืองใหม่” ที่ต้องการ

  • ความโปร่งใส

  • ความคล่องตัว

  • ภาพลักษณ์ที่ทันสมัย

  • นโยบายตอบโจทย์อนาคต
    อย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิยมโมเดล: แนวโน้มนโยบาย พปชร.คุ้มครองพระพุทธศาสนา ในการเลือกตั้งปี 2569

บทวิเคราะห์เชิงลึก: พลวัตและทิศทางนโยบายการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2569: กรณีศึกษาทัศนะแ...