วิเคราะห์วัดใหม่ยายแป้นกับ MOU บริษัทตรวจสอบภายใน: ก้าวใหม่ของธรรมาภิบาลและมาตรฐานการบริหารจัดการวัดไทย
บทคัดย่อ
บทความนี้มุ่งวิเคราะห์ความร่วมมือระหว่างวัดใหม่ยายแป้น กรุงเทพมหานคร กับบริษัทพีแอนด์แอล กรุ๊พ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบภายในมืออาชีพ โดยถือเป็นกรณีศึกษาเชิงนโยบายและธรรมาภิบาลในสถาบันศาสนาไทย การลงนาม MOU ครั้งนี้มีนัยยะสำคัญต่อความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และการพัฒนามาตรฐานการบริหารจัดการวัดในยุคใหม่ ทั้งในด้านการเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง และกระบวนการกำกับดูแลกิจการ รวมถึงการพัฒนาหลักเกณฑ์การบริหารจัดการวัดสู่ความเป็นเลิศภายใต้แนวคิด Thailand Quality Award (TQA)
1. บทนำ
การบริหารจัดการวัดในประเทศไทยมีความท้าทายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกระแสสังคมที่ให้ความสำคัญกับ “ความโปร่งใส – ความรับผิดชอบ – ธรรมาภิบาล” มากขึ้น ประกอบกับเหตุการณ์ด้านการบริหารงานวัดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ความไว้วางใจของพุทธศาสนิกชนต่อวัดลดลงอย่างมีนัยยะ การที่วัดใหม่ยายแป้นเปิดวัดให้บริษัทตรวจสอบภายในระดับประเทศเข้ามาตรวจสอบจึงถือเป็น “ปรากฏการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์” ของวัดเมืองไทย
2. ภูมิหลังของความร่วมมือ: บริบทและแรงจูงใจเชิงยุทธศาสตร์
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 พระเมธีวัชรบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น ได้ลงนาม MOU กับ ดร.กิตติศักดิ์ ชนกมาตุ ประธานบริษัทพีแอนด์แอล กรุ๊พ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีพระเมธาวินัยรส และนิสิตปริญญาเอก สาขาสตินวัตกรรมและสันติศึกษาร่วมเป็นพยาน
ปัจจัยผลักดันที่สำคัญ ได้แก่
-
วัดอยู่ในช่วงพัฒนาโครงการขนาดใหญ่หลายด้าน เช่น
-
การดีดและบูรณะโบสถ์
-
การพัฒนาอารามรมณีย์
-
การพัฒนานิพพานสถานธรรม
ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากจากผู้มีจิตศรัทธา
-
-
ความคาดหวังของสังคมด้านความโปร่งใสสูงขึ้น
-
วิกฤตศรัทธาจากคดีทุจริตวัดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
-
การปรับตัวของวัดต่อโลกยุคใหม่ในเชิงนโยบายและธรรมาภิบาล
3. บทบาทของบริษัทตรวจสอบภายในต่อวัด: มิติใหม่ของธรรมาภิบาลทางศาสนา
บริษัทพีแอนด์แอล (ประเทศไทย) จำกัด มีประสบการณ์ตรวจสอบภายในมากกว่า 30 ปี ตรวจสอบให้องค์กรกว่า 100 แห่งในระดับประเทศ การเข้ามาตรวจสอบวัดใหม่ยายแป้นปีละ 1 ครั้งในด้านสำคัญ เช่น
-
ระบบบัญชีและการเงิน
-
การจัดซื้อจัดจ้าง
-
ระบบบริหารจัดการภายใน
-
การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน
เป็นการยกระดับวัดสู่ “มาตรฐานองค์กรสาธารณะสมัยใหม่” แตกต่างจากการตรวจสอบรูปแบบเดิมที่อาศัยเฉพาะฝ่ายภายในวัดหรือคณะสงฆ์
4. ความหมายเชิงธรรมาภิบาลและผลต่อศรัทธาในพระพุทธศาสนา
พระเมธีวัชรบัณฑิตชี้ว่า วิกฤตศรัทธาต่อวัดในปัจจุบันเกิดจากประเด็นการทุจริต การจัดการเงินไม่โปร่งใส และความไม่ชัดเจนของการตัดสินใจในวัด
การเปิดวัดให้ตรวจสอบโดยมืออาชีพสร้างผลดีหลายประการ ได้แก่
4.1 เพิ่มความไว้วางใจของพุทธศาสนิกชน
ผู้บริจาคและชุมชนมีข้อมูลการบริหารใช้เงินอย่างชัดเจน
4.2 ป้องกันความเสี่ยงด้านทุจริต
ระบบตรวจสอบภายนอกเชิงรุกลดโอกาสทุจริตหรือเข้าใจผิด
4.3 ยกระดับความเป็นมืออาชีพของคณะกรรมการวัด
ทั้งเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร และคณะกรรมการบริหารวัดต้องปรับตัวสู่รูปแบบการบริหารตามมาตรฐานองค์กร
4.4 สร้างโมเดลการบริหารจัดการวัดรูปแบบใหม่ให้ประเทศ
อาจเป็นต้นแบบให้วัดอื่นนำไปปรับใช้ในอนาคต
5. ความพยายามสู่มาตรฐาน TQA: การยกระดับวัดสู่ “องค์กรคุณภาพเป็นเลิศ”
ในฐานะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award: TQA) พระเมธีวัชรบัณฑิตกำลังเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาคุณภาพมาพัฒนา “เกณฑ์บริหารจัดการวัดเพื่อความเป็นเลิศ” โดยใช้วัดใหม่ยายแป้นเป็น โครงการนำร่อง (Pilot Project)
ประเด็นสำคัญของเกณฑ์ที่คาดว่าจะพัฒนา ได้แก่
-
การวางยุทธศาสตร์วัด
-
ระบบงานบริหารจัดการเชิงคุณภาพ
-
ความโปร่งใสด้านการเงินและการจัดซื้อจัดจ้าง
-
การตอบสนองต่อชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
-
การบริหารความเสี่ยง
-
ระบบการสื่อสารและรายงานผล
แนวทางนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่วัดถูกยกระดับสู่มาตรฐานองค์กรสาธารณะคุณภาพสูงเทียบเท่าโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย หรือรัฐวิสาหกิจ
6. วิเคราะห์เชิงนโยบาย: ความท้าทายและโอกาส
6.1 ความท้าทาย
-
วัดจำนวนมากยังไม่มีระบบบัญชีที่ชัดเจน
-
ความต้านทานต่อการตรวจสอบในบางวัดหรือบางพื้นที่
-
ข้อจำกัดด้านบุคลากร ไวยาวัจกร และคณะกรรมการวัด
-
กรอบกฎหมายการคณะสงฆ์ที่ยังไม่รองรับระบบตรวจสอบเชิงลึก
6.2 โอกาส
-
ยกระดับความโปร่งใสของสถาบันศาสนา
-
ช่วยฟื้นฟูศรัทธาพุทธศาสนิกชน
-
เป็นโมเดลสร้างมาตรฐานใหม่ระดับประเทศ
-
ขยายความร่วมมือไปสู่วัดอื่นได้
-
เชื่อมโยงงานวิชาการด้านสันติศึกษา ธรรมาภิบาล และการจัดการวัดในยุคใหม่
7. บทสรุป
การลงนาม MOU ระหว่างวัดใหม่ยายแป้นและบริษัทพีแอนด์แอล กรุ๊พ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหมุดหมายสำคัญของการปฏิรูปการบริหารจัดการวัดไทยในศตวรรษที่ 21 การตรวจสอบภายในโดยมืออาชีพช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อผู้ศรัทธา ขณะเดียวกันยังเปิดประตูสู่การพัฒนาระบบมาตรฐานการบริหารจัดการวัดตามแนวทาง TQA ซึ่งอาจกลายเป็นต้นแบบระดับประเทศในอนาคต ถือเป็นก้าวสำคัญของการนำหลักธรรมาภิบาลและนวัตกรรมการจัดการสมัยใหม่มาสู่สถาบันศาสนาไทย



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น